svasdssvasds

ไขข้อสงสัยเกี่ยวกับปัญหาการใช้ YouTube ที่เหล่าครีเอเตอร์เจอบ่อย

ไขข้อสงสัยเกี่ยวกับปัญหาการใช้ YouTube ที่เหล่าครีเอเตอร์เจอบ่อย

เหล่าครีเอเตอร์มักเจอปัญหาในการสร้างคอนเทนต์มากมาย ทั้งการทำคลิปบน YouTube ที่มีความยาวทั่วไปและการสตรีมสด รวมทั้งวิดีโอสั้น Shorts ที่มีความยาวไม่เกิน 60 วินาที สามารถสร้างเนื้อหาได้อย่างอิสระ

YouTube ได้เผยข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาที่เหล่าครีเอเตอร์มักเจอในกระบวนการทำงาน ซึ่งทาง YouTube เองก็พยายามพัฒนาและปรับปรุงฟีเจอร์ พร้อมคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ เพื่อส่งเสริมให้ครีเอเตอร์สร้างสรรค์เนื้อหาได้อย่างอิสระ และผู้ชมทั่วโลกเข้าถึงเนื้อหาที่มีคุณภาพได้ดีขึ้น

ขณะเดียวกัน ความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับ Youtube ในด้านต่างๆ พร้อมข้อสงสัยก็จะเข้าใจชัดเจนขึ้น

1. วิดีโอยาวและวิดีโอ Shorts ที่ไม่สร้างรายได้นั้น จะทำให้ระบบไม่แสดงหรือแนะนำวิดีโอนั้นให้คนดูได้เห็นจริงหรือไม่?

ไม่จริง : เพราะระบบการค้นหา (Search) และการแนะนำ (Recommendation) ของ YouTube ไม่สามารถมองเห็นสถานะการสร้างรายได้ของ Shorts แต่จะมุ่งเน้นไปที่คอนเทนต์ Shorts ที่คนดูต้องการชม โดยไม่สนใจว่าการสร้างรายได้ของ Shorts นั้นจะเป็นอย่างไร

2. วิดีโอ Shorts ที่ไม่ประสบความสำเร็จเพราะมีคนดูน้อยนั้นจะส่งผลให้คนดูวิดีโอแบบยาวน้อยตามไปด้วยจริงหรือไม่?

ไม่จริง : Shorts จะประสบความสำเร็จหรือไม่นั้น ไม่ส่งผลกระทบในทางลบกับระบบการแนะนำวิดีโอแบบยาวเลย และในทางกลับกัน Shorts ที่มีคนดูไม่มากนัก ก็อาจจะกลายเป็นช่องทางเลือกให้ผู้ชมใหม่ๆ ค้นพบช่องคุณ รวมทั้งวิดีโอแบบยาว ที่โชว์อยู่บนช่องคุณอยู่แล้วก็ได้

ไขข้อสงสัยเกี่ยวกับปัญหาการใช้ YouTube ที่เหล่าครีเอเตอร์เจอบ่อย

3. วิดีโอ Shorts ที่ไม่มีปก (Thumbnail) จะทำให้คนดูไม่กดเข้าไปชม และจะทำให้อัตราการคลิกต่อการมองเห็น (CTR: Click through rate) น้อย จริงหรือไม่?

ไม่จริง : เพราะยอดวิวส่วนใหญ่ของ Shorts มาจาก Shorts Feed ที่ไหลไปเรื่อยๆ โดยปกติ Thumbnail และอัตราการคลิกต่อการมองเห็น (CTR: Click through rate) นั้น ไม่ได้ส่งผลเกี่ยวข้องเลย

ข้อมูลเกี่ยวกับหัวข้อวิดีโอหรือช่องที่อัปโหลดวิดีโอ Shorts ต่างหากที่เป็นตัวแปรสำคัญ อย่างไรก็ตาม คุณสามารถเลือก Thumbnail ของ Shorts ได้แล้ว ทั้งบน iOS และ Android

4. ต้องอัปโหลดวิดีโอครั้งต่อสัปดาห์ถึงจะประสบความสำเร็จ

การที่ช่องจะประสบความสำเร็จบน Youtube หรือไม่นั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการกำหนดจำนวนครั้งต่อสัปดาห์ในการอัปโหลด แต่ควรให้ความสำคัญกับความสม่ำเสมอ การทำตารางการผลิตและอัปโหลดวิดีโอที่เหมาะสมกับตนเอง

สิ่งหนึ่งที่ควรระวังคือการอัปโหลดวิดีโอที่มากเกินไป อาจกระทบต่อคุณภาพของผลงาน และอาจจะส่งผลเสียต่อช่อง มากกว่าที่จะช่วยช่องให้เติบโต เพราะการที่โหลดวิดีโอที่มีคุณภาพอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คนดูและแฟนๆ รู้สึกผูกพัน และคอยติดตามผลงานและมีปฏิสัมพันธ์กับวิดีโอของคุณ 

หากคุณสามารถจัดตารางเวลาการอัปโหลดที่เหมาะสมได้แล้ว ยังสามารถแจ้งคนดูเพิ่มเติมผ่านทาง Channal Banner หรือหน้าปกช่องได้ด้วยเช่นกัน

Credit Pic : Unsplash

5. ในกรณีที่คนดูแจ้งว่าไม่เห็นมีการแจ้งเตือนหลังจากที่มีการอัปโหลดวิดีโอใหม่ เป็นเพราะว่า YouTube เข้าไปแก้ไขในระบบหลังบ้าน จริงหรือไม่?

ไม่จริง : ในระบบของ YouTube มีวิธีการตั้งค่าการแจ้งเตือนอยู่ 3 แบบ ได้แก่ แบบที่ปรับตามพฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้แต่ละคน ซึ่งเป็นค่าเริ่มต้น แบบไม่เตือนเลย และแบบเตือนทั้งหมด

หากช่องของคุณเลือกวิธีการตั้งค่าแบบแรก คนดูจะได้รับการแจ้งเตือนสำหรับการอัปโหลดวิดีโอยาว Shorts และการสตรีมแบบสด บางรายการจากช่องคุณ โดยอิงจากพฤติกรรมที่ผ่านมาของคนดูที่ประกอบไปด้วยประวัติและความถี่การเข้าชมวิดีโอจากช่องคุณ  

หากตั้งค่าแบบที่ 3 คนดูจะได้รับการแจ้งเตือน เวลามีการอัปโหลดวิดีโอแบบยาว หรือการสตรีมแบบสดทั้งหมด รวมทั้งคนดูยังจะได้รับการเตือนเพื่อรับชม Shorts โดยอ้างอิงจากพฤติกรรมการติดตาม และประวัติการชมของพวกเขาอีกด้วย

6. ได้ยินมาว่า YouTube มีการลบผู้ติดตามออกจากช่องด้วยจริงหรือไม่? เพราะบางครั้งอยู่ดีๆ ยอดผู้ติดตามก็ลดลงเป็นจำนวนมาก

ไม่จริง : เพราะระบบหลังบ้านของ YouTube ไม่สามารถไปกดลบยอดผู้ติดตามออกจากช่องต่างๆ ได้ แต่ในกรณีของช่องที่ถูกสร้างมาเพื่อสแปม ใช้ปั๊มยอดวิว ปั๊มยอดผู้ติดตาม รวมทั้งช่องต่างๆ ที่ทำผิดกฎของ YouTube หรือ Google หากถูกปิดตัวลงยอดวิวหรือยอดผู้ติดตามช่องจะไม่รวมเข้ามาช่องใหม่ด้วย

ในกรณีที่ยอดผู้ติดตามหายไปเป็นจำนวนมากในวันเดียว อาจจะเกิดขึ้นจากการที่ช่องเหล่านั้นถูกปิดตัวลงเพราะว่าเป็นสแปม หากช่องนั้นมีช่องที่เป็นสแปมมาติดตามไว้แล้ว ถูกปิดหลายๆ ช่องในวันเดียวกัน ก็จะทำให้เกิดตัวเลขยอดผู้ติดตามติดลบเป็นจำนวนมากในวันเดียวด้วย

7. ครีเอเตอร์ช่องใหญ่ๆ และช่องที่มีผู้ติดตามเป็นจำนวนมากมักจะประสบความสำเร็จในการหารายได้จากช่องทางอื่นๆ เช่น Fan Funding จริงหรือไม่?

ไม่จริง : เพราะช่องที่ประสบความสำเร็จ ไม่จำเป็นว่าจะต้องมียอดผู้ติดตามเป็นจำนวนมากเสมอไป เพราะแต่ละช่องสามารถสร้างรายได้จาก Super Chat และ Super Stickers ได้ จะเห็นได้จากช่องจำนวนมากที่ทำคอนเทนต์แล้วให้คนดูมีส่วนร่วมกับวิดีโอของพวกเขาตอนทำสตรีมแบบสด ซึ่งได้ยอด Supers เป็นจำนวนมากถึงเป็นหลักแสนจนถึงหลักล้านบาทเลยที่เดียว 

นอกจากนี้ การที่ช่องมียอดผู้ติดตามเป็นจำนวนมากก็จะช่วยให้ยอด Supers มากขึ้นตามธรรมชาติ สิ่งสำคัญคือ การสร้างคอนเทนต์ที่สามารถให้คนดูมีส่วนร่วมได้เป็นอย่างดี นับว่าประสบความสำเร็จแล้ว

Credit Pic : Unsplash

8. สำหรับคอนเทนต์ที่ต้องการใช้เพลงประกอบ หากเป็นเพลงที่มีลิขสิทธิ์จะสามารถนำมาตัดใช้ในความยาวไม่เกิน 7 วินาที อย่างเช่นท่อนฮุค จริงหรือไม่? แล้วเพลงอะไรที่ใช้ในวิดีโอได้บ้าง?

ไม่จริง : หากไม่มีการขอสิทธิ์จากเจ้าของลิขสิทธิ์ของเพลงนั้นๆ ช่องไม่สามารถใช้เพลงนั้นได้ โดยทางเจ้าของลิขสิทธิ์สามารถยื่นฟ้องทางกฎหมายกับ YouTube เพื่อนำวิดีโอนั้น ลงจากแพลตฟอร์มและถ้าช่องคุณโดนเแจ้งเกิน 3 ครั้ง ใน 90 วัน ช่องอาจจะถูกปิดตัวลงได้เลย รวมทั้งหากคุณไปถ่ายทำวิดีโอตามสถานที่ต่างๆ แล้วบังเอิญสถานที่นั้นได้เปิดเพลง หรือแม้กระทั่งมี Sound Effect บางอย่างของเพลง เข้ามาอยู่ในวิดีโอของคุณก็ถือว่าใช้เพลงนั้นไม่ได้เช่นกัน

ส่วนเพลงที่สามารถนำมาใช้ได้ ก็คือเพลงที่อยู่ใน Library ของ YouTube เท่านั้น เพราะมีการขออนุญาตด้านลิขสิทธิ์เรียบร้อยแล้ว ดังนั้น ต้องมั่นใจว่าคุณมีสิทธิ์ทั้งหมดในตัววิดีโอของคุณก่อนที่จะอัปโหลดทุกครั้ง

9. จะทำอย่างไรเพื่อให้คนต่างชาติเห็นวิดีโอของคุณเพิ่มขึ้น เช่น ทำอย่างไรถ้าอยู่ต่างประเทศ แล้วต้องการให้มีผู้ชมคนไทยเข้ามาดูมากขึ้น

อัลกอริทึมของ YouTube จะติดตามคนดู หากคนดูคอนเทนต์ในประเทศไทยมีจำนวนมาก ก็จะส่งผลให้วิดีโอนั้นถูกแนะนำให้คนดูในประเทศไทยเข้ามาชมมากขึ้น

ทั้งนี้ สถานที่ตั้งของช่องไม่ได้ถูกใช้งานในอัลกอริทึมของ YouTube ดังนั้น หากต้องการให้คนดูประเทศไหนดูวิดีโอของคุณเพิ่มขึ้น ก็ต้องให้คนที่อยู่ในประเทศนั้นดูมากขึ้นเช่นกัน

10. ปัจจุบัน YouTube มีคำแนะนำให้ครีเอเตอร์ สามารถเรทวิดีโอตัวเอง (Self-certification) เพื่อช่วยในการตัดสินใจของระบบ และเคยได้ยินมาว่าหากครีเอเตอร์เรทวิดีโอไหนเป็น limited ads หรือไอคอนสีเหลือง ระบบจะไม่แสดงวิดีโอนั้นใน search & discovery ซึ่งสิ่งนี้เป็นสิ่งที่ครีเอเตอร์ไม่อยากทำ เพราะต้องการให้คนดูเห็นวิดีโอเยอะๆ แบบนี้ครีเอเตอร์ต้องทำอย่างไร

Self-certification คือ การรับรองหรือเรทตัววิดีโอว่าควรที่จะได้ไอคอนการสร้างรายได้สีอะไร เหมาะกับโฆษณาทั้งหมดหรือแค่บางประเภทเท่านั้น  

โดย YouTube จะใช้ระบบแมชชีนเลิร์นนิ่งและเจ้าหน้าที่คอยตรวจสอบวิดีโอว่าเหมาะกับไอคอนสีอะไร ถ้าครีเอเตอร์เรตวิดีโอได้ถูกต้องเป็นประจำ ระบบจะเชื่อข้อมูลที่ครีเอเตอร์กรอกมากกว่าการตัดสินใจของระบบ เช่น ถ้าช่องเรตวิดีโอเป็นไอคอนเขียว ระบบเรตเหลือง วิดีโอจะได้รับไอคอนเขียว เคล็ดลับคือให้เรตแบบไม่เข้าข้างตัวเองจะดีที่สุด

ถ้าคุณเรตวิดีโอว่าเป็น Limited Ads หรือไอคอนสีเหลือง แล้วระบบจะทำให้วิดีโอคุณแสดงให้คนดูน้อยลงหรือไม่ คำตอบคือไม่ เพราะว่าไม่เกี่ยวกัน ไม่ว่าจะสีเขียวหรือเหลืองก็แสดงให้เห็นเท่ากัน 

แต่บางวิดีโอที่ได้รับ Age-restricted เพราะว่ามีคอนเทนต์สำหรับผู้ใหญ่ และได้รับไอคอนสีเหลือง แบบนี้จะทำให้คนดูเห็นน้อยลง เพราะคนดูอายุต่ำกว่า 18 จะไม่สามารถเห็นได้

11. การที่ช่องได้รับการเตือน Copyright Strike หรือ Community Guideline การกดลบวิดีโอนั้นทิ้งไปจะช่วยให้ช่องนั้นพ้นความผิดหรือไม่

ครีเอเตอร์จะมีตัวเลือกในการเข้าร่วมหลักสูตรการฝึกอบรมที่ให้ความรู้ต่างๆ เมื่อได้รับคำเตือนเรื่องการละเมิดหลักเกณฑ์ของชุมชน แหล่งข้อมูลเหล่านี้เป็นวิธีใหม่ที่ช่วยให้ครีเอเตอร์เข้าใจวิธีหลีกเลี่ยงการอัปโหลดเนื้อหาที่ละเมิดนโยบายในอนาคต เมื่อครีเอเตอร์ผ่านหลักสูตร เราจะนำคำเตือนออกจากช่องหากครีเอเตอร์ไม่ละเมิดนโยบายเดียวกันในระยะเวลา 90 วัน

 

อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม

related