กลายเป็นประเด็นร้อนแรง เมื่อพบโควิดสายพันธุ์อินเดีย ระบาดในแคมป์คนงานหลักสี่ ดังนั้นจึงมีคำถามตามมามากมายว่า วัคซีนโควิดที่ไทยมีใช้อยู่ ทั้งวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า และวัคซีนซิโนแวค จะสามารถป้องกันได้หรือไม่
•การรับมือโควิดสายพันธุ์อินเดียของแต่ละวัคซีน
วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า : สำหรับวัคซีนชนิดนี้ถือเป็นวัคซีนตัวหลักในประเทศไทยที่มีใช้กัน โดยรายงานจากดิเอ็กซ์เพรสส์ สื่ออังกฤษ และสื่อของอินเดียหลายสำนัก อ้างผลการศึกษาโดยโรงพยาบาลอินทราปรัสถ์อพอลโล (Indraprastha Apollo) ณ เมืองนิวเดลี ประเทศอินเดีย พบว่า จากกลุ่มเป้าหมายกว่า 3,300 คนในประเทศอินเดีย มีเพียงผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 ที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลเพียง 2 คน สะท้อนให้เห็นว่าวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้ามีประสิทธิผลสูงถึง 97% ในการต้านเชื้อโควิดสายพันธุ์อินเดีย (B.1.617)
จากผลวิจัยแสดงให้เห็นว่า ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า 97.38% ของผู้ที่ได้รับวัคซีนได้รับการป้องกันจากการติดเชื้อ นอกจากนี้ ย้ำว่า สิ่งที่โดดเด่นจากข้อมูลของเครือข่ายโรงพยาบาลแห่งนี้ก็คือ 90% ของผู้ที่ติดเชื้อหลังรับวัคซีนครบนั้น มีอาการไม่รุนแรง มีเพียง 10% ที่ต้องรักษาในโรงพยาบาล ทั้งหมดหายดี ยกเว้นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอาวุโสเพียงคนเดียวที่่ป่วยหนักเข้าไอซียูและเสียชีวิต สิ่งนี้พิสูจน์ว่าวัคซีนนี้มีประสิทธิภาพและลดอัตราการติดเชื้ออย่างมีนัยสำคัญ รวมถึงความรุนแรงของโรค.
วัคซีนซิโนแวค : มีผลยืนยันจากประเทศ อินโดนีเซีย โดย ดร.ยูโวโน่ เอ็ม.ไบโอเหม็ด ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในมหาวิทยาลัยศรีวิจายา (Unsri) ได้แสดงความคิดเห็นไว้ว่า วัคซีนซิโนแวคยังสามารถป้องกันโควิดสายพันธุ์อินเดียได้เหมือนเดิม และมีประสิทธิภาพเท่าๆกับการป้องกันโควิดสายพันธุ์อังกฤษ (B 1.1.7) ขณะที่ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข และ นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร รองอธิบดีกรมควบคุมโรค ก็เพิ่งยืนยันว่า วัคซีนซิโนแวค มีประสิทธิภาพในการป้องกันโควิดสายพันธุ์อินเดีย แต่ยังย้ำว่า มาตรการป้องกันส่วนบุคคลยังคงต้องยึดถือไว้ต่อไป ทั้งสวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง ล้างมือ
วัคซีนทางเลือก : วัคซีน Pfizer -วัคซีนโมเดอร์น่า , ก่อนหน้านี้ แอนโทนี่ เฟาซี ผู้อำนวยการสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐฯ ชี้ว่าวัคซีนPfizer และ วัคซีนโมเดอร์น่า สามารถป้องกันอาการป่วยร้ายแรง การรักษาตัวในโรงพยาบาล และการเสียชีวิตได้เป็นอย่างต่ำ ซึ่งเป็นอีกเหตุผลสำคัญที่ทำให้ควรฉีดวัคซีน และวัคซีนมีความจำเป็นต่อการสกัดกั้นการระบาดโควิด-19 โดยเฉพาะสามารถยับยั้งการระบาดของโควิดสายพันธุ์อินเดียได้เลย ซึ่งถือได้ว่านี่คือคำยืนยันที่น่าเชื่อถือและมีน้ำหนัก เพราะ แอนโทนี่ คือนายแพทย์เบอร์หนึ่งสหรัฐ ที่ดำเนินนโยบายจนกระทั่ง สหรัฐสถานการณ์ดีขึ้นมาก
วัคซีนจากอินเดีย : สำหรับอินเดียถือเป็นประเทศที่เปรียบเสมือนโรงงานผลิตวัคซีนโลก และแน่นอนว่าพวกเขาผลิตวัคซีนหลักที่ใช้อีก 2 ยี่้ห้อ นั่นคือ วัคซีนโควาชิลด์ และ วัคซีนโควาซิน และมี นายอนุรักษ์ อกราวัล ผู้อำนวยการสถาบัน Institute of Genomics and Integrative Biology ยืนยันว่า วัคซีนทั้งสองชนิดสามารถ "เอาอยู่" กับตัวโควิดสายพันธุ์อินเดียแน่นอน
แต่ที่สถานการณ์โควิดอินเดียยังไม่ถึงจุดคลี่คลายนั่นเป็นเพราะ วัคซีนที่อินเดียคาดว่าจะผลิตได้ในปีนี้นั้น ก็ยังไม่เพียงพอ ซึ่งการที่อินเดียผลิตวัคซีนไม่ทัน นั่นส่งผลให้ รัฐบาลอินเดียต้องจัดหาวัคซีนเพิ่มอีก และกำลังเจรจากับบริษัทระดับโลกอื่น ๆ อีกเพื่อนำเข้าวัคซีน ไม่ว่าจะเป็น Pfizer, โมเดอร์น่า และ จอห์นสันแอนด์จอห์นสัน แต่บริษัทเหล่านี้ระบุว่า จะสามารถหารือเรื่องการจัดส่งวัคซีนได้ก็เดือนตุลาคม
•อัพเดทสถานการณ์โควิดอินเดีย
อินเดียเริ่มฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ให้กับประชาชนตั้งแต่กลางเดือนมกราคม และจนถึงตอนนี้มีการฉีดวัคซีนไปแล้วราว 185 ล้านโดส แม้จะเป็นลำดับต้นๆของโลก แต่ขณะที่ปัจจุบัน มีการฉีดวัคซีนให้ประชาชนราว 1.6 ล้านโดสต่อวัน ซึ่งหากความเร็วในการฉีดวัคซีนยังอยู่ระดับนี้ รัฐบาลอินเดียต้องใช้เวลาถึงสี่ปี กว่าประชากรทั้งประเทศ 1,300 ล้านคน จะได้รับวัคซีนกันครบ
ในขณะเดียวกัน หลายรัฐของอินเดีย เช่นมหาราษฏระและกรุงนิว เดลีต้องระงับการฉีดวัคซีนให้ประชากรวัย 18-44 ปี เป็นการชั่วคราวเพราะวัคซีนมีไม่เพียงพอ และนั่นเป็นเสียงเรียกร้องไม่ให้อินเดียส่งวัคซีนไปในโครงการโคแวกซ์ และนั่นก็ส่งผลกระทบให้ ประเทศต่างๆที่พึ่งพาโครงการโคแว็กซ์ก็ได้รับผลกระทบไปด้วย
•ระบาดเกือบ 70 ประเทศแล้ว
สำหรับโควิดสายพันธุ์อินเดีย มีการระบาดมากในหลายประเทศ ทั้งอินเดีย, อังกฤษ, มาเลเซีย รวมทั้งเคยพบในสนามบินชางกี ประเทศสิงคโปร์ ตามที่เป็นข่าวก่อนหน้านี้ แต่ปัจจุบันกระจายไปถึง 69 ประเทศแล้ว รวมถึงไทยด้วยนั่นเอง
ขณะเดียวกัน มีข้อมูลจากหน่วยงานสาธารณสุขประเทศอังกฤษพบว่า การแพร่เชื้อ ความรุนแรงของสายพันธุ์อินเดียไม่ได้แตกต่างจากสายพันธุ์อังกฤษเลย
ไม่ส่งผลต่อผู้ที่ได้รับวัคซีนแอสตราเซนเนกา เนื่องจากอังกฤษมีการระบาดของทั้งสองสายพันธุ์ เมื่อฉีดวัคซีนแอสตราเซนเนก้าได้ครอบคลุมจำนวนมากสามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้
ส่วนมาตรการควบคุมโรคโควิดสายพันธุ์อินเดีย ไม่แตกต่างจากสายพันธุ์อังกฤษหรือสายพันธุ์อื่นๆ คือ มาตรการป้องกันส่วนบุคคล ทั้งสวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง ล้างมือ
มาตรการด้านสาธารณสุข เมื่อพบผู้ป่วยต้องแยกกัก นำเข้าสู่การรักษาโดยใช้เวลารักษา 14 วันเหมือนกัน ให้ยาฟาวิพิราเวียร์เร็วขึ้นในกลุ่มที่มีความเสี่ยงอาการรุนแรง นำผู้สัมผัสเสี่ยงสูงเสี่ยงต่ำเข้าสู่การตรวจ และมาตรการทางสังคม มีการควบคุมการเข้าออก เพื่อให้เกิดการเคลื่อนย้ายน้อยที่สุด
ในเมื่อเราทุกคนไม่สามารถออกแบบสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตช่วงโควิด-19 ระบาดได้ แต่ทุกคนสามารถออกแบบทัศนคติที่มีต่อสถานการณ์นี้ได้ , ขอเพียงแค่ระมัดระวัง และรับข้อมูลทุกด้านทุกมุม เอามากลั้นกรอง ทบทวนและตกผลึก...แล้วความกลัวจะถูก ขจัดไปด้วย...ข้อมูลข่าวสารทั้งหลายที่ได้ไตร่ตรอง...