สำหรับ เทศกาลวันวาเลนไทน์ การ จับมือ ก็ถือเป็นอีกหนึ่งการสื่อสาร ที่มีความหมาย และเป็นจุดเริ่มต้นของการสัมผัส ก่อนจะสานต่อไปยังการสัมผัส บอกความรู้สึกในจุดอื่นๆ มีการ บอกลักษณะการ "จับมือ" กันไว้ทั้งหมด 9 ลักษณะคร่าวๆ ซึ่งมีความหมาย มีรายละเอียดปลีกย่อยแตกต่างกันไป
ภาษากาย นับเป็นภาษาที่สำคัญสำหรับการใช้สานต่อความสัมพันธ์ต่างๆ เพราะมันสามารถ "สื่อสาร" และส่งสาส์น ความรู้สึก ข้างในลึกๆออกไปยังผู้ถูกสัมผัสได้ แม้ว่า จะไม่มีการพูดบทสนทนากันเลย และนับได้ว่า มันเป็นความมหัศจรรย์ของมนุษย์ ที่การใช้สัมผัสต่างๆของร่างกาย แทนคำพูด และการ "จับมือ" ก็ถือเป็นอีกหนึ่งการสื่อสาร ที่มีความหมายมากมาย และ เป็นจุดเริ่มต้น ของการสัมผัส ก่อนจะสานต่อไปยังการสัมผัส บอกความรู้สึกในจุดอื่นๆ
.
อย่างน้อยๆ การ "จับมือ" กัน ก็จะส่งผลให้อุณหภูมิของทั้ง 2 คน ถ่ายทอดไหลผ่านหมุนเวียน ส่งผ่านถึงกันได้ , ในทุกครั้งที่จับมือ จะสัมผัสได้ถึงความอบอุ่น , ให้ความรู้สึกสบาย , ให้ความมั่นใจ และ ช่วยลดความเจ็บปวดในความรู้สึกบางอย่างได้ เพราะการจับมือกัน อย่างน้อย เราทุกคน ก็ไม่ได้อยู่เดียวดาย อ้างว้าง ท่ามกลางความเหงา บนโลกใบนี้
.
อย่างไรก็ตาม มีการ บอกลักษณะการ "จับมือ" กันไว้ทั้งหมด 9 ลักษณะคร่าวๆ ซึ่งแต่ละแบบ มีความหมาย มีนัยยะ ที่มีรายละเอียดปลีกย่อยแตกต่างกันไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
1) ฝ่ามือประกบกัน : The Down-Facing Palm
เป็นลักษณะการจับมือ ที่ฝ่ายชาย มักจะจับฝ่ายหญิงแบบนี้บ่อยๆ มันสามารถบ่งบอกถึงการปกป้อง การมีความรับผิดชอบ สถานการณ์การจับมือรูปแบบนี้มักจะมาในช่วงเวลา อาทิ การข้ามถนน
2) นิ้วประสานกันทั้งหมด และล็อกข้อมือ : The Interlocked Fingers
.
การจับมือลักษณะนี้ คือแสดงออกถึงความสัมพันธ์ที่แนบแน่น และมีความมั่นใจ
3) เกี่ยวปลายนิ้วชี้ : The Finger Grab
.
การจับมือที่หลวมๆ แปลว่าให้อิสระต่อกัน มีพื้นที่ให้แก่กัน ความสัมพันธ์แบบไม่อึดอัด
4. เกี่ยวปลายนิ้วก้อย : The One-Finger Handhold
เป็นอีกหนึ่งลักษณะการจับมือ ที่ดูผ่อนคลาย แม้จะไม่สนิมสนมแบบแนบแน่นแบบ นิ้วประสานกันทั้งหมด แต่มันก็ยังอยู่ในลักษณะที่เต็มไปด้วยความโรแมนติก และ มีสีสัน และมีความเล่นๆ เจ้าชู้เล็กๆ
5. โอบไหล่แล้วล็อกประสานมือไว้ The Over-The-Shoulder Lock
การจับมือในลักษณะนี้ หมายถึงการที่ฝ่ายชายพร้อมจะแสดงการปกป้องจากอันตราย และพร้อมที่จะเสียสละได้
6. จับมือแบบหลวมๆ : The Passive Handhold
.
การรับมือแบบไม่แนบแน่นแบบนี้ มันหมายความว่า เปิดพื้นที่ให้มีความคิด มีพื้นที่ระหว่างกัน แต่ อีกนัยนึง ก็หมายความว่า กำลังมีเรื่องครุ่นคิดอยู่
7. จับตรงสันมือ : The "My Lady"
.
การจับมือที่คนจับจับบริเวณสันมือ หรือง่ามมือนั้น หมายถึงการจับมือที่มีความ "สุภาพ" ให้เกียรติเจือปนอยู่ แม้มันจะสัมผัสกันอย่างไม่เต็ม 100 เปอร์เซนต์ แต่สื่อความหมายถึงความแข็งแรง มั่นคง มีความเคารพ ความรัก และ ความเชื่อใจ การจับลักษณะนี้ใช้ในงานแต่งงานก็จะน่าจะเหมาะกับแวดล้อมทั้งหมด
8 จับแบบประสานนิ้ว แต่ไม่ล็อกแน่น : The Relaxed Lace
.
แม้การจับมือในลักษณะนี้จะดูไม่ค่อยพบเห็นบ่อยนัก แต่มันก็มีความหมายว่า ทั้ง 2 คน มีความไว้เนื้อเชื่อใจ มีความมั่นใจ และสถานะทางอรมณ์ที่มั่นคงต่อกัน พอสมควรแล้ว และมีความแนบชิดสนิทสนมกันมากแล้ว
9. ไขว้แขนจับข้อมือ : The Wrist Grab
.
การจับมือ ไขว้แขนแล้วจับข้อมือนั้น มีลักษณะพิเศษ เพราะมันไม่ได้หมายความว่า ทั้ง 2 ฝ่ายจับกันแค่มือส่วนล่างเท่านั้น แต่มันหมายถึงการเกี่ยวพันของแขนด้วย ถ้าหากจะจับในลักษณะนี้ ซึ่งมันหมายถึงการกระตือรือร้นและอยากเดินหน้าความสัมพันธ์
.
สำหรับ 9 ลักษณะการจับมือ ที่ความหมายความหมายแตกต่างกัน รับวันวาเลนไทน์นั้น สุดท้ายแล้ว มันอาจจะไม่ได้สื่อความหมายอย่างตรงไปตรงมาทั้งหมด แต่อย่างน้อยๆการจับมือกัน สัมผัสกัน มันก็เป็น ภาษากาย ที่บ่งบอกว่า คนเรามีความรู้สึกดีๆต่อกัน
.