โลตัสได้ร่วมมือกับ คูห์เน่ พลัส นาเกิ้ล ประเทศไทย ขนทัพรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับขนส่งสินค้า มุ่งเป้าหมายการขนส่งที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและมีความยั่งยืน
โดยรถยนต์ขนส่งที่ใช้ระบบไฟฟ้าแบบเต็มรูปแบบนี้จะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลง 24.7 ตันต่อรถบรรทุกหนึ่งคันในภายในเวลา 1 ปี
เพื่อตอบโจทย์โครงการมุ่งสู่เป้าหมายในการเป็นองค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) ภายในปี 2030 และได้มีการตั้งเป้าหมายที่ต่อเนื่องคือ การมุ่งสู่องค์กรที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2050
เอกชัย ภูษณะพงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์การกระจายสินค้า โลตัส กล่าวว่า การเปลี่ยนจากรถบรรทุกขนส่งที่ใช้น้ำมันดีเซล มาเป็นรถไฟฟ้า (EV) ที่ใช้ระบบไฟฟ้าแบบเต็มรูปแบบ นับเป็นก้าวที่สำคัญของโลตัสและธุรกิจค้าปลีกในประเทศไทยในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและดำเนินธุรกิจอย่างเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
เบื้องต้นได้เริ่มนำร่องใช้รถไฟฟ้าในการขนส่งกระจายสินค้าประเภทเบเกอรี่ ซึ่งมีแผนจะขยายเส้นทางและจำนวนรถเพิ่มเติมในอีก 5 เส้นทางในกรุงเทพฯ และอีก 21 เส้นทางในต่างจังหวัดในอนาคต โดยการเปลี่ยนรถขนส่งเหล่านี้เป็นรถระบบไฟฟ้าแทน คาดว่าจะส่งผลให้ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลง 24.7 ตันต่อรถบรรทุกที่ใช้นำมันดีเซลแต่ละคันในแต่ละปี ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยรวมของบริษัทอย่างมาก ตามเป้าประสงค์ของเครือเจริญโภคภัณฑ์
นอกเหนือจากการเปลี่ยนมาใช้รถไฟฟ้าในการขนส่งสินค้าแล้ว โลตัส ยังมีโครงการติดตั้งระบบโซล่าร์เซลล์บนหลังคาของสาขาและศูนย์กระจายสินค้าในปัจจุบันทั้ง 128 แห่ง เพื่อผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ โดยมีกำลังการผลิตรวม 116.3 ล้านหน่วยต่อปี โดยโครงการต่าง ๆ ล้วนเป็นส่วนหนึ่งของแผนงานด้านความยั่งยืนในการก้าวสู่เป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050
ถือว่าเป็นก้าวสำคัญสำหรับห้างสรรพสินค้าในประเทศไทยที่มีการขยับตัวของโครงการเพื่อสิ่งแวดล้อม และเริ่มใช้เป็นเจ้าแรก และเชื่อว่าจะมีองค์กรอื่นๆให้ความสำคัญกับโครงการนี้อย่างต่อเนื่อง