นักดับเพลิง อาชีพที่พุ่งชนกับอันตราย จากไฟไหม้ ควันไฟ ฝุ่นและสารเคมี ช่วยเหลือผู้เดือดร้อน แต่กลับกัดกร่อนสุภาพร่างกายและจิตใจ หากไม่เตรียมความพร้อมด้านร่างกายและสิ่งสนับสนุนที่ส่งเสริมในการปฏิบัติหน้าที่ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อรักษาชีวิตปชช.-ตัวเองให้ปลอดภัย
จากเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2565 เวลาประมาณ 11.30 น. ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ห้างร้าน บ้านเรือนประชาชน "ย่านสำเพ็ง" ใกล้เคียงท่าน้ำราชวงศ์ ถนนราชวงศ์ แขวงจักรวรรดิ์ เขตสัมพันธ์วงศ์ กรุงเทพฯ ภายหลังเหตุ ไฟไหม้ เพลิงไหม้สงบเจ้าหน้าที่กู้ภัย เจ้าหน้าที่ นักดับเพลิง พร้อมอาสาสมัคร เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ เพลิงไหม้ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย และได้รับบาดเจ็บ 9 ราย โดย 6 รายเป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัย ของมูลนิธิฮั่วเคี้ยวปอเต็กเซี่ยงตึ๊ง (ปอเต็กตึ๊ง)
โดยตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบที่มาและสาเหตุของ ไฟไหม้ เพลิงไหม้ ดังกล่าว เบื้องต้นคาดว่าอาจมาจากหม้อแปลงระเบิดจึงเร่งให้ การไฟฟ้านครหลวง เข้ามาตรวจพิสูจน์
แต่อย่างไรก็ตาม จะเป็นได้ว่า อาชีพ นักดับเพลิง หรือ อาสาเจ้าหน้าที่กู้ภัย ที่เป็นกำลังด่านหน้าในการเข้าปะทะกับเปลวไฟ ที่นอกจากสามารถแผดเผาร่างกาย ยังส่งผลต่อระบบต่างๆ ภายในร่างกาย ที่มีอันตรายทั้งเฉียบพลันและเรื้อรังระยะยาวตลอดชีวิต
จาก วารสารศูนย์อนามัยที่ 9 ในหัวข้อเรื่อง บทบาทของพยาบาลสาธารณสุขในการป้องกันปัญหาสุขภาพ จากการสัมผัสสิ่งคุกคามทางสุขภาพด้านเคมีของพนักงานดับเพลิง เปิดเผยข้อมูลที่ทุกภาคส่วน ทั้งผู้ประกอบอาชีพนักดับเพลิง นายจ้างและ เจ้าหน้าที่สาธารณสุข เองต้องทำงานร่วมกัน เพื่อยืนระยะสุขภาพและปกป้องให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่ นักดับเพลิง มีสุขภาพสมบูรณ์ แข็งแรง ทั้งกายและใจ เพื่อทำงานรับใช้สังคมได้อย่างปกติสุขและสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ปลอดภัย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
สุชัชวีร์ ชี้ ไฟไหม้สำเพ็ง สะท้อนให้เห็นถึงจุดอ่อนมาตรฐานความปลอดภัย
MEA ตรวจสอบเหตุเพลิงไหม้ย่านสำเพ็ง พร้อมแก้ไขระบบไฟฟ้าเพื่อความปลอดภัย
นักดับเพลิง ได้ชื่อว่าเป็น 1 ใน 10 อาชีพที่เสี่ยงอันตรายต่อสุขภาพมากที่สุด ในปี 2016 จากข้อมูลของ CareerCast.com เพราะต้องเผชิญกับไฟ มลพิษสารเคมี รวมถึงผลกระทบด้านจิตสังคม
ข้อมูลจากองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (Intercational Labour Organization) ระบุว่า นักดับเพลิง กว่าร้อยละ 80 เคยได้รับบาดเจ็บจากผลกระทบของสารเคมี และมากกว่าร้อยละ 50 ที่เสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่เพราะสูดดมควันและสารเคมี ในปริมาณที่มากจนเป็นอันตรายต่อชีวิต
โดยสารเคมีที่นักดับเพลิงต้องพบเจอในการทำงานที่สำคัญและเป็นอันตราย ประกอบด้วย
ก๊าซคาร์บอนมอนนอกไซต์
ไฮโดรเจนไซยาไนต์
ก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ อยู่ในควันไฟ
ก๊าซซัลเฟอร์ไอออกไซต์
ก๊าซไฮโดรเจนคลอไรด์
ฝุ่นละอองและเขม่าควัน
ทั้งนี้จึงเป็นหน้าที่ของ 3 ภาคส่วน ทั้งนักดับเพลิง นายจ้าง และสาธารณสุข ที่ควรช่วยกันดูแลและสนับสนุนสุภาพให้แก่พนักงานดับเพลิง ซึ่งสิ่งที่ต้องเน้นย้ำและปฏิบัติอยู่สม่ำเสมอ มีอยู่ด้วยกันดังนี้
สำหรับนักดับเพลิงและนายจ้าง
สำหรับพยาบาลสาธารณสุข
โดยอุปกรณ์ที่ต้องใช้สำหรับการดับเพลิงในอาคาร ประกอบด้วย
โดยทั้งหมดต้องได้รับหนึ่งในมาตรฐานจาก FM, NFPA, CE, EN
สามารตรวจสอบรายละเอียดชุดสำหรับนักดับเพลิงใช้ปฏิบัติหน้าที่เพิ่มเติมได้ ที่นี่
การดูแลสุขภาพร่างกายและจิตใจของ นักดับเพลิง นอกจากทำให้การปฏิบัติหน้าที่ได้มีประสิทธิภาพ แล้วยังเป็นการให้ความสำคัญกับอาชีพที่ทำประโยชน์เพื่อประชาชน โดยการเอาร่างกายเข้าเสี่ยงอันตราย เพื่อช่วยเหลือเป็นประโยชน์สาธารณะ ซึ่งเป็นหน้าที่ที่ยิ่งใหญ่ ที่มาพร้อมกับความรับผิดชอบต่อตัวเอง และความรับผิดชอบที่รัฐต้องให้ความสำคัญ จัดหา เตรียมพร้อม รวมถึงจริงจังในการสร้างบุคลากรที่ผ่านการฝึกอบรม ซึ่งมีผู้ให้คำแนะนำว่าควรผลักดันให้เกิดเป็นวิชาชีพ ที่ต้องมีการสอบใบประกาศนียบัตร รับรองก่อนปฏิบัติหน้าที่จริง เพื่อสร้างมาตรฐานและความมั่นใจให้กับคนในสังคม รวมถึงจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบอาชีพนักดับเพลิงกันเอง