พฤติกรรมนกเริ่มเปลี่ยน นกวางไข่เร็วขึ้น อพยพไม่ตรงตามฤดูกาล เนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ผู้เชี่ยวชาญกังวล อาจนำไปสู่การสูญพันธุ์ได้ แล้วมันเกิดอะไรขึ้น?
หลายคนอาจสงสัยว่าเราจะเรียนรู้พฤติกรรมของสัตว์ไปทำไม มันไม่ใช่เรื่องของมนุษย์สักหน่อย ใช่ มันไม่ใช่เรื่องของมนุษย์โดยตรง แต่ว่า พฤติกรรมสัตว์ที่เปลี่ยนแปลงไปอาจส่งสัญญาณอันตรายบางอย่างแก่มนุษย์ได้นะ
โดยเฉพาะนกที่มีสัญชาตญาณจับความผิดแปลงของสภาพแวดล้อมของตนเองได้อย่างรวดเร็ว จึงไม่ควรมองข้ามความผิดแปลกของพฤติกรรมนก โดยเฉพาะหากมันเกี่ยวข้องกับภาวะโลกร้อน และอาจนำไปสู่ความเสี่ยงในการสูญพันธุ์และอนาคตของมนุษยชาติ
เกิดอะไรขึ้น?
จากการศึกษาใหม่พบว่า ภาวะโลกร้อนโดยเฉพาะในแถบอเมริกาเหนือ ทำให้นกจำนวนมากเริ่มวางไข่กันตั้งแต่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสิ่งผิดปกติในธรรมชาติอย่างมากและจะส่งผลกระทบในอีกหลายๆด้าน พฤติกรรมที่เกิดขึ้นนี้เป็นหลักฐานที่บ่งชี้ว่า ภาวะโลกร้อนกำลังเปลี่ยนนิสัยของสัตว์ป่าแบบกลับหัวหลับหาง
รายงานวิจัยซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Animals Ecology จากจำนวนนก 72 สายพันธุ์ที่ถูกสำรวจรอบๆเมืองชิคาโก พบว่า ประมาณ 1 ใน 3 วางไข่เร็วกว่าที่เคยทำเมื่อ 100 ปีก่อน ประมาณ 25 วัน เรื่องราวผิดแปลกนี้บ่งบอกอะไรให้เราได้บ้างนะ?
จอห์น เบตส์ (John Bates) หัวหน้าทีมวิจัย ภัณฑารักษ์แผนกนกที่พิพิธภัณฑ์ฟิลด์ในชิคาโก และเพื่อนร่วมงานของเขาได้ศึกษาบันทึกเปลือกไข่มากกว่า 1,500 รายการซึ่งจัดขึ้นที่พิพิธภัณฑ์ Field Museum ของชิคาโกหลายแห่ง ย้อนหลังไปถึงช่วงระหว่างปี 1872 ถึง 1920 ในสมัยที่การเก็บไข่ยังเป็นงายอดิเรกอยู่ ผู้คนสมัยวิกตอเรียชื่นชอบการเก็บไข่และก็เขียนระบุด้วยลายมืออย่างบรรจงว่าไข่ที่เก็บมานั้นเป็นสายพันธุ์ใดและพบเมื่อไหร่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
น่ารัก เพนกวินเพศเดียวกันช่วยกันดูแลไข่จนฟักออกมาสมบูรณ์ แถมกินเก่ง
NFTs เพื่อป่าแอมะซอน บริษัทในบราซิลผุดไอเดียขาย NFTs ระดมทุนฟื้นฟูแอมะซอน
จากนั้นนักวิทยาศาสตร์ได้นำบันทึกดังกล่าวไปเปรียบเทียบกับบันทึกสมัยใหม่อีกมากกว่า 3,000 รายการพร้อมข้อมูลสำหรับวิเคราะห์เปรียบเทียบ รวมไปถึงช่วงเวลาในการทำรังของนกด้วย
การค้นพบนี้สะท้อนผลลัพธ์ที่คล้ายคลึงกันจากการศึกษาในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมาในสหราชอาณาจักร ซึ่งพบว่าการวางไข่เกิดขึ้นก่อนฤดูวางไข่เร็วขึ้นพร้อมกับรายงานเทียบเคียงของการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลเพาะปลูกที่เปลี่ยนไป
ปัจจัยใดที่ก่อให้เกิดวิกฤตเช่นนี้
นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้อาจเป็นสาเหตุหลายประการที่ทำให้จำนวนนกลดลงอย่างมากนับตั้งแต่ทศวรรษ 1970 โดยสหรัฐอเมริกาและแคนาดาสูญเสียนกไปประมาณ 1 ใน 3 หรือประมาณ 3 พันล้านตัวจากการศึกษาในปี 2019 ในวารสาร Science
การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
แน่นอนว่าสาเหตุหลักของพฤติกรรมนี้ คือการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวส่งผลให้สภาพแวดล้อมและอุณหภูมิในธรรมชาติเริ่มเปลี่ยนแปลงไป ตามพฤติกรรมการใช้ชีวิตของสัตว์หลายชนิด ส่วนใหญ่มักจะขึ้นตรงกับฤดูกาล หากฤดูกาลมีการเปลี่ยนแปลง พฤติกรรมของพวกมันก็จะเปลี่ยนแปลงตามสภาพอากาศและฤดูกาลเป็นสำคัญ ความผิดปกติของการเปลี่ยนแปลงทั้งหมด แสดงนัยบางอย่างเกี่ยวกับความเป็นไปของโลกว่ากำลังมีบางอย่างผิดปกติแล้วแน่ๆ
อาหารของนกอย่างแมลง
การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศไม่ได้เปลี่ยนเพียงแค่พฤติกรรมของนกเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบถึงแมลง ซึ่งเป็นอาหารหลักของนกด้วย อุณหภูมิเฉลี่ยในระยะยาวเพียงไม่กี่องศาสามารถส่งผลกระทบเมื่อแมลงโผล่ออกมา การออกหากินของแมลงเปลี่ยนไปไม่สัมพันธ์กับการออกหากินของนก ให้เป็นไปตามห่วงโซ่อาหารและฤดูกาล
การแตกหน่อของพืชพรรณและต้นไม้ไม่ตรงตามฤดูกาล
แน่นอนว่านอกจากแมลงอาหารหลักที่ออกหากินไม่ตรงเวลาจนน่าสับสนแล้ว การแตกหน่อของพืชพรรณ ผลไม้ ธัญญาหาร ก็เป็นอีกหนึ่งประการที่นกต้องการ ในเมื่อมันออกผลไม่ตรงตามความต้องการ ความหิวโหยย่อมเกิดขึ้น การหาอาหารก็ยากขึ้น ส่งผลต่อนกที่มีลูกน้อยต้องดูแล แม้ว่าเรื่องนี้อาจจะยังไม่กระทบถึงการสร้างรังมากนัก แต่ก็มีโอกาสเป็นไปได้ หากหญ้าประกอบรังของพวกมันแห้งไม่ทันฤดูกาลทำรัง
ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตอนนี้และต่อจากนี้
การเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศกำลังส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมของสายพันธุ์นก พิสัย และพลวัตของประชากร นกบางชนิดกำลังประสบกับผลกระทบด้านลบอยู่แล้ว และในอนาคตการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศจะทำให้นกจำนวนมากเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์
นกวางไข่เร็วขึ้น
การศึกษาขนาดใหญ่ชิ้นหนึ่งพบว่า นกกำลังวางไข่ในอัตราเฉลี่ย 6.6 วันก่อนหน้าต่อทศวรรษ นก Common Murre ในอเมริกาเหนือได้เลื่อนวันผสมพันธุ์ 24 วันต่อทศวรรษ นกนางแอ่นในอเมริกาเหนือทำรังเร็วกว่าเมื่อ 30 ปีที่แล้วถึง 9 วัน ซึ่งสอดคล้องกับอุณหภูมิฤดูใบไม้ผลิเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น
เวลาการย้ายถิ่นกำลังเปลี่ยนไป
นกกำลังอพยพในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ การศึกษาข้อมูล 63 ปี ของนกอพยพ 96 สายพันธุ์ในแคนาดาพบว่า 27 สายพันธุ์เปลี่ยนแปลงวันที่มาถึงอย่างมีนัยสำคัญ โดยส่วนใหญ่มาถึงเร็วกว่านี้ ร่วมกับอุณหภูมิฤดูใบไม้ผลิที่ร้อนขึ้น
ดูเหมือนว่านกจะล่าช้าในการเดินทางในฤดูใบไม้ร่วง ในการศึกษานกเกาะคอน (Passerines) ในอเมริกาเหนือ 13 ตัวพบว่า 6 สายพันธุ์ถูกพบว่าออกเดินทางล่าช้า นกบางตัวในยุโรปถึงกับไม่สามารถอพยพทั้งหมดพร้อมกันได้
พฤติกรรมของนกและสภาพแวดล้อมไม่ตรงกัน
วงจรชีวิตและพฤติกรรมของนกส่วนใหญ่เชื่อมโยงอย่างใกล้ชิดกับสัญญาณจากสิ่งแวดล้อม เช่น ฤดูกาลทีเปลี่ยนไป ความไม่ตรงกันเกิดขึ้นเมื่อนกไม่สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมได้ เช่น เวลาผสมพันธุ์ มากพอที่จะสอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม เช่น เมื่อมีเหยื่อ
การกระจายกำลังเปลี่ยนไป
คาดว่าประชากรนกจะเคลื่อนตัวไปทางขั้วโลกเหนือในระดับความสูงที่สูงขึ้นเพื่อให้คงอุณหภูมิในอุดมคติของพวกมันเมื่อสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง
จากการศึกษานกกระจิบในอเมรกาเหนือ 35 สายพันธุ์พบว่าช่วงการเกิดขึ้นของ 7 สายพันธุ์ (Prothonotary Warbler, Blue-winged Warbler, Golden-winged Warbler, Black-throated Grey Warbler, Pine Warbler, Hooded Warbler และ Cape May Warbler) ได้เคลื่อนตัวไปทางเหนืออย่างมีนัยสำคัญในช่วง 24 ปีที่ผ่านมา โดยเฉลี่ย 65 ไมล์ ไม่มีนกตัวใดย้ายไปทางใต้
ข้อมูล Atlas Breeding Bird Atlas แสดงให้เห็นว่านกสายพันธุ์ “ทางใต้” เช่น Tufted Titmouse, Blue-Gray Gnatcatcher, Northern Mockingbird และ Red-bellied Woodpecker มีจำนวนเพิ่มขึ้นและขยายขอบเขตไปทางเหนือในออนแทรีโอเมื่อเปรียบเทียบกับ 20 ปีที่แล้ว
ชุมชนเชิงนิเวศถูกรบกวน
ภาวะโลกร้อนสามารถเปลี่ยนชุมชนระบบนิเวศทั้งหมดได้ อาหารและวัสดุทำรังที่นกพึ่งพาอาจไม่มีอีกต่อไป นกอาจเผชิญกับเหยื่อ ปรสิต คู่แข่ง และสัตว์กินเนื้อชนิดใหม่ๆ ที่พวกมันไม่ได้ปรับตัว
ความเสี่ยงในการสูญพันธุ์กำลังเพิ่มขึ้น
นกที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากที่สุดคือนกที่มีระยะจำกัด มีความสามารถในการอพยพได้ไม่ดี มีประชากรน้อย หรือนกที่เผชิญกับความท้าทายด้านการอนุรักษ์อยู่แล้ว
นกอพยพมีความเสี่ยงเป็นพิเศษต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เนื่องจากพวกมันขึ้นอยู่กับแหล่งที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะนกอาร์กติกมีความเสี่ยงเป็นพิเศษ - ภาวะโลกร้อนเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วที่นี่ และนกอย่างน้อย 85 สายพันธุ์ทั่วโลกผสมพันธุ์ในภูมิภาคอาร์กติกทั่วโลก พื้นที่ที่อยู่อาศัยอันกว้างใหญ่ รวมทั้งทุนดราและน้ำแข็งในทะเลจะสูญหายไป การล่าถอยด้วยน้ำแข็งในทะเลอาจมีผลร้ายแรงต่อนางนวลงาช้าง ซึ่งออกหากินตามน้ำแข็งในทะเล นกนางนวลงาช้างของแคนาดามีจำนวนลดลงแล้ว 90% ในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา
สรุปจากผู้เขียน
การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมของนกอย่างมาก โดยเฉพาะหากเทียบกับ 100 ปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ชัด ทั้งจากงานวิจัยที่ถูกตีพิมพ์มากมาย และการสังเกตของผู้ใกล้ชิด นกกำลังเปลี่ยนแปลงพิสัยของตัวเองแบบกลับหัวกลับหาง โดยมีสาเหตุส่วนใหญ่มาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่ทำให้ฤดูกาลของนกเปลี่ยนแปลงไป
นกส่วนใหญ่ขึ้นตรงกับอุณหภูมิ สภาพอากาศ แหล่งที่อยู่อาศัย เป็นสำคัญ ดังนั้น หากสิ่งใดสิ่งหนึ่งเปลี่ยนแปลงไป พวกมันก็ต้องเปลี่ยนตาม แต่หากการเปลี่ยนแปลงนั้นไม่สมดุล ตัวของนกเองก็จะไม่สมดุลตาม ส่งผลให้นกลดจำนวนลงเรื่อย ๆ เนื่องจากปรับตัวไม่ทัน ฤดูกาลไม่เป็นไปตามปกติ และนำไปสู่การสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ได้ในอนาคต
ที่มาข้อมูล
https://www.reuters.com/business/environment/birds-are-laying-eggs-earlier-climate-change-shifts-springs-2022-03-25/
https://naturecanada.ca/discover-nature/about-our-birds/how-climate-change-is-affecting-birds/