svasdssvasds

วุ่นหนัก!! แอพฯ U Drink I Drive เปลี่ยนจากเพื่อนร่วมหุ้นกลายเป็นจำเลย

วุ่นหนัก!! แอพฯ U Drink I Drive เปลี่ยนจากเพื่อนร่วมหุ้นกลายเป็นจำเลย

นักธุรกิจแวดวงไฮโซ เสียงแตกคอ หลังพยายามขายธุรกิจแอพพลิเคชั่น "ยูดริ้งค์ ไอไดรฟ์" ราคาต่ำเกินจริง ล่าสุดศาลแพ่งกรุงเทพใต้ มีคําสั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามจําหน่าย จ่ายหรือโอน ทรัพย์สิน

ด้วยพฤติกรรม… เป้าหมายชีวิต… และความมุ่งหวัง ของคน “GEN Y” (เกิด พ.ศ. 2524 ถึง 2540) และ คน “GEN Z” (เกิด พ.ศ. 2540 เป็นต้นมา) นั่นคือ “ความอดทนต่ำ”… “ต้องการประสบความสำเร็จเร็ว”… “ต้องการเป็นนายของตนเอง”… “มุ่งอิสรภาพ”… และ “การใช้ชีวิตให้คุ้มค่าที่สุด”…

ผนวกกับการเติบโตมากับโลกยุคเทคโนโลยีดิจิทัลซึ่งพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกรอบด้านและการติดต่อไร้พรมแดน

เราจึงเห็นหนุ่มสาวมากมาย พยายามคิดค้น “นวัตกรรมใหม่ๆ” ที่ตอบสนองกับโลกสังคมออนไลน์ในปัจจุบัน…

แต่ด้วยประสบการณ์ชีวิตที่ต่ำ... ชั่วโมงบินชีวิตที่น้อย... ธุรกิจ Start Up ส่วนใหญ่กว่า 98% นั้น จึงมักไม่ประสบความสำเร็จ…

“ยูดริ้งค์ ไอไดรฟ์” (U Drink I Drive) คืออีกตัวอย่างหนึ่ง ของผลผลิต “ธุรกิจ Start Up” หนุ่มสาวคนไทย… ที่สามารถอยู่รอดได้…และถือว่ากำลังไปได้สวย บนความหวังที่จะมุ่งสู่การเป็นดั่ง “Unicorn” หรือ “ดาวรุ่งดวงใหม่แห่งวงการเทค(โนโลยี)…

โดย “ยูดริ้งค์ ไอไดรฟ์” (U Drink I Drive) คือ Application มือถือซึ่งให้บริการคนขับรถสำหรับนักดื่มเที่ยว… เช่น เราเอารถไปงานสังสรรค์ แต่ดันกินเหล้าเยอะ… และไม่อยากทิ้งรถไว้ตามสถานบันเทิง… “U Drink I Drive” คือ บริการเรียกพนักงานขับรถ มาขับรถเรากลับให้อย่าง…

ซึ่งที่ผ่านมาต่อเดือน… “U Drink I Drive” มีรายได้กว่า 5 ล้านบาท… มีผู้ใช้บริการ 7 พันคน… มีการเติบโตเฉลี่ยกว่าปีละ 80%…

หากแต่ด้วยผลประโยชน์ระหว่างหุ้นส่วน 3 รายที่ไม่ลงตัว และความโลภที่ไม่เคยปราณีใคร…

โครงสร้างผู้ถือหุ้นที่ไม่มีใครถือใหญ่กว่า 50%… จึงก่อให้เกิดปัญหา…ดั่งเก้าอี้สามขาที่ไม่มีทางสมดุลได้…

โดยผู้ก่อตั้ง “U Drink I Drive” … ผู้คิดริเริ่มและถือหุ้นอันหนึ่ง กว่า 40% คือ “คุณสิรโสมย์ บริสุทธิ์สุวรรณ์” หรือ “สิ”

ส่วนอีก 2 รายนั้นที่ถือ 30% คือ “เพื่อนรักของสิ” … “นายจิรายุ พิริยะเมธา” และ “นางสาวอภินรา ศรีกาญจนา” หรือ “ปรางค์” สาวไฮโซชื่อดัง… ลูกสาวของ “นายจุลพยัพ ศรีกาญจนา” และ “นางยูกิ ศรีกาญจนา” เจ้าของ “บริษัทเอเชียประกันภัย”… “ร้านอาหาร NARA”... และ “บริษัท Pendulum”... ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายนาฬิกาแบรนด์หรู

ยิ่งไปกว่านั้น “ปรางค์ ศรีกาญจนา” ยังเป็น Presenter ของ “บัตรเครดิต Citi Bank” “Mercedes Benz”... และ “Gentle Woman Store”... อีกด้วย

โดยก่อนหน้านี้ไม่นานนั้นทั้ง “จิรายุ” และ “ปรางค์ ศรีกาญจนา” มีพยายามจะขาย Application “ยูดริ้งค์ ไอไดรฟ์” (U Drink I Drive) ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก หรือ “Core Business” ออกจากบริษัท ในราคาเพียง 3 ล้านบาท… จนเป็นเหตุให้ “สิรโสมย์” (โจกท์) ยื่นฟ้อง “บริษัท ยูดริ้งค์ ไอไดรฟ์ จำกัด” เป็นจําเลยที่ 1 “นายจิรายุ พิริยะเมธา” จำเลยที่ 2… “นางสาวอภินรา ศรีกาญจนา” เป็นจำเลยที่ 3 และ “บริษัท เอเชียพลัส แอสซิสแต้นซ์ จำกัด” เป็นจำเลยที่ 4 ต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ หลังจากที่ผู้ถือหุ้นทั้ง 2 ได้ตกลงขายทรัพย์สิน (Application) ของบริษัทในราคาที่ตํ่ากว่ามูลค่าจริงหลายเท่าตัว

และล่าสุดนั้น “ศาลแพ่งกรุงเทพใต้” มีคําสั่งคุ้มครองชั่วคราว… ห้ามมิให้จําเลยที่ 1 จําหน่าย จ่ายหรือโอน ทรัพย์สิน อีกทั้งยังห้ามมิให้จําเลยที่ 2 จดทะเบียนโอน ขาย ยักย้ายจําหน่ายเครื่องหมายการค้า “ยูดริ้งค์ ไอไดรฟ์” ของจําเลยที่ 1 ซึ่งมีจําเลยที่ 2 มีชื่อจดทะเบียนเป็นผู้ถือสิทธิ์ไว้ชั่วคราวก่อนที่ ศาลจะมีคําพิพากษาออกมา

แปลง่ายๆ คือ “สิรโสมย์” ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 และผู้ริเริ่มก่อตั้ง “U Drink I Drive” ฟ้อง หุ้นส่วนที่ถือหุ้นน้อยกว่า แต่รวมกันแล้วมากกว่า (ปรางค์ ศรีกาญจนา และ จิรายุ) ในข้อหารวมหัวกันพยายามขาย “สินทรัพย์หลัก” ของบริษัทออกในราคาที่ถูกเกินจริง (3 ล้านบาท)…

โดยบริษัทที่ขายให้นั้นก็คือ “บริษัท เอเชียพลัส แอสซิสแต้นซ์ จำกัด” (ตัวแทนตรวจสอบความเสียหายให้กับบริษัทผู้รับประกันภัย) ซึ่งมีความใกล้ชิด กับ “บริษัทเอเชียประกันภัย 1950” ซึ่ง ปรางค์ และพ่อ เป็นกรรมการและผู้ถือหุ้นอยู่!!

และจากการสอบถามและพูดคุยกับกองทุนมากมายที่ชอบลงในธุรกิจ Start Up...ทุกคนต่างยืนยันว่า “U Drink I Drive” มีมูลค่าไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท… อีกทั้งที่ผ่านมาเมื่อปลายปี พศ. 2561… ทั้ง “สิรโสมย์”… “ปรางค์ ศรีกาญจนา” และ “จิรายุ” ก็เคยได้รับข้อเสนอซื้อหุ้นมาแล้วในมูลค่ารวมที่เท่ากับ 250 ล้านบาท… โดยหลักฐานทั้งหมดก็มีการเก็บไว้เพื่อต่อสู้ในคดีต่อไป…

ทั้งหมดนี้คือตัวอย่างที่น่าเศร้าของนักธุรกิจผู้ประกอบการรุ่นใหม่…แม้มีไฟ… มีความสามารถ… มีโอกาส… แต่มักขาดประสบการณ์ชีวิต จนลืมไปว่า เพื่อนก็มีโอกาสเอาเปรียบกันได้…

อย่างไรก็ตาม เรื่องพรรค์นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้… ไม่เว้นแต่ยักษ์ใหญ่อย่าง Facebook ก็เคยมีปัญหาลักษณะนี้เช่นเดียวกัน

สรุป… อุทาหรณ์ที่ควรจดจำคือ หากจะทำธุรกิจอะไร จะหุ้นกับใคร… จงคิดให้ดีในการจัดโครงสร้างการถือหุ้น ให้ผมแนะนำคือหากไม่จำเป็นจริง… ควรหุ้นถือคนเดียว และหากต้องการใครช่วย ก็ให้จ้างเอาเป็นกรณีไป

จงอย่ามองโลกแบบสวยงามเสมอ… เพราะบนความเป็นจริงคือมันไม่ใช่… ทุกสิ่งอย่างเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไป… เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา

ดังนั้นแม้คนรัก สามี ภรรยา หรือเพื่อนสมัยอนุบาล… ก็อาจแปรเป็นอื่นได้เพราะกิเลส รัก-โลภ-โกรธ-หลง… นับประสาอะไรกับพวกเศรษฐี ไฮโซ ผู้มักสร้างภาพดูดี แต่มีพฤติกรรมเยี่ยงโจร!?!

ของบางอย่าง… แม้อยู่ในหนังสือบทเรียน… แม้ถูกจ้ำจี้จ้ำไชสั่งสอน… แม้เห็นแล้วเห็นอีก… แต่คนเราก็มักไม่ยอมเรียนรู้จนกว่าจะโดนกับตนเอง

ไม่เว้นแต่เด็ก 5 ขวบ…ซึ่งตอนนั้น… ผมเฝ้าบอกว่าของมันร้อนอย่าไปเล่น… สุดท้ายก็ต้องถูกน้ำลวกขาพองเข้าโรงพยาบาลก่อนกว่าจะรู้ว่ามันร้อน…

bangkokbiznews

related