งานวิจัยชิ้นใหม่เผย หมีขั้วโลกกับมนุษย์เผชิญหน้ากันบ่อยขึ้น และจบลงที่การสูญเสีย และพบว่า หมีขั้วโลกกินแบตเตอรี่และผ้าอ้อมมากขึ้นจากหลุมฝังกลบขยะ ผลพวงจากภาวะโลกร้อน
หลายคนอาจจะได้เคยเห็นมีม รูปภาพหรือคลิปวิดีโอความหิวโซของหมีขั้วโลกสีขาวปุยไปบ้างแล้ว และพอทราบมาบ้างว่า การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศกำลังทำให้น้ำแข็งขั้วโลกละลายหนักขึ้นและเร็วขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ผู้ที่เดือดร้อนโดยตรงคือสิ่งมีชีวิตที่สูญเสียบ้านไปเรื่อย ๆ นั่นก็คือเหล่าสัตว์จากขั้วโลก ไม่ว่าจะเป็น เพนกวิน สิงโตทะเล ฉลามวาฬ แมวน้ำ หรือหมีขั้วโลก
และตอนนี้มันกำลังทวีความรุนแรงมากขึ้นไปอีก เพราะการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นดังกล่าว กำลังผลักให้หมีขั้วโลกออกหาอาหารไกลขึ้น จนมาถึงในเมืองและบ้านเรือนของประชาชนแล้ว และสุดท้ายจบลงด้วยความรุนแรงและการเสียชีวิตของหมีขั้วโลก
การศึกษาใหม่ที่ตีพิมพ์ลงในวารสาร Oryx เผยว่า ในขณะที่การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศทำให้น้ำแข็งในทะเลอาร์กติกลดน้อยลง หมีขั้วโลก (Ursus maritimus) ก็ถูกบังคับให้ออกมาคุ้ยขยะเพื่อดำรงชีพมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำไมมันถึงเป็นเช่นนั้น?
แม้ว่าหลายคนจะมองว่า การที่หมีจะออกมากินขยะของมนุษย์นั้นไม่ใช่ปรากฎการณ์แปลกใหม่อะไร เพราะมีมานานแล้ว แต่การศึกษาเผยว่า มันกำลังทวีความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะ การเผชิญหน้ากันระหว่างมนุษย์กับหมีขั้วโลกก็เกิดบ่อยขึ้น และชีวิตของหมีก็จบลงด้วยการถูกยิง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
น้ำแข็งกรีนแลนด์ ละลายเร็ว 6 พันล้านตันต่อวัน ท่วม 3 จังหวัดใหญ่ไทยได้เลย
20 ปีที่ผ่านมา กรีนแลนด์สูญเสียแผ่นน้ำแข็งมากพอที่จะทำให้น้ำท่วมสหรัฐฯ
WHO วอน ช่วยกันแก้ภาวะโลกร้อน หลังคลื่นความร้อนทำคนตาย เกิน 1,700 คน
พบวาฬเกยตื้นที่ออสเตรเลีย คาดเป็น มิกาลู วาฬหลังค่อมเผือกชื่อดัง
นั่นแสดงว่า สิ่งที่เราได้เห้นอย่างชัดเจนของการศึกษานี้คือความรุนแรงที่เพิ่มมากขึ้นและการกระจายตัวของหมีตามสถานที่ต่าง ๆ ก็มีมากขึ้น ตามคำบอกเล่าของ Geoff York ผู้ร่วมวิจัยงานศึกษาของ Polar Bears International
การศึกษาในครั้งนี้ นักวิจัยได้อธิบายกรณีศึกษา 6 กรณีที่แสดงให้เห็นว่า การเผชิญหน้ากันระหว่างหมีขั้วโลกกับมนุษย์อยู่อัตราที่สูงขึ้นและถี่ขึ้น โดยเฉพาะกับชุมชนอาร์กติกในสหรัฐอเมริกา แคนาดาและรัสเซีย โดยในแต่ละเมืองหรือชุมชน มีจำนวนการพบเห็นหมีขั้วโลกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งมันกำลังนำเราไปสู่สถานการณ์ที่เลวร้ายกว่าในเวลาอันใกล้
ยกตัวอย่างในปี 2019 ประเทศรัสเซียพบหมีขั้วโลกที่หิวโหยอยู่เต็มหลุบฝังกลบขยะในหมู่บ้านอาร์กติก 2 แห่ง แห่งแรกคือเมืองเบลุชยา กูบา (Belushya Guba) ที่มีผู้คนอาศัยในเมืองนี้ราว ๆ 2,000 คน มีรายงานการพบหมีที่เมืองแงนี้ประมาณ 52 ตัวและพวกมันก็เริ่มขยับเข้ามาใกล้หลุมฝังกลบขยะของเมืองมากขึ้น ซึ่งหมีบางตัวก็หลุดเข้าไปในเมือง อาคารต่าง ๆ มากขึ้นด้วยซ้ำ
ในขณะเดียวกันอีกหมู่บ้านหนึ่ง ที่ชื่อว่า Ryrkaypiy ซึ่งมีประชากรประมาณ 600 คนก็พบหมีขั้วโลกกว่า 60 ตัวเข้ายึดพื้นที่ทิ้งขยะของเมืองเป็นเวลาหลายสัปดาห์
และในอาร์กติกแคนาดา มีหมีขั้วโลก 2 ตัวถูกยิงตาย ในปี 2015 1 ตัวและปี 2016 1 ตัวหลังจากพวกมันเข้าไปใกล้ที่อยู่อาศัยของมนุษย์มากเกินไป และเป็นไปได้ว่าการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่มนุษย์สร้างขึ้นมีส่วนสำคัญในอัตราการเผชิญหน้าระหว่างหมีขั้วโลกกับมนุษย์ที่เพิ่มมากขึ้น
จากกรณีศึกษาจากชุมชน 6 แห่งที่ตั้งอยู่ใกล้ชายฝั่งทะเลที่น้ำแข็งได้ก่อตัวขึ้นเมื่อช่วงปลายของฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งทำให้พื้นที่แห่งนั้นกลายเป็นพื้นที่ล่าเหยื่อของหมีขั้วโลก เช่นแมวน้ำและวอลรัส เนื่องจากอุณหภูมิที่อุ่นขึ้นทำให้น้ำแข็งในทะเลลดลงทุกปี จึงอาจเป็นการบังคับให้หมีเข้าไปยุ่มย่ามในพื้นที่ดังกล่าว รวมไปถึงเข้าไปยังเมืองเพื่อขุดคุ้ยอาหารในหลุมฝังกลบขยะมากขึ้น
หมีไม่ได้สนใจว่า คุณค่าทางโภชนาการของสิ่งที่ตัวเองกินไปนั้นมีเท่าไหร่ หรือขยะของมนุษย์จะให้คุณค่าทางอาหารแก่มันเท่าไหร่ สะอาดปลอดภัยหรือไม่ แต่มันจะกินทุกอย่างที่ขวางหน้า ไม่ว่าจะเป็นแบตเตอรี่ ผ้าอ้อมสกปรก ไปจนถึงภาชนะเคลือบเซรามิกที่มีกลิ่นของอาหารติดอยู่ ซึ่งพวกมันมักคิดว่านี่แหละคืออาหารที่กินได้
หมีขั้วโลกสามารถเดินทางมาจากที่ไกล ๆ ได้ หากพวกมันได้กลิ่นอาหาร พวกมันจะพยายามหาแหล่งอาหารที่สามารถทำให้พวกมันอยู่รอดได้ โดยไม่สนใจคุณค่าทางโภชนาการของสิ่งที่มันกินเข้าไป ต่อให้ต้องแลกด้วยความเสี่ยงถึงชีวิตก็ตาม
วิธีแก้ปัญหาอย่างหนึ่งที่นักวิจัยพอจะให้คำแนะนำได้ เพื่อลดการเข้าถึงของหมี คือการแทนที่หลุมฝังกลบแบบเปิดด้วยปุ๋ยหมักหรือใช้เตาเผาขยะเพื่อกำจัดขยะอินทรีย์ ซึ่งการทำแบบนี้จะช่วยลดโอกาสที่หมีขั้วโลกจะตามกลิ่นของขยะเข้ามาได้และจะสามารถเลี่ยงการเผชิญหน้ากับมนุษย์ได้
อย่างไรก็ตาม แต่แม้เราจะพยายามผิดหลุมฝังกลบเท่าไหร่ ก็ยังมีแนวโน้มที่หมีจะเข้ามายังเมืองต่าง ๆ ของอาร์กติกอยู่ดี เพื่อค้นหาอาหาร ตราบใดที่น้ำแข็งขั้วโลกยังคงละลาย ความท้าทายนี้ก็เป็นอีกหนึ่งผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึงของการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ และเน้นย้ำถึงความสำคัญของการดำเนินการแก้ปัญหาระดับโลกเพื่อให้วิถีเดิมกลับคืนมาโดยเร็ว
ที่มาข้อมูล
https://www.livescience.com/polar-bear-landfill-encounters-climate-change