ปิดฉากลงไปอีกถ้วย สำหรับถ้วยยูฟ่า ยูโรป้า ลีก ซึ่งบียาร์เรอัลแชมป์สมัยแรก จากการชนะจุดโทษเหนือแมนฯยูไนเต็ด หลังจากดวล120 นาที เสมอกัน 1-1 นับเป็นความน่าผิดหวังเจ็บปวดของแมนฯยูไนเต็ด ที่กลายเป็น ดับเบิ้ลรองแชมป์ ทั้งรองแชมป์ยูโรป้าลีกและรองแชมป์พรีเมียร์ลีก
10 เรื่องเกร็ดน่ารู้จากความผิดหวังของแมนฯยูไนเต็ด
1. แมนฯยูไนเต็ด และสาวกผีแดงต้องเจอกับความผิดหวังจากนัดชิงยูฟ่า ยูโรป้า ลีก เพราะพ่ายแพ้ต่อการดวลจุดโทษต่อบียาร์เรอัล 11-10 หลังจากเสมอกันใน 120 นาที 1-1 โดยเกมนี้ บียาร์เรอัล นำก่อนนาที 29 จากเกราร์ด โมเรโน่ นาที 29 และแมนฯยูไนเต็ด ตีเสมอจากเอดินสัน คาวานี่ นาที 55 และในช่วงการดวลจุดโทษในช่วงซัดเดนเดธ ยาวนานถึง 11 คนและคนสุดท้ายที่พลาดของผีแเดง นั่นคือ เดวิด เด เคอา
2. การเป็นรองแชมป์ในถ้วยนี้ของแมนฯยูไนเต็ด ทำให้พวกเขาจบซีซั่นนี้ด้วยบท "พระรอง" ใน 2 ถ้วย เพราะก่อนหน้านี้ ผีแดง จบพรีเมียร์ลีกในฐานะอันดับ 2 เช่นกัน และกุนซือโอเล่ กุนนาร์ โซลชา ยังไม่มีแชมป์ให้กับแมนฯยูไนเต็ดต่อไป นับตั้งแต่เขาคุมทีมผีแดง ตั้งแต่ปลายปี 2018
3. โอเล่ กุนนาร์ โซลชา กุนซือแมนฯยูไนเต็ด ยอมรับว่า ตอนนี้มันไม่ใช่เวลาที่จะมาชี้ นิ้วโทษสิ่งที่เขาทำแตกต่างออกไป แต่เมื่อสโมสรกลายเป็นทีมมือเปล่าไร้แชมป์แบบนี้หมายความว่ า ความพยายามยังไม่ได้เต็มร้อย และยังไม่ได้ทำทุกอย่างถูกต้อง
4. แมนฯยูไนเต็ด คือทีมที่มีสถิติเลวร้ายในการดวลจุดโทษในช่วงหลัง เพราะพวกเขาแพ้ 6 จาก 7 ครั้งหลังสุดที่มีการดวลจุดโทษ , ครั้งสุดท้ายที่ผีแดงชนะจุดโทษ ต้องย้อนไป กันยายน 2019 โดยชนะจุดโทษต่อโรชเดล ในถ้วยลีก คัพ , ขณะที่ ดาวิด เด เคอา ผู้รักษาประตูแมนฯยูไนเต็ดไม่เคยเซฟจุดโทษได้เลย เป็นเวลา 5 ซีซั่นกว่าแล้ว ในการดวลจุดโทษ 35 ลูกหลังสุด เขาเซฟไม่ได้เลย
5. เอดิสัน คาวานี่ กองหน้าแมนฯยูไนเต็ดที่พังประตูในได้เกมนัดชิงยูฟ่า ยูโรป้า ลีก นั่นทำให้เขาเป็นผู้เล่นที่อายุมากกว่า 34 ปี คนที่ 3 ที่ยิงได้ในเกมนัดชิงฯยุโรป ต่อจาก แกรี่ แม็คอัลลิสเตอร์ (อายุ 36 ปี) ยิงให้ลิเวอร์พูลในเกมนัดชิงยูฟ่า คัพปี 2006 และ ดิดิเยร์ ดร็อกบา (อายุ 34) ยิงให้เชลซีในเกมนัดชิงแชมเปี้ยนส์ ลีกปี 2012
6. การที่ตัวแทนสโมสรจากอังกฤษอย่างแมนฯยูไนเต็ด แพ้ต่อ บียาร์เรอัล ตัวแทนจากสเปน นั่นเป็นการตอกย้ำว่า อังกฤษแพ้ทางสเปนในนัดชิงฯ เพราะตลอด 15 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ปี 2006 ในถ้วยยุโรปทั้งยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก หรือยูฟ่า ยูโรป้า ลีก สโมสรจากสเปนปราบตัวแทนจากอังกฤษได้ 10 ครั้งรวด และฝั่งอังกฤษไม่เคยสมหวังเลย เมื่อเจอทีมจากแดนกระทิงดุในนัดชิงฯ
7. มาที่ฝั่งผู้ชนะอย่าง บียาร์เรอัล , สโมสรเจ้าของฉายา เรือดำน้ำสีเหลือง กลายเป็นทีมแรก ที่เข้าชิงยูฟ่า ยูโรป้า ลีกครั้งแรกแล้วได้แชมป์ทันทีเลย โดยทีมล่าสุดที่ทำสถิตินี้ได้คือ ชาห์คตาร์ โดเนสต์ สโมสรจากยูเครน เมื่อปี 2009
8. อูไน เอเมรี่ ผู้จัดการทีมบียาร์เรอัล คือกุนซือที่ยิ่งใหญ่ในถ้วยยูโรป้าลีก เพราะถ้วยใบนี้ เป็นครั้งที่ 4 แล้วในประวัติการคุมทีมสโมสรของเขา โดยก่อนหน้านี้ อูไน เอเมรี่ เคยพาทีมเซบีย่า เป็นแชมป์รายการนี้มา 3 ครั้ง , ซึ่งการที่ เอเมรี่ ได้แชมป์ยูโรป้า ลีก 4 สมัย ทำให้เขาทำสถิติแซงหน้ายอดโค้ชในอดีตอย่าง โจวานนี่ ตราปัตโตนี่ ที่เคยได้แชมป์ 3 สมัย (กับยูเวนตุส 2 สมัย อินเตอร์ 1 สมัย)
9. ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีเพียงตัวแทนจากสเปนและอังกฤษ ที่ได้แชมป์รายการยูฟ่า ยูโรป้า ลีก โดยแบ่งเป็น ทีมจากสเปน ได้แชมป์ไป 7 สมัย รวมถึง บียาร์เรอัล ในสมัยล่าสุด , ขณะที่ ทีมจากอังกฤษได้ไป 3 ครั้ง (เชลซี 2013 และ 2019 , แมนฯยูไนเต็ด 2017)
10. การที่ บียาร์เรอัล ได้แชมป์ครั้งนี้ ซึ่งทำให้ได้สิทธิ์ไปเล่นยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในรอบแบ่งกลุ่มทันที ซึ่งนั่นแปลว่า ในซีซั่นหน้า จะเป็นครั้งแรกที่สโมสรจากชาติเดียวกัน ได้เล่นในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่มทั้งหมดถึง 5 ทีม โดยทีมจากสเปน ได้ไปเล่นพร้อมเพรียงกัน ทั้ง แอต.มาดริด,เรอัล มาดริด,บาร์เซโลน่า,เซบีย่า และ บียาร์เรอัล