สำนักงานศาลเร่งสอบ "ดราม่าอ้างผู้พิพากษา ไม่แสดงใบขับขี่" ผู้การฯนคร สั่งย้ายตำรวจกลับที่เดิม
สำนักงานศาลยุติธรรมเร่งตรวจกรณีดราม่าอ้างผู้พิพากษา ไม่แสดงใบขับขี่ ว่าเป็นข้าราชการศาลจริงหรือไม่ ด้านผู้การฯ นคร เผยสั่ง ผกก. ย้ายตำรวจกลับไปปฏิบัติหน้าที่ตามเดิม
จากเหตุการณ์ที่ โลกโซเชียลมีการแชร์ คลิปวิดีโอ ระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรแห่งหนึ่ง ในจังหวัดนครศรีธรรมราช ขณะกำลังตั้งด่านตรวจ และขอตรวจสอบใบขับขี่กับเจ้าของรถยนต์ฮอนด้าน สีขาว แต่ผู้ขับขี่กลับอ้างตัวเป็นผู้พิพากษาศาลคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 8 จนทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจยอมไปรถไป
ล่าสุดทีมข่าวสปริงนิวส์ออนไลน์ ได้รับรายงานว่าทางสำนักงานศาลยุติธรรม ทราบเรื่องดังกล่าวตามที่สื่อนำเสนอแล้ว และดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่าบุคคลดังกล่าวเป็นข้าราชการศาลจริงหรือไม่ หากพบว่าเป็นข้าราชการศาลก็จะดำเนินการตามขั้นตอน
ขณะเดียวกัน ทีมข่าวสปริงนิวส์โทรศัพท์สอบถามความคืบหน้าเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ พล.ต.ต.ฐากูร เนตรพุกกณะ ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช ทราบว่า ขณะนี้ทางผู้บังคับบัญชาทราบถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว และได้สั่งการให้ พ.ต.อ.โชคดี รักษ์วัฒนพงษ์ ผกก.สภ.ทุ่งใหญ่ จว.นครศรีธรรมราช มีคำสั่งให้ ส.ต.ต.เอกพล จุ้ยส่องแก้ว ผู้บังคับหมู่งานป้องกันและปราบปราม สภ.ทุ่งใหญ่ ที่ถูก พ.ต.อ.โชคดี ออกคำสั่งสถานีตำรวจภูธรทุ่งใหญ่ ที่ 144 /2562 เรื่องให้ข้าราชการตำรวจปฎิบัติหน้าที่ราชการ ตามคำสั่งสถานีตำรวจภูธรทุ่งใหญ่ ที่ 139/2562 ลงวันที่ 30 เมษายน 2562 เรื่องการจัดกำลังตำรวจปฎิบัติหน้าที่ประจำเดือนพฤษภาคม 2562 โดยมอบหมายหน้าที่ให้ สิบตำรวจตรีเอกพล จุ้ยส่องแก้ว ปฎิบัติหน้าที่งานสายตรวจจราจร ประจำชุดปฎิบัติการที่ 1 นั้น เนื่องจากมีภารกิจจำเป็นที่จะต้องใช้ สิบตำรวจตรีเอกพล จุ้ยส่องแก้ว ผู้บังคับหมู่งานป้องกันและปราปบรามสถานีตำรวจภูธรทุ่งใหญ่ ปฎิบัติ จึงให้ข้าราชตำรวจดังกล่าวมาปฎิบัติหน้าที่ออกตรวจร่วมกับผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรทุ่งใหญ่ ตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคม 2562 เป็นต้นไป โดยหนังสือดังกล่าวมี พ.ต.อ.โชคดี เป็นคงลงนามในคำสั่งเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2562 ที่ผ่านมา
พล.ต.ต.ฐากูร กล่าวว่าขณะนี้ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.โชคดี ยกเลิกคำสั่งดังกล่าวและให้ ส.ต.ต.เอกพล กลับไปปฎิบัติหน้าที่สายตรวจจราจรตามเดิม ซึ่ง พล.ต.ต.ฐากูร กล่าวว่าเหตุผลที่ ผกก.สภ.ทุ่งใหญ่ มีคำสั่งย้ายสิบตำรวจตรีเอกพล ไม่ใช่การกลั่นแกล้งผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างที่สังคมกำลังตั้งข้อสังเกตุอยู่ในขณะนี้ และเชื่อว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้จะไม่ทำให้ตำรวจชั้นผู้น้อยเสียขวัญและกำลังใจ
