svasdssvasds

คาดการณ์ประชากรโลกจะไม่เพิ่มขึ้นอีกหลังปี 2100 เปิดแผนรับมือของแต่ละชาติ

คาดการณ์ประชากรโลกจะไม่เพิ่มขึ้นอีกหลังปี 2100 เปิดแผนรับมือของแต่ละชาติ

ปัญหาอัตรา เด็กเกิดใหม่ น้อยลงถือเป็นปัญหาระดับนานาชาติที่หลายประเทศทั่วโลกกำลังเผชิญ เช่น เดียวกันกับประเทศไทย จำนวนประชากรเกิดในประเทศไทยปี 2564 ที่ผ่านมาจำนวนการเกิดต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศ ที่จำนวน 544,570 คน จากจำนวน 818,901 คนในปี 2555 ลดลงอเนื่อง

กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ คาดการณ์ว่า ประชากรไทย จะลดลงเหลือ 69 ล้านคนในปี 2593 และเหลือ 47 ล้านคนในปี 2643 มาดูแนวทางการเพิ่มจำนวนประชากรของแต่ละประเทศกันดูว่ามีข้อไหนที่ประเทศของเราสามารถนำปรับใช้และกระตุ้นในคนหนุ่มสาวอยาก ผลิตทรัพยากรมนุษย์ หน้าใหม่เพิ่มขึ้นใหักับประเทศบ้าง


สิงคโปร์
กระทรวงพัฒนาสังคมและครอบครัว 

กระตุ้นการสร้างครอบครัว ด้วยการนำการเสนอแพ็คเก็จเงินช่วยครอบครัว เช่น 

  • เงินช่วยเหลือเด็กแรกเกิดแบบจ่ายครั้งเดียว 3,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ ให้แก่เด็กที่เกิด

ตั้งแต่ช่วง 1 ต.ค.2020 – 30 ก.ย.2022

  • มอบเงินขวัญถุง เช่น เงินสดสูงสุด 10,000 ดอลลาร์สิงคโปร์

เอกชนผู้ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับทารกและแม่

  • มอบบัตรสมาชิก VIP ให้คุณแม่ชาวสิงคโปร์ทุกคนที่กำลังจะคลอดลูกเป็นเวลา 1 ปี
  • มอบส่วนลดพิเศษให้ คุณแม่มือใหม่

 

ญี่ปุ่น

  • จ่ายเงินให้กับคู่รักที่จะมีลูกในโตเกียว คู่ไหนต้องการให้กำเนิดลูกในโตเกียวจะได้เงิน 100,000 เยน ต่อลูก 1 คน
  • นโยบายให้คนจับคู่ด้วย AI คาดว่าจะใช้งบประมาณ 2 พันล้านเยน

 

ไต้หวัน

  • เพิ่มเงินอุดหนุนให้ครอบครัวที่มีลูกอายุต่ำกว่า 5 ปี
  • ลดค่าใช้จ่ายเพิ่มอีกให้สำหรับคู่รักที่ต้องการมีลูกคนที่ 2 และ 3 

 

อิตาลี

  • ให้เงินอุดหนุนรายเดือนกับครอบครัวรายได้ต่ำกว่า 25,000 ยูโรต่อปี
  • เพิ่มเงินดูแลเด็ก

    ภาพคู่รักหนุ่มสาวจาก pixabay

สหราชอาณาจักร

  • เพิ่มจำนวนประชากรและชดเชย อัตราเจริญพันธุ์ ที่ต่ำด้วยการเปิดรับคนต่างชาติเข้ามาอยู่ในประเทศ

 

ส่วนในไทย นโยบายและยุทธศาสตร์ การพัฒนาอนามัยการเจริญพันธุ์แห่งชาติ ฉบับที่ 2 ว่าด้วยการส่งเสริมการเกิดและการเจริญเติบโตอย่างมีคุณภาพ (พ.ศ. 2560-2569) อัตราการเจริญพันธุ์ของไทยลดลงเหลือต่ำกว่า 1.5/1,000 ประชากร ในปัจจุบันแม้ว่าอัตราการเกิดจะลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่กลับพบว่าในการเกิดดังกล่าวถึงกว่าร้อยละ 25 เป็นการเกิดที่ไม่ได้ตั้งใจหรือไม่มีความพร้อมเกิดภาวะ “เด็กเกิดน้อย ด้อยคุณภาพ” 

 

โครงการที่เกี่ยวข้องกับการเกิดและการเจริญเติบโตซึ่งส่วนใหญ่ดำเนินงานโดยกระทรวงสาธารณสุข รวมแล้วมีจำนวน 144 โครงการ แต่ผลการดำเนินงานสำเร็จเพียงร้อยละ 21.2 เพราะหน่วยงานยังพึ่งพาการจัดสรรงบประมาณจากส่วนกลางเพื่อจัดกิจกรรม ทำให้ขาดความต่อเนื่องเมื่อไม่ได้รับการจัดสรร และอัตรากำลังบุคลากรของกระทรวงสาธารณสุข ไม่เพียงพอและขาดความต่อเนื่อง ทั้งบุคลากรขาดความรู้และประสบการณ์การทำงาน ซึ่งโครงการบางส่วนที่ไทยพยายามผลักดันส่งเสริมการเจริญพันธุ์มีดังนี้ 

ไทย

  • โครงการวิวาห์สร้างชาติและโครงการสาวไทยแก้มแดง
  • ครงการมหัศจรรย์ 1,000 วันแรกของชีวิต
  • โครงการเฝ้าระวังมารดาตายและห้องคลอดคุณภาพ
  • โครงการดูแลหลังคลอดและการวางแผนครอบครัว
  • โครงการส่งเสริมการเลี้ยงดูลูกด้วยนมแม่
  • คลินิกสุขภาพเด็กดีและส่งเสริมพัฒนาการ 
  • คลินิกให้คำปรึกษาคู่สมรสและรักษาผู้มีบุตรยาก

 

โดยการมีบุตรนั้นจะต้องเป็นไปด้วยความสมัครใจ มีการวางแผน และมีการเตรียมความพร้อมตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ รวมถึงมีการช่วยเหลือคู่ที่ประสบภาวะมีบุตรยากให้เข้าถึงบริการได้เร็วขึ้น

ผลกระทบในระยะยาว คือ 

  • จากปี 2020 ถึง ปี 2100 คนอายุ 80 ปี จะเพิ่มขึ้นจาก 146 ล้านคน เป็น 881 ล้านคน โดยอายุเฉลี่ยเพิ่มจาก 31 ปีเป็น 42 ปี 
  • ปัญหาการเมืองและโครงสร้างทางสังคมเปลี่ยนไป ทำให้คนรุ่นใหม่ที่เป็นคนส่งเงินเข้ากองทุนเกษียณมีจำนวนน้อยลง 
  • มิติครอบครัวเปลี่ยนแปลง เพราะในเจเนอเรชั่นต่อไปจำนวนญาติพี่น้องจะลดลง เกิดเป็นครอบครัวแบบเพื่อนที่มาอยู่เป็นครอบครัวแทน 

คาดการณ์จากวอชิงตันโพสต์ที่น่าสนใจระบุว่า 

  • ทวีปแอฟริกา จะเป็นทวีปเดียวที่จำนวนประชากรหนุ่มสาวในปี 2100 จะเพิ่มสูงขึ้นและกระจุกตัวอยู่กันในทวีปนี้ ในปี 2100 แอฟริกาจะมีประชากรเพิ่มเป็น 2 เท่าของปัจจุบันมีสัดส่วน 49% หรือเกือบครึ่งนึงของประชากรโลกทั้งหมด
  • อินเดียจะครองแชมป์จำนวนประชาการสูงสุดของโลกในปี 2050 จะมีจำนวนถึง 1.7 พันล้านคนขึ้นแซงหน้าจีนในช่วงปี 2030

คาดการณ์จำนวนประชากรโลกที่จะเพิ่มขึ้นในระหว่างปี 2015-2050

ทรัพยากรมนุษย์ จะเป็นกำลังสำคัญสำหรับการแข่งขันกันทางเศรษฐกิจในอนาคต หลายประเทศจึงรณรงค์และให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและพัฒนาสิ่งแวดล้อมเพื่อรองรับความต้องการ กระตุ้นให้คนต้องการสร้างครอบครัวและให้กำเนิดเด็กขึ้นมา ซึ่งปัจจัยที่จะดึงดูดให้คนเพิ่มจำนวนประชากร นอกจากปัจจัยแวดล้อมภายนอก เช่น คุณภาพชีวิต ความปลอดภัย ยังรวมถึงปัจจัยภายในเชิงนามธรรมที่ภาวะการเป็นผู้ปกครองในสังคมปัจจุบันนั้นไม่ง่ายเลย การจะเลี้ยงดูเด็กหนึ่งคนในเติบโตขึ้นมา แม้ว่าจะอยู่ในประเทศที่พัฒนาแล้วก็ตาม ต้องเผชิญภาวะความเครียดจากโรคระบาดและเศรษฐกิจตกต่ำ ส่งผลต่อสำนึกทำให้หลายคู่รักเลือกที่จะครองคู่กันโดยไม่มีบุตร โดยเฉพาะผู้หญิงมีค่าเสียโอกาสมากมายที่ต้องหลุดลอยไปเมื่อตั้งครรภ์ สูญเสียการเติบโตในหน้าที่การงาน ความวิตกกังวลก่อนและหลังคลอด เงินและเวลามหาศาลที่ลงทุนไปกับเด็กคนนึงให้มีคุณภาพ ก็มีส่วนในการตัดสินท้องไม่ท้องของพวกเธอเช่นกัน การเตรียมความพร้อมองค์รวมเพื่อรองรับ สังคมผู้สูงอายุ ของไทยเอง ก็ยังช้ากว่าอัตราเพิ่มขึ้นของประชากรสูงวัยที่มีอยู่ อาชีพ สวัสดิการ การออกแบบเมือง เพื่อช่วยให้มีคุณภาพชีวิตเหมาะสมก็ยังต้องถกถามกันอีกต่อไป 

 

ที่มา

Washingtonpost กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

 

related