svasdssvasds

ตัดสินแล้ว! ศาลสั่งจำคุก ราชาคริปโตฯ Sam Bankman-Fried ผู้ก่อตั้ง FTX

ตัดสินแล้ว! ศาลสั่งจำคุก ราชาคริปโตฯ Sam Bankman-Fried ผู้ก่อตั้ง FTX

ศาลตัดสินจำคุก Sam Bankman-Fried หรือ SBF ผู้ก่อตั้งและอดีตซีอีโอของ FTX แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตรายใหญ่ เป็นเวลา 25 ปี ต้องจ่ายค่าปรับกว่า 11,000 ล้านเหรียญด้วย ด้านแซมเตรียมยื่นอุทธรณ์

SHORT CUT

  • ผลการตัดสินคดีของมหาเศรษฐีวงการคริปโท
  • ติดคุก 100 กว่าปี ลดเหลือ 25 ปีและจ่ายเงินคืน 11,000 ล้านเหรียญ
  • แซม ไม่ได้สำนึกและขอยื่นอุทธรณ์ต่อ

ศาลตัดสินจำคุก Sam Bankman-Fried หรือ SBF ผู้ก่อตั้งและอดีตซีอีโอของ FTX แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตรายใหญ่ เป็นเวลา 25 ปี ต้องจ่ายค่าปรับกว่า 11,000 ล้านเหรียญด้วย ด้านแซมเตรียมยื่นอุทธรณ์

แซม แบงก์แมน เจ้าของฉายา “มหาเศรษฐีคริปโท” อดีตผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ FTX แพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโทเคอเรนซี ถูกศาลแมนฮัตตันตัดสินโทษจำคุก 25 ปี พร้อมสั่งให้คืนเงิน 11,000 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณ 4 แสนล้านบาท เพื่อนำไปจ่ายคืนแก่ผู้เสียหาย

โดย ลูอิส แคปแลน ผู้พิพากษาศาลเขตแมนฮัตตัน ได้ส่งคำพิพากษาในการพิจารณาคดีว่า แซม ได้กระทำอันตรายอย่างใหญ่หลวง แม้รู้ว่าเป็นความผิดทางอาญาก็ไม่เคยกล่าวคำขอโทษหรือสำนึกผิดต่อการกระทำของตน

หลังจากที่ แซม ได้ให้การว่า ลูกค้าของ FTX ไม่ได้สูญเสียเงินจริงๆ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาขาดความสำนึกผิดอย่างแท้จริงและยังโกหกระหว่างให้การในการพิจารณาคดีเพื่อขออุทธรณ์ด้วย

sam ขณะถูกคุมตัว

ไม่สำนึกผิดอย่างจริงใจแต่จะขออุทธรณ์

การขึ้นศาลก่อนหน้านี้ คณะลูกขุนนิวยอร์กตัดสินว่ามีความผิดในข้อหาฉ้อโกง ยักยอกเงิน และสมรู้ร่วมคิดทางอาญาทั้ง 7 กระทง และต้องเผชิญกับโทษจำคุกสูงสุด 110 ปี

ทางทนายความของ แซม แบงก์แมน ฟรายด์ได้เรียกร้องให้ผู้พิพากษาผ่อนปรน และชี้ว่าโทษจำคุกสูงสุด 100 ปีนั้นค่อนข้างแปลกประหลาด

ทั้งนี้ ระหว่างการพิจารณาคดีครั้งล่าสุด เขาได้กล่าวต่อผู้พิพากษาเป็นเวลา 20 นาที ใจความตอนหนึ่งระบุว่า ลูกค้า FTX ต้องทนทุกข์ทรมาน และขอโทษเพื่อนร่วมงานของเขา

พ่อแม่ของเขารู้สึกหัวใจสลาย แต่จะสู้ต่อไป

แต่คำกล่าวนี้กลับไม่ได้ทำให้ศาลและคณะลูกขุนรู้สึกดีขึ้น ผู้พิพากษาถึงกับระบุชัดว่า แซม ไม่ได้มีการสำนึกอย่างจริงใจ ขณะที่พ่อและแม่ของเขาที่เข้าร่วมฟังการพิจารณาคดีออกแถลงการณ์ว่ารู้สึกใจสลาย แต่จะต่อสู้เพื่อลูกชายของพวกเขาต่อไป

ย้อนคดีของแซม แบงก์แมน ฟรายด์

Sam Bankman-Fried ก่อตั้งแพลตฟอร์มซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโตเคอร์เรนซีที่ชื่อว่า 'FTX' เมื่อปี 2563 เขาเริ่มสร้างระบบนิเวศเพื่อให้ธุรกิจเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยการเข้าไปให้การสนับสนุน Terra Solona โปรเจกต์ DeFi และ NFT เพื่อขยายแบรนด์ย่อยในหลายประเทศทั่วโลก และมีการออกโทเคน ที่ชื่อว่า ‘FTT’ ซึ่งได้รับความนิยมแพร่หลาย จนเรียกได้ว่าเป็นยุคที่เฟื่องฟูของ FTX ในขณะนั้น 

จากนั้นในปี 2565 ก็มีการระดมทุนเพิ่ม 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยผู้ลงทุนส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่ม Venture Capital และสถาบันการเงินต่างๆ เช่น SoftBank Temasek Paradigm Tiger Global เป็นต้น  

จากนั้นวงการคริปโตเคอเรนซี ก็เข้าสู่ช่วงตกต่ำจากเหตุการณ์โดมิโนเอฟเฟกต์ครั้งใหญ่ ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมคริปโตโดยรวม ไม่ว่าจะเป็น การล่มสลายของ Terra และราคาเหรียญ Luna ที่ตกลงอย่างรวดเร็ว จนนักลงทุนเทขายหุ้นกันไม่หยุด

จากนั้นก็เป็นการขาดทุนของ FTX เองจนทำให้อดีตซีอีโอของบริษัทโบรกเกอร์ลาออก และข่าวลือกระหน่ำมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ความขัดแย้งด้านกฎหมายที่มีการปล่อยกู้ที่ผิดปกติ และการบริจาคเงินจำนวนมหาศาลให้แก่นักการเมืองที่มีศักยภาพและมีอิทธิพลทางกฎหมายในการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลของสหรัฐ และยังมีการล็อบบี้นักการเมืองอีกด้วย

จนมาถึง จุดพีกอย่าง CZ อดีตผู้ก่อตั้ง Binance ยอมรับว่าได้ทำการโอนเหรียญ FTT มูลค่าประมาณ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เข้าไปใน Binance และตั้งใจว่าจะเทขาย ส่งผลให้เหรียญ FTT เริ่มราคาตกลงเรื่อยๆ จนกระทั่งโดนปิดกิจการ (Liquidated) ได้เลย

เมื่อมีคนทะยอยถอนเงินออกมาเรื่อยๆ FTX ก็ไม่มีสินทรัพย์มากพอตามจำนวนของยอดคนที่ถอนและไม่มีเงินไปชำระคืน ส่งผลกระทบต่อความน่าเชื่อถือและนำไปสู่การปิดตัวนั่นเอง

 

ที่มา : WSJ, CNBC

ภาพ : Reuters

อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม

related