ผีเสื้อจักรพรรดิใกล้สูญพันธุ์แล้ว หลังประชากรลดลงอย่างรวดเร็วจากล้านตัวเหลือเพียงพันตัวเพียงระยะเวลา 10 ปีตามรายงานของ IUCN อะไรทำให้ผีเสื้อจักรพรรดิเสี่ยงสูญพันธุ์?
คงจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าปีนี้มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากจริง ๆ โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับธรรมชาติและสิ่งมีชีวิตที่อยู่ใต้ห่วงโซ่อาหารของมนุษย์ ความก้าวหน้าของมนุษย์ กำลังสร้างความถดถอยให้กับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และสิ่งเหล่านี้เริ่มแสดงให้เราเห็นชัดขึ้นแล้ว คุณมองเห็นบ้างแล้วหรือยัง?
สัตว์สูญพันธุ์ ถือเป็นเรื่องที่น่าละอายใจของมนุษย์ ช่วงหลายศตวรรษที่ผ่านมามีสัตว์สูญพันธุ์มากมาย แม้จะพยายามอนุรักษ์กันเท่าไหร่สุดท้ายก็ไม่สามารถยื้อสายพันธุ์เหล่านั้นไว้ได้ และนี่เป็นอีกข่าวเศร้าที่ผีเสื้อจักรพรรดิกำลังเดินทางสู่การสูญพันธุ์เช่นเดียวกัน
ผีเสื้อจักรพรรดิ (Monarch butterfly) สปีชีส์ (Danaus plexippus) เป็นผีเสื้อที่มักอาศัยอยู่ทวีปอเมริกา ด้วยลักษณะของปีกสีส้มตัดขอบดำเลยทำให้หลายคนคิดว่าในไทยเราก็มีให้เห็นบ้าง แต่สายพันธุ์ที่เราพบเห็นในประเทศนั้นเป็นเพียงแค่ 1% ของประชากรผีเสื้อทั้งหมดบนโลก ซึ่งมักอยู่ทางภาคใต้ของประเทศไทยซึ่งเราเรียกพวกมันว่า nivosus
แต่เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 ก.ค. 2565 ที่ผ่านมา องค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) ก็ได้อัพเดทสถานะของสัตว์หลายตัว หนึ่งในนั้นคือ ผีเสื้อจักรพรรดิที่เดินหน้าเข้าสู่สถานะสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ ENDANGERED แล้ว
ทำไมพวกมันถึงเสี่ยงสูญพันธุ์
จากการวิเคราะห์และการประเมินของ IUCN ได้ประเมินว่า พวกมันเสี่ยงสูญพันธุ์อันเนื่องมาจาก ภัยคุกคามที่มาจากการสูญเสียถิ่นที่อยู่ การใช้สารกำจัดศัตรูพืชหรือสารกำจัดวัชพืช และการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ แอนนา วอล์คเกอร์ (Anna Walker) สมาชิกกลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านผีเสื้อและผีเสื้อกลางคืนของ IUCN และเจ้าหน้าที่หน้าที่จาก New Mexico BioPark กล่าวว่า การอพยพย้ายถิ่นของพวกมันนั้นผิดปกติ
ผีเสื้อจักรพรรดิชอบอาศัยอยู่ตามป่าที่เต็มไปด้วยต้นสน อาทิ ต้นสน Oyamel Fir (Abies religiosa) ซึ่งมักอยู่ในเม็กซิโก ป่าที่มีต้นยูคาลิปตัส ต้นสนมอนเทอเรย์ ต้นไซเปรสมอนเทอเรย์ในแคลิฟอร์เนีย เพราะป่าเหล่านี้เปรียบเสมือนที่หลบภัยหนาวแก่พวกมันให้ได้พักพิงในช่วงที่อากาศหนาวจัด และสิ่งที่พวกมันโปรดปรานเลยก็คือต้นมิลค์วีด (Milkweed(Asclepias sp.)) ซึ่งเป็นต้นไม้ชนิดหนึ่งที่หนอนผีเสื้อของพวกมันสามารถเติบโตที่นี่ได้อย่างเต็มที่
แต่ภัยคุกคามกำลังคืบคลานเข้ามา ป่าในเม็กซิโกและแคลิฟอร์เนียเหล่านี้ใกล้หมดเต็มที เนื่องจากถูกแผ้วถางเพื่อการเกษตรและความรุนแรงจากไฟป่าที่มีขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน ซึ่งจะรุนแรงขึ้นจากการสมทบจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่รุนแรงขึ้น ในขณะเดียวกัน การใช้ยาฆ่าแมลงหนักสำหรับการเกษตรในเม็กซิโกก็ส่งผลให้จำนวนของพวกมันลดลงอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแค่นั้น การใช้สารกำจัดวัชพืชยังทำให้ต้นมิลค์วีดสุดโปรดของพวกมันตายลงไปด้วย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
งานวิจัยชี้ ประชากรแมลงกำลังลดลงเกือบครึ่งหนึ่งทั่วโลก เกิดอะไรขึ้น?
วิกฤตสหราชอาณาจักร ความหลากหลายทางชีวภาพลดลงกว่าครึ่งในรอบศตวรรษ
สำรวจสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ 10 สายพันธุ์แห่งปี 2021 ที่ต้องเร่งอนุรักษ์แล้ว!
สัตว์สูญพันธุ์จำนวนมากในรอบ 100 ปี และจะเพิ่มขึ้นอีกด้วยน้ำมือมนุษย์
IPCC ฉบับใหม่เผย มนุษยชาติกำลังล่มสลายจากภาวะโลกร้อน ต้องลงมือทำเดี๋ยวนี้
การเดินทางของผีเสื้อจักรพรรดิ
โดยปกติแล้วการอพยพของผีเสื้อจักรพรรดิจะย้ายไปตามสภาพอากาศ ด้วยขนาดน้ำหนักเพียง 1 กรัมของพวกมันแต่การเดินทางของพวกมันนั้นน่าทึ่งมาก ในแต่ละปี ผีเสื้อจักรพรรดิจะเดินทางจากพื้นที่ที่เข้าสู่ฤดูหนาวอย่างเม็กซิโกและแคลิฟอร์เนียเพื่อไปยังพื้นที่ผสมพันธุ์ในแคนาดาและทางเหนือของสหรัฐอเมริกา ซึ่งการย้ายถิ่นของพวกมันสามารถเดินทางได้ไกลถึง 4,000 กิโลเมตร
ผีเสื้อจักรพรรดิจะวางไข่ในหน้าร้อนของสหรัฐอเมริกาและแคนาดาก่อนจะมุ่งหน้าไปทางใต้ก่อนที่ฤดูหนาวจะมาเยือน การอพยพขึ้นเหนือพวกมันจะทำการผสมพันธุ์ตลอดเส้นทางการเดินทาง เพราะการเดินทางกลับครั้งนี้ต้องใช้เวลานาน ซึ่งในท้ายที่สุดเหลนรุ่นแรกของพวกมันจะกลับมายังจุดเหนือสุดของการอพยพ
ประชากรของผีเสื้อจักรพรรดิ
ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา IUCN ประมาณการว่า ประชากรของผีเสื้อจักรพรรดิได้ลดลง 22-71% ประชากรผีเสื้อฝั่งตะวันตกของเทือกเขาร็อกกีในแคลิฟอร์เนียช่วงฤดูหนาวได้หดตัวลง 99.9% (เสี่ยงสูงสุด) โดยจากประชากรผีเสื้อ 10 ล้านตัวในปีค.ศ.1980 ตอนนี้เหลือเพียง 1,914 ตัวเท่านั้น ส่วนประชากรฝั่งตะวันออกที่จะอพยพไปยังเม็กซิโกในฤดูหนาวลดลง 84% จึงเป็นความกังวลที่ว่า จำนวนประชากรผีเสื้อจะเหลือเพียงพอให้อนุรักษ์หรือไม่
บทสรุปจากผู้เขียน
การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศก็ไม่ได้เกิดขึ้นง่ายดังที่เผชิญกันอยู่ทุกวันนี้ มันถูกกระตุ้นให้รุนแรงมากขึ้น หลังช่วงปฏิวัติอุตสาหกรรม จากความต้องการความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของมนุษย์ ผลลัพธ์ของกิจกรรมนี้ทำให้มนุษย์สะดวกสบาย แต่ในทางกลับกันกลับไปลดทอนประชากรของสัตว์อีกหลายสปีชีส์ ไม่เพียงเท่านั้น ความกระหายอยากได้ของมนุษย์ยังทำให้เกิดการล่าสัตว์ป่าหายากเพื่อสะสมในกล่องของตนเอง ความเชิดหน้าชูตาก็ยังเป็นที่นิยมอยู่ในช่วงยุคสมัยหนึ่ง และเชื่อว่าปัจจุบันยังคงหลงเหลืออยู่ในบางมุมของโลกใบนี้
การจะคงรักษาสายพันธุ์สัตว์อันสวยงามนี้ไว้ ไม่ได้คงรักษาไว้เพื่ออยากให้อยู่ แต่การมีอยู่ของสัตว์แต่ละสปีชีส์คือความสมบูรณ์ของธรรมชาติ มนุษย์เราหวังพึ่งทรัพยากรจากธรรมชาติในทุกวัน แต่หากธรรมชาติไม่เพียงพอต่อความต้องการของมนุษย์ในวันใดวันหนึ่ง เราจะไปโทษใครได้นอกจากตัวเราเอง ผู้ดูแลผืนป่าที่ดีที่สุดไม่ใช่มนุษย์ แต่คือสัตว์ป่า
การลดลงของประชากรผีเสื้อไม่ใช่ตัวอย่างเดียวของเรื่องนี้ แต่เราควรตระหนักถึงสิ่งที่อาจเกิดขึ้นในภายภาคหน้าได้แล้ว ด้วยการลงมือทำตั้งแต่วันนี้ ทุกปัญหาสิ่งแวดล้อมแก้ไขได้ด้วยมือของเรา สิ่งเล็กๆที่เราทำจะสร้างความยิ่งใหญ่ในวันข้างหน้า และเราต้องร่วมมือกันลดภัยคุกคามจากมนุษย์สู่ธรรมชาติให้ได้มากที่สุด
ที่มาข้อมูล
https://www.livescience.com/monarch-butterfly-endangered
https://www.worldwildlife.org/species/monarch-butterfly
https://www.iucn.org/press-release/202207/migratory-monarch-butterfly-now-endangered-iucn-red-list