ปรับนิสัย 7 ข้อรับการเป็น สังคมผู้สูงอายุ ที่มีความสุข

ในประเทศที่พัฒนาแล้วเช่นญี่ปุ่น คาดว่าประชากรที่มีอายุ 60 ปีในตอนนี้จะมีอายุเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 26 ปีซึ่งสูงที่สุดสำหรับประเทศพัฒนาแล้วอื่นๆ  

 

ส่วนประเทศไทยผู้ที่อายุ 60 ปีจะมีอายุคาดเฉลี่ยเท่ากับ 21 ปี เท่ากับว่าจะเสียชีวิตเฉลี่ยอายุ 81 ปี นั่นเอง โดยที่ผู้หญิงมีอายุยืนกว่าผู้ชายประมาณ 5 ปี สำหรับผู้ชายอายุยืนประมาณ 78-79 ปี ส่วนผู้หญิงอายุเฉลี่ย 83-84 ปี 

 

ประเทศไทยเองจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ในปี 2565 ซึ่งหมายถึง จะมีผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีหรือมากกว่านั้นจำนวน 12 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วน 20% ของประชากรทั้งหมด ดังนั้นการเตรียมความพร้อมให้เราก้าวเข้าสู่วัยสูงอายุได้อย่างแฮปปี้มีสุขก็น่าจะเป็นสิ่งที่ควรพิจารณากันแต่เนิ่นๆ เพราะการจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้นั้น ก็เหมือนการเปิดบัญชีสะสมรอไว้สำหรับวันเกษียณ ยิ่งลงทุนก่อน ยิ่งเก็บเกี่ยวดอกผลกำไรมากกว่า

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• เปิดข้อมูลจำนวนประชากรในประเทศไทย อัพเดตล่าสุด จากกรมการปกครอง

• จำนวนคนไทยที่มีสิทธิ์เลือกตั้ง ในปี 2564 ในแต่ละ Generation บอกอะไรได้บ้าง ?

• รวม 10 การค้นพบที่น่าสนใจเกี่ยวกับบรรพบุรุษมนุษย์ในปี 2021
  
  Arthur Brooks นักวิทยาศาสตร์และคอลัมนิสต์ของ The Atlantic ถามกับเด็กจบใหม่ว่า พวกคุณคิดว่า “ในอีก 10 ปีข้างหน้า ตัวเองจะมีความสุขมากขึ้นหรือน้อยลงนับจากนี้” ซึ่งส่วนใหญ่ที่อยู่ในวัย 20 ต้นๆ ตอบได้ทันทีว่า พวกเขาจะมีความสุขมากขึ้น แต่เมื่อเปลี่ยนคำถามเป็นว่า “แล้วคุณในอีก 50 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร” คำตอบกลับไม่หนักแน่นเหมือนคำถามแรก พวกเขาคิดว่าคงจะร่าเริงและมีความสุขน้อยลงเมื่อมองข้ามไปยังอนาคตที่ตัวเองอายุ 70 ปี 

 

พวกเขาตกใจกับข้อมูลที่ Arthur Brooks เปิดให้ดูเพราะพบว่า อัตราความสุขลดต่ำลงเรื่อยๆ นับจากช่วงวัยรุ่นจนลดลงต่ำสุดเมื่ออายุ 50 ปี แล้วก็จะดีดกลับขึ้นมาอีกครั้งในช่วงอายุกลาง 60 ปี โลกก็จะแบ่งออกเป็น คนที่มีความสุขมากขึ้น กับ คนที่มีความทุกข์มากขึ้น 

 

จากการเก็บข้อมูลของ Harvard เมื่อปี 2001 ได้ระบุไว้ว่า 7 สิ่งที่คนสามารถควบคุมและตัดสินใจลงทุนกับชีวิตในวัยเกษียณ ประกอบด้วย การสูบ การดื่ม การดูแลควบคุมน้ำหนัก การออกกำลังกาย การฟื้นตัวทางด้านอารมณ์ การศึกษา และความสัมพันธ์ 

 

นี่จะเป็นคัมภีร์สำคัญที่เราสามารถเริ่มต้นสะสมบัญชีความสุขเพื่อเกษียณอายุกันได้ตั้งแต่วันนี้ ทยอยหยอดเติมให้เต็มเท่าที่จะทำได้เพื่อลงทุนสำหรับตัวเองในอนาคต 

 

1.อย่าสูบเลยนะ 

ถ้าสูบอยู่ก็เลิกซะนะ รู้แหละว่ายากและไม่สามารถทำสำเร็จในครั้งแรก แต่ยิ่งคุณเริ่มต้นเทการสูบเมื่อไหร่ ก็จะเริ่มต้นลงทุนในบัญชีความสุขในอนาคตได้เร็วยิ่งขึ้นเท่านั้น 

 

2.ระมัดระวังเรื่องการดื่ม 

จาการศึกษาของ Harvard พบว่าการดื่มและการสูบอย่างหักโหมมีความสัมพันธ์เชี่ยมโยงกัน แม้แต่ตัวการดื่มเองอย่างเดียว ก็เป็นตัวทำนายสาเหตุหลักที่ชี้ชัดให้เห็นถึงการลงเอยด้วยคำว่า เศร้า-ป่วย ในอนาคต ถ้าตอนนี้มีสัญญาณเตือนถึงปัญหานี้อยู่ล่ะก็ หาตัวช่วยด่วน หรือ ถ้าคนในครอบครัวคุณมีปัญหาด้านการดื่มจงหลีกให้พ้น แม้จะยากแต่คุณจะไม่เสียใจเลยที่ตัดสินใจเลิก 

 

3.รักษาน้ำหนักให้คงที่ 

กินผักและผลไม้ให้มาก เลือกเครื่องดื่มหรืออาหารสายกลางเข้าไว้ ยิ่งใหญ่ยิ่งไม่ดี เลี่ยงการลดและเพิ่มน้ำหนักแบบฉับพลัน หรือการตั้งกฏการกินที่เข้มงวดเกินไป เพื่อรักษาให้ร่างกายคงสภาพได้ในระยะยาว

 

4.จัดลำดับตารางการเคลื่อนไหวร่างกายทุกวัน

โดยต้องแบ่งเวลาให้ชัดเจนและยึดตามตารางอย่างเคร่งครัด สิ่งง่ายๆ ที่เริ่มต้นได้เลยคือการเดินอย่างสม่ำเสมอเป็นประจำ

 

5.ฝึกฝนการต้านทานกับปัญหาแบบฉบับตัวคุณเอง

ยิ่งคุณพบวิธีที่ดีในการจัดการกับความทุกข์ที่ยากจะหลีกเลี่ยงในชีวิตของคุณได้เร็ว ก็จะเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับการรับมือเมื่อมีโชคร้านวิ่งเข้าใส่ในวัย 80 ซึ่งในที่นี้หมายถึงการเจริญสติลงลึกในระดับจิตวิญญาณ หรือ การบำบัด เพื่อเลี่ยงการสะสมความเครียด ครุ่นคิดมากเกินไป ปฎิกิริยาที่ส่งผลต่ออารมณ์ในด้านลบและหาพฤติกรรมที่จะช่วยให้หลีกเลี่ยงภาวะความทุกข์นี้ 

 

6.อย่าหยุดเรียนรู้

ยิ่งเรียนรู้อยู่เสมอจะยิ่งทำให้จิตใจกระฉับกระเฉงในตอนที่อายุเพิ่มมากขึ้น ซึ่งสัมพันธ์กับความสุขในชีวิตที่จะยืนยาวขึ้นไปด้วย นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณต้องลงทะเบียนเรียนในมหาลัยขื่อดังเท่านั้นนะ มันง่ายกว่านั้น แค่ตั้งเป้าหมายในการเรียนรู้แล้วหยิบหนังสือในหัวข้อที่คุณสนใจขึ้นอ่านเป็นประจำเพื่อเรียนรู้ในหัวข้อใหม่ๆ 

 

7.ลงทุนในความสัมพันธ์ระยะยาว

สำหรับคนส่วนใหญ่และรวมถึงคนที่มีชีวิตแต่งงานที่มั่นคง แต่ความสันพันธ์ในรูปแบบอื่นๆ กับครอบครัว เพื่อนและคู่ชีวิตก็สามารถอยู่ในหมวดนี้ได้ด้วยเช่นกัน ประเด็นสำคัญอยู่ที่การค้นหาคนที่คุณสามารถเติบโต ไว้วางใจได้โดยไม่สนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคุณ

 

เราไม่สามารถหยุดตัวเลขอายุให้เพิ่มขึ้น แต่เราเตรียมความพร้อมให้มีความสุขมากขึ้นได้เมื่อสูงวัย การดูแลร่างกายและจิตใจของเราเองเป็นสิ่งที่ไม่ควรละเลย เพราะเมื่อเวลาล่วงไปมากเท่าไหร่การความแข็งแรงในช่วงวัยที่ยังมีพละกำลังนั้นเรียกคืนกลับมาได้ยาก แต่การยืนระยะให้มีสุขภาวะที่ดีได้มากที่สุดอาจเป็นเรื่องที่ใกล้เคียงความเป็นจริงได้มากกว่า

 

ที่มา

1 2