ฮอตมากในอาหรับ! Amsophie ผลิตภัณฑ์สปาจากสมุนไพรไทย สวนกระแสวิกฤติโควิด
ในช่วงวิกฤติโควิดแบบนี้ เป็นช่วงที่ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการประกอบธุรกิจ แต่ทุกวิกฤติย่อมมีโอกาส เช่นเดียวกับ Amsophie แบรนด์ผลิตภัณฑ์สปาทำจากสมุนไพรไทย แบรนด์สกินแคร์สัญชาติไทย ซึ่งผลิตในประเทศไทย แต่ยอดจำหน่ายและส่งออกอาหรับ 100% ไม่มีจำหน่ายในเมืองไทย
จากจุดเริ่มต้นคือ สายงานการส่งออกในธุรกิจอุตสาหกรรมรถยนต์ หันเหสู่ธุรกิจความงาม ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มาจากผักผลไม้ออร์แกนิค และสมุนไพรไทย ซึ่ง คุณรสริน จรัสจรรโลงกุล และ คุณนุตยา สิริเจิมจิตร ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Amsophie ได้ค้นพบตลาดสินค้าความงามที่น่าสนใจอยู่ที่แถบประเทศอาหรับหรือตะวันออกกลาง
อาหรับ ตลาดใหม่ของ ผลิตภัณฑ์สปาไทย
จากความสนใจและศึกษาตลาดในแถบประเทศตะวันออกกลาง ค้นพบว่าตลาดอาหรับเป็นตลาดการค้าที่มีศักยภาพ ไม่ผลิตสินค้าเองแต่จะซื้อหรือนำเข้าเป็นส่วนใหญ่ โอกาสที่จะประสบความสำเร็จจึงน่าจะมีมากกว่าตลาดประเทศอื่นที่มีการแข่งขันสูง และก้นบึ้งหัวใจของชาวอาหรับคือความชื่นชอบทุกอย่างที่เป็นไทย คุณรสริน กล่าว
เริ่มแรกแบรนด์ Amsophie เปิดร้านที่ศูนย์การค้า ไทย มาร์ท บาห์เรน ซึ่งเป็น Hub ศูนย์กระจายสินค้าไทยแห่งแรกในตะวันออกกลาง อีกทั้งราชอาณาจักรบาห์เรนยังมีสายสัมพันธ์ทางการทูตอันดีกับประเทศไทย กฎหมายเอื้อต่อการทำธุรกิจ และคนไทยสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจได้ 100% โดยไม่ต้องมีหุ้นส่วนชาวท้องถิ่นเหมือนเช่นประเทศอาหรับอื่นๆ ซึ่งมี Shop33 เป็นทั้งหน้าร้านและที่ทำการติดต่อลูกค้าชาวบาห์เรน ซาอุดีอาระเบีย และอาหรับ
“ตอนมาไทยมาร์ทช่วงแรกๆ จะมีแค่สบู่ออร์แกนิคและผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ลูกค้ามักจะถามว่ามีพวกน้ำมันอโรมาไหม และก็มีลูกค้าที่เขาชอบกลิ่นหอมแบบไทยๆ เราก็เลยติดต่อกับ “ปิ่นโต เนเชอรัล (Pinto Natural)” ซึ่งขายดีอันดับต้นๆ ของ Shopee ที่เมืองไทย ร่วมกันนำสินค้า ปิ่นโต เป็น Spa product ทั้งหมด Massage oil , Essential oil , Eye cream, Hand cream และพวกน้ำหอมในรถยนต์ มาจำหน่ายที่นี่ ต่อมาก็ร่วมกับบริษัท Thai Cream ได้นำโฟมล้างหน้า ครีมกันแดด มาร่วมจำหน่ายในร้านด้วย ซึ่งผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของร้านได้รับผลตอบรับค่อนข้างดีน่าพอใจ”
Amsophie เริ่มเปิดในช่วงปลายปี 2563 ใช้กลยุทธ์ชูเรื่องกลิ่นหอมของผลิตภัณฑ์สปาไทย คุณภาพส่วนผสมที่มาจากธรรมชาติจริงๆ เน้นเรื่องสมุนไพรไทยเป็นตัวนำร่อง ประกอบกับการปรับเปลี่ยนเพื่อรับกับสถานการณ์อยู่ตลอดเวลา จึงทำให้ยอดจำหน่ายยังไปต่อได้แม้ช่วงวิกฤติการณ์โควิด คุณรสริน ได้กล่าวว่า “ช่วงเปิดร้านใหม่ๆ จะเอาสบู่มาเปิดก่อน สบู่แฟนซี สบู่ผลไม้ เวลามองเข้ามาในร้านจะสะดุดตา อีกเรื่องคือกลิ่น เวลาเข้าห้างลูกค้าจะถามว่ากลิ่นหอมอะไร อ๋อกลิ่นหอมจากร้านนี้เอง ทำไมร้านนี้หอม เราก็สามารถจะขายต่อโน่นนี่นั่นได้ อีกสิ่งที่สำคัญคือเรื่องราคาที่จับต้องได้ ผลิตภัณฑ์หลักที่นำไปจำหน่ายที่ร้านในไทยมาร์ท ก็จะมีทั้ง Skincare และเครื่องหอมต่างๆ ที่ทำจากธรรมชาติและสมุนไพร”
เรียนรู้พฤติกรรมการจับจ่ายของคนอาหรับ
พฤติกรรมการซื้อของชาวอาหรับว่า ส่วนใหญ่มาเป็นครอบครัวใหญ่ๆ หรือเป็นกลุ่มๆ เช่น กลุ่มผู้หญิง กลุ่มวัยรุ่น เวลาเข้าร้านเขาจะให้ความสำคัญเรื่องราคา สมมติเรานำเสนอสินค้าไป เขาจะถามก่อนเลยว่าราคาเท่าไหร่ ถ้าราคาไม่สูงเกินไปหรือมีโปรโมชั่นพิเศษ เขาจะตัดสินใจซื้อเร็ว ส่วนเด็กประมาณ 5-6 ขวบขึ้นไป ก็จะสนใจสินค้าที่มีสีสันสดใสสะดุดตา มีกลิ่นหอม เช่น สบู่ผลไม้ สรุปคือ ชาวอาหรับเขาจะคำนึงถึงราคา กลิ่นหอม และคุณภาพของผลิตภัณฑ์ และที่สังเกตได้อีกอย่างคือ คนอาหรับชอบมาเมืองไทย ไม่ว่าจะอาหาร สถานที่ท่องเที่ยว ผู้คนที่อัธยาศัยดี ก็เลยทำให้เขาชอบสินค้าไทยด้วย
คุณรสริน กล่าวเพิ่มเติมว่า “สื่อโซเชียลที่อาหรับเข้ามาดูส่วนใหญ่เป็น IG ที่บาห์เรนคนใช้ Facebook น้อยมาก เวลาลงสื่อการขายจะลงทั้งสองช่องทาง ทั้งไอจีและเฟซบุ๊ค ประกอบกับมีการรีวิวสินค้าจาก Blogger ที่บาห์เรน นำรีวิวสินค้าเป็นภาษาอาหรับลงสื่อโซเชียลมีเดีย ได้ผลตอบรับดีมาก ประกอบกับ ไทยมาร์ท บาห์เรน ยังสนับสนุนผู้ประกอบการไทยเป็นอย่างดี เป็น Hub ศูนย์กลางขายสินค้าไทยในตะวันออกกลาง ซึ่งหากว่าผู้ประกอบการไทยสนใจเข้ามาเปิดร้านในไทยมาร์ท บาห์เรน รับรองไม่ผิดหวัง แต่ช่วงสถานการณ์โควิด เราอาจจะต้องอดทนนิดนึง ซึ่งอย่างไรก็ตามได้เห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์แน่นอนค่ะ”
