รวมคำต้องห้ามในสนามบินและบนเครื่องบิน ฝ่าฝืนจำคุก 5 ปี ปรับ 2 แสน

หลายเป็นเรื่องที่โซเชียลให้ความสนใจในทันที เมื่อมีการแชร์ต่อคลิปวิดีโอที่ชายรายหนึ่งแสดงท่าทางคล้ายคนเมา พูดจาก่อกวนเจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานหาดใหญ่ ทั้งเรื่องระเบิด ทั้งยังอ้างรู้จักนายกรัฐมนตรี และเป็นราชองครักษ์ แต่สุดท้ายต้องยอมกราบขอโเทษไม่ให้เอาผิด ต่อมาโฆษกกองทัพเรือชี้แจงว่า ชายคนดังกล่าวคือ พันจ่าเอก ไพโรจน์ ขาวแก้ว สังกัด กรมการสื่อสารและเทคโนโลยีสารสนเทศทหารเรือ

โฆษกกองทัพเรือ ระบุด้วยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างที่ พันจ่าเอก ไพโรจน์ กำลังเดินทางจากท่าอากาศยานหาดใหญ่มายังท่าอากาศยานดอนเมือง เพื่อเตรียมเข้าปฏิบัติงาน โดยทางต้นสังกัดได้เรียกตัว พันจ่าเอก ไพโรจน์ ให้เข้ารายงานตัวแล้ว พร้อมทั้งตั้งคณะกรรมการสอบสวน หาข้อเท็จจริงเพื่อลงโทษทางวินัยต่อไป

ล่าสุด พันจ่าเอก ไพโรจน์ ได้นำกระเช้าไปขอขมาเจ้าหน้าที่ท่าอากาศยานหาดใหญ่แล้ว ก่อนที่จะขึ้นเครื่องเดินทางกลับต้นสังกัด เมื่อวันที่ 27 ม.ค. 2565 ที่ผ่านมา

 

เรื่องที่เกี่ยวข้อง

• ทหารเรือเมากร่าง บอกมีระเบิดมาที่สนามบิน สุดท้ายมือไม้อ่อนยกมือขอโทษ

• น้ำมันดิบรั่ว จ่อประกาศเขตภัยพิบัติหาดแม่รำพึง ห้ามลงเล่นน้ำทะเลชั่วคราว

• เช็กเลย 6 ข้อกำหนดพ.ร.ก.ฉุกเฉิน เดินทางเข้าไทย สกัดโควิด-โอไมครอน มีผล 1 ก.พ.

 

จากข่าวดังกล่าวจึงได้รวมคำต้องห้ามในสนามบินและบนเครื่องบิน ซึ่งสนามบินเป็นสถานที่เน้นเรื่องความปลอดภัยเป็นหลัก การพูดเล่น หรือส่งสารอันเป็นเท็จ ต้นเหตุให้ผู้อื่นตื่นตระหนก ทำให้เที่ยวบินล่าช้าแล้ว ยังต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย

นอกจากคำพูดหยอกล้อที่เป็นเหตุทำให้เครื่องบินล่าช้าแล้ว อาจทำให้ถูกสอบสวนและดำเนินคดีตามกฎหมายได้ ซึ่งคำพูดที่ไม่ควรพูดในบริเวณสนามบินและบนเครื่องบิน ดังนี้

คำพูดที่อาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด อันเป็นเหตุให้ผู้อื่นตื่นตกใจ

• ระเบิด (Bomb Explosive) 

คำนี้ถือเป็น คำพูดต้องห้ามในสนามบิน และในเครื่องบิน ที่ไม่ควรพูดเป็นอย่างมาก ซึ่งข้อนี้ถือว่าเป็นกฎสากลที่ปฏิบัติกันทั่วโลก ซึ่งทุกคนต้องรู้และปฎิบัติตาม หากคุณเกิดหลุดพูดประโยคนี้ขึ้นมา อย่างเช่น ระวังระเบิดนะ, ในกระเป๋ามีระเบิด หรือการข่มขู่ว่า จะระเบิดเครื่องบิน ฯลฯ เจ้าหน้าที่สามารถดำเนินการขั้นสูงสุดกับคุณได้เลย หรือกัปตันสามารถสั่งหยุดการเดินทาง นำเครื่องลงจอดเพื่อตรวจสอบความปลอดภัย และอาจทำให้เที่ยวบินดีเลย์ขึ้นได้ ถือเป็นความเสียหายต่อส่วนรวมเลยทีเดียว

• การก่อการร้าย  (Terrorist Attack) หรือ จี้เครื่องบิน, ปล้นเครื่องบิน (Hijack) 

คำพูดต้องห้ามในสนามบิน และในเครื่องบิน เกี่ยวกับเรื่องการก่อการร้ายเป็นสิ่งที่ร้ายแรงมาก ไม่ควรนำมาพูดเล่นๆ เพราะการก่อการร้ายเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนและสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ถ้าเผลอพูดออกไป เช่น นี่คือการก่อการร้าย, นี่คือการจี้เครื่องบิน คุณอาจจะโดนเจ้าหน้าที่ตรวจค้นและถูกจับได้

• อาวุธและวัตถุอันตรายต่างๆ

อาวุธและวัตถุอันตราย อย่างเช่น ปืน มีด หรือสารอันตราย ก็เป็นอีกคำพูดหนึ่งที่ไม่ควรพูดออกมา เพราะความปลอดภัยของการบินนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่เข้มงวดมาก ถ้าคุณเผลอพูดออกไป ไม่ว่าจะพูดเล่นๆ หรือไม่ได้ตั้งใจ เจ้าหน้าที่อาจจะดำเนินการกับคุณในฐานะบุคคลต้องสงสัยได้ทันที

• โรคระบาดร้ายแรง

โรคระบาดร้ายแรง เป็นอีกเรื่องที่ไม่ควรพูดถึงในขณะการเดินทาง หรือแสดงการกระทำเหมือนว่าตัวเองกำลังติดโรคระบาด ไม่ว่าจะระหว่างการตรวจในสนามบินหรือบนเครื่องบิน เนื่องจากความปลอดภัยของการบินนั้นถือว่าเป็นสิ่งที่เข้มงวดมาก โดยเฉพาะโรคที่สามารถติดต่อได้ทางอากาศ เพราะหากคุณพูดถึงมัน นอกจากจะสร้างความแตกตื่นให้กับผู้โดยสารคนอื่นแล้ว คุณอาจจะถูกส่งตัวไปตรวจหาโรคที่โรงพยาบาลอีกด้วย

• คำพูด เขียนข้อความ หรือการกระทำอื่น ๆ ที่เจ้าหน้าที่พิจารณาว่าคุกคาม ข่มขู่หรือเป็นภัย 

การกล่าวคำหยาบคายที่แสดงถึงความเกรี้ยวกราด โมโห รวมทั้งคำทะลึ่งนั้นสามารถก่อให้ความรำคาญและทำให้รู้สึกไม่สบายใจกับผู้โดยสารท่านอื่นได้ โดยเฉพาะการพูดด้วยน้ำเสียงหรืออารมณ์ที่รุนแรงต่อพนักงานภาคพื้นหรือบนเครื่องบิน เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัว และนำตัวคุณไปสงบสติอารมณ์ได้ รวมถึงไม่ควรแสดงการกระทำให้ดูต้องสงสัย เช่น การโยนกระเป๋าใส่เจ้าหน้าที่หรือกลุ่มผู้โดยสารแล้ววิ่งหนี เช่น พูดว่า “ตรวจได้แต่ ระวังเชื้ออีโบล่า”, ตะโกนว่า “เครื่องบินลำนี้กำลังจะตก”, เขียนว่า “ระเบิด” ไว้ที่กระจก, โยนกระเป๋าหรือสิ่งของภายในตัวอาคารใส่เจ้าหน้าที่ กลุ่มผู้โดยสาร หรือผู้ใช้บริการแล้ววิ่งหนี

การแจ้งข้อความซึ่งเป็นเท็จ จนเป็นเหตุหรือน่าจะเป็นเหตุให้ผู้ที่อยู่ในท่าอากาศยานหรือในอากาศยานระหว่างการบิน ตื่นตกใจ ต้องโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ถ้าการกระทำนั้นเป็นเหตุให้เกิดอันตรายต่ออากาศยานในระหว่างการบิน ต้องโทษจำคุกตั้งแต่ 5 – 15 ปี หรือ ปรับตั้งแต่ 200,000 – 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรั