เปิดทริคง่าย How to วิธีคุยยังไงให้ได้คบ การปรับตัวเองให้เป็นผู้ที่มีเสน่ห์น่าฟังในการสนทนา เพื่อค้นหาความรักครั้งใหม่ให้ทัน วันวาเลนไทน์ จะต้องทำยังไงบ้าง มาดูวิธีที่นี่!
“แต่คุยแค่ไหนถึงจะได้คบกัน หรือเป็นแค่ฉันที่จริงจัง จนกลายเป็นรักเธอ”
ผลงานจาก Chilling Sunday ในเพลงที่ชื่อว่า Status ที่เป็นคำถามแทนใจใครหลายคน ที่กำลังตกอยู่ในสถานะคนคุย ซึ่งไอความสัมพันธ์นี้นั้นกลับเป็นสถานการณ์ลำบากเต็มไปด้วยความไม่ชัดเจน เพราะคำว่าคนคุยนั้น มันไม่ได้แปลว่าเราจะหวงหรือห่วงเขาได้
ที่พูดอย่างนี้นั้นเป็นเพราะว่า เมื่อโลกเรามันการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในเรื่องของเทคโนโลยี พ่วงมาด้วยการสนทนาที่กลายมาเป็นรูปแบบข้อความ (Text) มากกว่าการสนทนาแบบมีเสียง (Voice) ซึ่งการพิมพ์เหล่านี้นั้นทำให้หลายครั้งเกิดการหลงลืมมาน่าหลงใหลในศิลปะของการพูดคุยกันต่อหน้า หรือการคุยกันในแช็ตให้มีความน่าดึงดูดใจมากขึ้น ในช่วงเวลาเหล่านี้ที่หลายคนหันมาใช้อปพลิเคชันหาคู่ เนื่องด้วยสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ที่ยังไม่มีท่าทีจะหยุดแล้ว ยังเป็นเพราะหน้าที่การงานที่ไม่มีเวลาว่างมากพอจะออกไปเดตกันอีก
ผลกระทบของการขาดความน่าหลงใหล หรือขาดเสน่ห์ในการพูดคุย ทำให้อาจส่งผลกระทบต่อการเข้าสังคมเพิ่มขึ้น ในระยะที่หนักเข้าก็คือส่งผลให้บทสนทนานั้น กลายเป็นคำถามเพียงเชิงพิธีกร หรือแบบถามมาตอบไป ที่เห็นเหตุให้เรานกหรือโสดในช่วงวันวาเลนไทน์ ที่ใครต่างก็พากันออกไปเดตฉลองเทศกาลแห่งความรัก
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ซึ่งในวันนี้จากข้อมูลของ MenDetails นั้น ได้เผยวิธีน่ารักๆ ที่จะช่วยให้เข้าใจวิธีการสนทนาอย่างไร ให้ได้ใจคู่สนทนาด้วยกันถึง 5 วิธี ที่จะเป็นอีกหนึ่ตัวช่วยในการสำรวจตัวเอง ว่าเราควรจะฝึกฝนยังไงให้บทสนทนาไหลลื่นมากพอให้คนอื่นรู้สึกดึงดูดใจ และเปิดโอกาสให้มีแฟนได้ อีกทั้งยังช่วยให้หันมาสนใจการพูดคุยเพิ่มขึ้น เพื่อจะไม่ถูกดูดไปกับเทคโนโลยี จนลืมการดำเนินชีวิตในโลกความเป็นจริง!
ความเกรงใจต่อคู่สนทนาเป็นหนึ่งในการสร้างเสน่ห์ให้คู่สนทนารับรู้ โดยไม่ต้องวางมาดหรือเก๊กให้เหนื่อยเปล่า การเอ่ยคำชมให้เขารับรู้โดยเน้นไปที่ความสามารถของเขา นับเป็นเรื่องที่ชมได้น่าฟังมากกว่าการพูดถึงรูปลักษณ์ หรือการเห็นด้วยในความคิดเห็น และแสดงความรู้สึกของตัวเองอย่างตรงไปตรงมา นับเป็นจุดเริ่มต้นในการต่อบทสนทนาให้ไหลลื่น เช่น มากกว่าการชมว่ายิ้มสวยหรือหุ่นดี เปลี่ยนเป็น “เห็นด้วยกับความคิดนะ” หรือ “คุณมีไอเดียที่น่าสนใจ” เพราะคำชมเหล่านี้สร้างความประทับใจทำให้อยากคุยต่อมากขึ้น!
ในสภาวะที่ความเห็นต่างกันและแบ่งฝั่งอย่างชัดเจน ประเด็นการเมือง นับเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ควรจะเลี่ยงให้มากที่สุด เพราะในบางครั้งการพูดคุยอาจเกิดความกระอักกระอ่วนใจได้ หากเป็นคนที่มีความคิดในทางตรงกันข้าม เขาจะลดความนับถือในตัวลงไปเป็นลำดับ รวมไปถึงเรื่องศาสนา ความเชื่อ ที่เป็นเรื่องส่วนบุคคลที่ไม่ควรหยิบยกเอามาเป็นหัวข้อในการพูดคุย อีกทั้งในการต่อบทสนทนามีหัวข้ออื่นให้พูดและถามมากกว่าที่จะสร้างความเหม็นหน้า จนต้องเลิกรู้จักกันไป
บทสนทนาที่เคร่งเครียดตลอดเวลา อาจมีบรรยากาศที่ตึงเกินจนเหนื่อยที่จะหาหัวข้อพูดคุยก็เป็นได้ บางครั้งแค่เรื่องตลกรายวันหรือ มีมน่ารักๆ ก็เป็นหัวข้อที่น่าสนใจได้เช่นกัน อีกทั้งการใช้มุกต่อบทสนทนาเชิงแฟนตาซี หรือที่เรียกว่าเป็นการพูดไปเรื่อยก็เป็นอีกเรื่องที่น่าทดลองดูเช่นกัน การต่อมุกแบบนี้เป็นอีกหนึ่งการสังเกตว่าไหวพริบในการต่อบทสนทนาอีกฝ่ายเป็นอย่างไร และเป็นอีกหนึ่งการบอกใบ้ว่า “ระหว่างที่เราคุยกัน มันไม่จำเป็นต้องซีเรียสตลอดเวลา” ซึ่งเหนือสิ่งอื่นใดต้องอยู่ภายใต้ความสุภาพและสบายใจของกันและกัน โดยต้องระวังการดูถูกหรือการไม่ให้เกียรติคนอื่นเด็ดขาด
การส่งภาษากายอย่าง “การพยักหน้า” ก็เป็นอีกหนึ่งการใส่ใจต่อคู่สนทนาที่มีผลเชิงจิตวิทยา เพราะเป็นสัญญาณให้อีกฝ่ายรับรู้ว่าคุณเห็นด้วยและกำลังสนใจในบทสนทนานี้นะ แน่นอนว่าการมองหน้ามองตา หรือการงดเล่นโทรศัพท์ระหว่างที่สนทนาก็เป็นอีกเรื่องที่ควรทำระหว่างการพูดคุยเช่นกัน อีกทั้งการโต้ตอบด้วยเสียงเป็นระยะๆ ก็เป็นการช่วยให้บทสนทนาของเราและเขาไหลลื่นยิ่งขึ้น พร้อมทั้งทำให้อีกฝ่ายกล้าที่จะพูดหรือออกความเห็นเพิ่มขึ้น ที่จะช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้ตัวเองได้อย่างล้นหลาม
ทุกครั้งที่บทสนทนามีความลื่นไหลด้วยคำถามถัดไป ก็เป็นการแสดงออกให้อีกฝ่ายรู้สึกได้ ว่าเรากำลังอยากรู้จักและพัฒนาความสัมพันธ์ต่อยอดกับเขา ประหนึ่งว่าเรากำลังทำการบ้าน โดยมีคู่สนทนาเป็นโจทย์ที่เราต้องหาคำตอบ ยกตัวอย่างเช่น “แล้วเธอคิดอย่างไรกับเรื่องนี้” ก็เป็นอีกหนึ่งคำถามที่ชวนใจฟูและอยากได้ยิน นอกจากนั้นการพูดคุยหรือให้กำลังใจด้วยประโยคน่ารักๆ ก็เป็นอีกบทสนทนาที่ทำให้เขารู้สึกหลงใหลในเสน่ห์ของเราได้ เช่น “หากวันนี้มันเหนื่อย ขอให้วันพรุ่งนี้ใจดีกับคุณมากกว่าวันนี้” หรือ “ขอให้ความโชคดีน่ารักกับคุณ” ก็เป็นเสน่ห์ที่น่ารักอีกเช่นกัน
สำหรับใครที่ทดลองตามนี้แล้ว ยังเลื่อนขั้นจากคนคุยไปเป็นแฟนไม่ได้ หรือลองแล้วไม่เวิร์คไม่จำเป็นต้องท้อ เพราะบางทีอาจจะยังไม่ใช่คู่กัน หรือเขาอาจจะยังไม่ใช่สำหรับเรา หรือเราอาจจะไม่ได้เป็นความสัมพันธ์ที่เหมาะสมกันก็ได้ ก็เพียงแค่ตัดใจและเดินหน้าต่อไป ไม่จำเป็นต้องรีบ แต่หากใครใช้แล้วเวิร์ค ก็ลองแกล้งๆชวนไปเดต เพื่อพัฒนาความคืบหน้ากันเถอะ!