นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน รวมถึง เจ้าชายวิลเลี่ยม ดยุคแห่งเคมบริดจ์ พร้อมใจส่งเสียงประณาม การใช้ถ้อยคำเหยียดสีผิวในสื่อโซเชียลมีเดียที่มุ่งโจมตีนักฟุตบอลทีมชาติอังกฤษผิวดำ หลังดวลจุดโทษพ่ายอิตาลี ในนัดชิงฯยูโร 2020
ดราม่าแฟนบอลเหยียดผิวทีมชาติตัวเอง
กลายเป็นเรื่องที่ลุกลามบานปลายมาจากนัดชิงฯยูโร 2020 ซึ่งอังกฤษพ่ายแพ้จุดโทษต่ออิตาลี และคนที่พลาดจุดโทษคือนักเตะผิวดำทั้งหมด ทั้งมาร์คัส แรชฟอร์ด,เจดอน ซานโช่ และ บูคาโย ซาก้า และหลังจากที่อังกฤษชวดแชมป์ ถ้อยคำผรุสวาท ถ้อยคำหยาบคายก็ถาโถมสู่นักเตะทั้ง 3 คนทันที
โดยบีบีซี มีการเก็บข้อมูลว่า มีราวๆ 1,913 ข้อความที่โพสต์ลงโชเชียลเน็ตเวิร์ก รวมถึง 167 ทวีตที่ส่อเจตนาไปในทางเหยียดผิว นักเตะผิวดำทั้งสามคนในทีมชาติอังกฤษที่พลาดจุดโทษ ทันทีที่จบเกม
รวมใจประณามการเหยียดผิว
เรื่องนี้ ทุกฝ่ายที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ในอังกฤษ พร้อมใจกันประสานเสียง ร่วมกัน "ประณาม" การกระทำของแฟนบอลอังกฤษที่เหยียดผิวผ่านทางโลกออนไลน์ทันที นำโดย นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ กล่าวตำหนิการใช้ถ้อยคำเหยียดสีผิวในสื่อโซเชียลมีเดียที่มุ่งโจมตีนักฟุตบอลทีมชาติอังกฤษ โดยบอริส จอห์นสัน ชี้ว่า นักฟุตบอลทีมชาติอังกฤษสมควรได้รับการยกย่องเฉกเช่นวีรบุรุษ ไม่ใช่ถ้อยคำเหยียดผิว การล่วงละเมิดที่ร้ายแรง ด้วยข้อความเหยียดผิว ถือเป็นเรื่องที่น่าอับอายอย่างยิ่ง
ขณะที่ เจ้าชายวิลเลี่ยม ดยุคแห่งเคมบริดจ์ ฐานะองค์ประธานสมาคมฟุตบอลอังกฤษ เขียนข้อความผ่านทวิตเตอร์ประณามการกระทำของบุคคลเหล่านั้นที่เข้ามาใช้ถ้อยคำไม่สุภาพด่าทอ เหยียดผิว เหยียดเชื้อชาติ 3 นักเตะทีมชาติที่พลาดจุดโทษ
ด้าน สมาคมฟุตบอลของอังกฤษ ระบุในแถลงการณ์ว่า สมาคมฯ ไม่เห็นด้วยกับการแสดงพฤติกรรมที่น่ารังเกียจของแฟนบอล และจะทำทุกวิถีทางเพื่อสนับสนุนนักฟุตบอลที่ได้รับผลกระทบจากการกระทำดังกล่าว พร้อมเรียกร้องให้มีมาตรการลงโทษหนักกับผู้กระทำผิด
ส่วน ซาดีก คาน นายกเทศมนตรีกรุงลอนดอน แสดงความคิดเห็นร่วมประณาม พฤติกรรมการเหยียดผิวเช่นกัน ว่า ไม่มีที่สำหรับการเหยียดผิวในโลกฟุตบอล หรือไม่ว่าที่ไหนบนโลกก็ตาม และคนที่ทำเช่นนั้นควรถูกนำตัวมาลงโทษ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โลกต้องตระหนัก! อดีตเด็กฝึกหัดเอซี มิลาน ฆ่าตัวตาย ลาโลกเพราะโดนเหยียดผิว
สรุปให้ #StopAsianHate จากวอลเลย์บอลสาวเซอร์เบีย-ไทย แค่เผลอหรือตั้งใจ?
ซ่อมกำแพงที่ถูกพ่นด้วยข้อความคำด่าทอ
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางสถานการณ์ที่นักเตะทีมชาติอังกฤษกลายเป็นแพะรับบาปและถูกโจมตีด้วยการเหยียดเชื่อชาติจากแฟนบอลอันธพาลบางกลุ่ม แต่ก็ยังมีเรื่องราวดีๆ เรื่องที่พอจะทำให้ยิ้มได้ และเป็นการบ่งบอกว่า โลกปัจจุบัน ควรจะขจัด การเหยียดผิวออกไปให้หมดสิ้น
โดย ชาวเมืองในชุมชนวิททิงตัน ซึ่งเป็นบ้านเกิดของแรชฟอร์ดและสถานที่ตั้งของกำแพง ในเมืองแมนเชสเตอร์ ได้ออกมาช่วยกันปกปิดร่องรอย คำด่าทอ คำหยาบคายที่ถูกระบายใส่กำแพง ด้วยข้อความให้กำลังใจ มาร์คัส แรชฟอร์ดแทน จนเกิดเป็นภาพที่น่าประทับใจ ซึ่งดาวเตะวัย 23 ปี ได้ออกมาขอบคุณพร้อมขอโทษทุกคนที่ยิงจุดโทษไม่เข้า และเป็นเรื่องราวดีๆที่ ยังคงมีแฟนบอลกลุ่มใหญ่ที่คอยซัพพอร์ทและสนับสนุนนักเตะผิวดำในทีมชาติอังกฤษ อยู่เบื้องหลัง
ที่จริงแล้ว กำแพงแห่งนี้ ถือเป็นอนุสรณ์ของมาร์คัส แรชฟอร์ดในการทำความดีด้วยซ้ำ เพราะภาพจิตรกรรมฝาผนังนี้ถูกวาดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ดาวเตะทีมชาติอังกฤษ ที่เสียสละเวลาเดินหน้าช่วยเหลือเด็กยากไร้ ด้วยการเรียกร้องรัฐบาลไม่ให้ยุติโครงการแจกอาหารกลางวันฟรีแก่เด็ก ๆ รวมถึงร่วมมือกับองค์กรการกุศล FareShare เพื่อช่วยแจกอาหารฟรีหลายล้านมื้อให้กับผู้หิวโหย
ไม่ขอโทษในสิ่งที่ตัวเองเป็นจากการโดนเหยียดผิว
ด้าน มาร์คัส แรชฟอร์ด ซึ่งโดนแฟนบอลบางกลุ่มคุกคามเชิงเหยียดผิว เหยียดเชื้อชาติทางโซเชียลมีเดีย รวมถึงพ่นถ้อยคำหยาบคายบนจิตรกรรมฝาผนังรูปตัวเอง ได้ออกมาขอบคุณแฟนๆที่มาช่วยซ่อมกำแพง พร้อมทั้งขอโทษทุกคนที่ยิงจุดโทษไม่เข้าในเกมยูโร 2020 แต่ยืนยันว่าจะไม่ขอโทษในสิ่งที่ตัวเอง "เป็น" จากการโดนเหยียดเชื้อชาติ เพราะการเกิดเป็นคนผิวดำนั้น เป็นสิ่งที่เลือกไม่ได้ และเขายังภูมิใจเสมอที่เป็นตัวแทนของชาติอังกฤษ
การแก้ไขของเจ้าของแพลตฟอร์ม
ขณะที่ Facebook โซเชียลมีเดียระดับโลก ซึ่งเป็นเจ้าของ “Instagram” ได้ดำเนินการลบเนื้อหาที่เป็นอันตรายและเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างเร็วที่สุด โดยโฆษก Facebook เผยว่า ไม่มีใครควรต้องเผชิญกับการเหยียดผิวในทุกที่ และไม่ต้องการให้มันเกิดขึ้นบน Instagram โดยได้ดำเนินการลบความข้อความและบัญชีที่ชี้นำการละเมิดนักฟุตบอลอังกฤษอย่างรวดเร็วตั้งแต่คืนวันอาทิตย์ และจะดำเนินการกับผู้ที่ฝ่าฝืนกฎต่อไป
พร้อมกันนี้ Facebook ยังสนับสนุนให้ผู้ใช้งานทุกคนเปิดการใช้งาน “Hidden Woods” ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยกำจัดข้อความที่ไม่เหมาะสมในความคิดเห็นหรือไดเรคเมสเสจ (DM) ของแต่ละคน ด้วยเช่นกัน
สำหรับการเหยียดผิวนักเตะทีมชาติอังกฤษในครั้งนี้ ตำรวจนครบาลอังกฤษ กำลังอยู่ระหว่างดำเนินการไล่ล่าหาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษ
.
ความเกลียดชัง หรืออาชญากรรมในรูปแบบใด ๆ เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ เป็นสิ่งที่ไม่ควรได้รับการต้อนรับ รวมถึงอาญชากรรมจากการเหยียดผิวที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ ด้วย...เป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้
เพราะ ณ เข็มนาฬิกาเดินอยู่ ณ ปัจจุบันอีกแล้ว โลกหมุนมาถึงจุดที่ ทุกคนบนโลก ไม่ว่าจะสีผิวใด เชื้อชาติใด...ทุกคนต่างมีความเป็นมนุษย์อย่างเท่าเทียมกัน