Facebook ยกเลิกระบบจดจำใบหน้า ทำไม? อันตรายตรงไหน?

‘ระบบจดจำใบหน้า’ Workจะตาย  ทำไม Facebook ถึงเลิกใช้ล่ะ? จากข่าวว่าเตรียมจะยกเลิธันวาคมนี้  กับ 1 พันล้าน บัญชี  ผู้ใช้ หรือมันอันตรายตรงไหน เดี๋ยวโอ๋สรุปให้ฟัง 

ทำไม Facebook ถึงเลิกใช้ ‘ระบบจดจำใบหน้า’

จากข่าวว่า เด่ว FB จะยกเลิกระบบ จดจำใบหน้า ธันวาคมนี้ กับ 1พันล้านบัญชี ซึ่งจะทำให้ Facebook จำหน้าเราไม่ได้อีกต่อไป
และ ไม่จะมีการแท็ก รวมถึงการอ่านรูปภาพอัตโนมัติเพื่อคนตาบอดอีกแล้ว แต่ยกเลิกทำไมนะ?

ระบบจดจำใบหน้า ใน FB คืออะไร?

Face Recognition หรือ ระบบจดจำใบหน้า เป็นเทคโนโลยีจดจำใบหน้าด้วย AI ที่ใช้กันเยอะมากทั่วโลก เพราะสามารถยืนยันอัตลักษณ์ตัวตนได้รวดเร็ว และ แม่นยำ เช่น
- การสแกนใบหน้า ปลดล็อกโทรศัพท์ ประตูบ้าน เข้าเขตหวงห้าม
- ใช้ควบคู่กับกล้องวงจรปิดเพื่อจับคนร้าย เปรียบกับหน้าในฐานข้อมูลประวัติอาชญากร
- การแท็กหากันในFB โดยอัตโนมัติ เวลาลงภาพ หรือ วิดีโอ ก็เกิดจากเทคโนโลยีนี้
โดย Facebook จดจำผู้ใช้งานมาตั้งแต่ปี 2010

ดีแบบนี้ แล้ว FB ยกเลิกทำไม ?
แน่นอน เทคโนโลยี ถือเป็น ดาบสองคม
ว่ากันว่ายกเลิกเพราะถูกวิจารณ์ว่า ระบุคนผิดว่าเป็นอาชญากร หรือ เข้าข้างคนผิวขาวมากกว่าผิวสี และข่าวฉาวที่ถูกแฉ ว่าให้ความสำคัญกับกำไร มากกว่าความปลอดภัยของผู้ใช้งาน หลังเจอรอยรั่วระบบ แต่ก็ยังแก้ไขไม่ได้ กระทบความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้งาน ถ้าหลุดไป คนร้ายเอาไปใช้อะไรได้บ้าง ?
- หรือในบางประเทศ ก็มีข้อมูลว่ารัฐบาลแอบเอาหน้าประชาชน ไปใช้โดยไม่ได้ขออนุญาติ
- ระบบที่ยังไม่เสถียร อาจมีการ ใช้เทคโนโลยีนี้ ปลอมแปลงใบหน้าจากภาพถ่าย หรือ ฝาแฝด เพื่อเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวก็ได้

โดย Facebook หรือ Meta ระบุว่า บริษัทต้องชั่งใจระหว่างประโยชน์จากเทคโนฯ หรือ ความกังวลเรื่องความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ เลยยกเลิกซะเลย แหม พระเอกน่าดู

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :

แต่งานนี้สรุปก็ไม่รู้ว่า Facebook หรือ Meta ให้ความสำคัญกับผู้ใช้งานจริง หรือ เพื่อเรียกคะแนนความเชื่อมั่นจาก Partner และ User เพราะเขากำลังจะสร้าง Metaverse มันจำเป็นต้องมีความเชื่อมั่นในการใช้งาน
แพลตฟอร์มเขาต่อนั่นเอง

แต่สรุปก็คือ เทคโนโลยีจดจำใบหน้า มันไม่ใช่ปัญหา หรือ อันตราย แต่ปัญหาเกิดจาก ถูกนำมาใช้งานในทางที่ผิด หรือ แพลตฟอร์มมีปัญหาหรือไม่บริสุทธิ์ใจกับผู้ใช้งานตางหากค่ะ รู้แบบนี้แล้ว ก็อาจจะต้องคิดให้ดี ก่อนจะกดยินยอม เวลาสมัครแอพลิเคชั่น หรือ แพลตฟอร์มใหม่ๆที่เขาขอเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของเราด้วยนะคะ