การระบาดของโควิด 19 ส่งผลในเกิดการเปลี่ยนแปลงของไลฟ์การใช้ชีวิตในปัจจุบันที่ต้องปรับตัว ทั้งในระดับบุคคล ไปจนถึงระดับโลก ทุกคนต่างต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตใหม่ หรือ New Normal เพื่อความอยู่รอด ปลอดภัย พฤติกรรมต่างๆ ที่ไม่คุ้นเคย
Social Distancing หรือการใส่หน้ากากอนามัยในที่สาธารณะหรือติดต่อพูดคุย ซึ่งเราก็ทำกันจนกลายเป็นเรื่องปกติ และเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไปแล้ว
มีข้อมูลจากสรุปทิศทางสุขภาพคนไทย ปี 2564 (Thaihealth Watch 2021) พบว่า วิถีชีวิตปกติในรูปแบบใหม่ เกิดผลพลอยได้ที่ตามมา คือ ทำให้จำนวนผู้ป่วยบางโรคลดลง เช่น โรคไข้หวัดใหญ่ ที่พบว่า ในช่วงเวลาเดียวกันจำนวนผู้ป่วย ในปี 2563 ลดลงจากปี 2562 ถึง 92% เนื่องจากคนไทยหันมาเฝ้าระวัง และดูแลตัวเองมากขึ้น นอกจากนี้มาตรการกักตัวเอง อยู่ในบ้านและการเว้นระยะห่างทางสังคม ก็ทำให้โอกาสสัมผัสเชื้อโรคจากสถานที่ต่างๆ ลดลง รวมทั้งปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ สุขภาพแย่ อย่างเช่น การดื่มเหล้า และสูบบุหรี่ลดลงด้วย
ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม ผู้ช่วยผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และรักษาการผู้อำนวยการสำนักสร้างเสริมวิถีชีวิตสุขภาวะ กล่าวว่า “ ประเทศไทยผ่านสถานการณ์โควิด-19 รอบแรกมาแล้ว มีข้อมูลและองค์ความรู้ มากขึ้นในการดูแลป้องกันตนเอง เพื่อดำเนินชีวิตอยู่ร่วมกับโควิด-19 แม้จะมีข้อจำกัด แต่ทุกคนสามารถเรียนรู้และปรับตัวได้ การระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่นี้ สสส. อยากชวนทุกคน ยกระดับสู้ ปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างถูกต้องและเป็นกิจวัตร”
หลักปฏิบัติง่ายๆ แต่สำคัญมากในเรื่องอนามัยส่วนบุคคล คือ ล้างมือให้บ่อย สวมหน้ากากป้องกัน ไม่ปกปิด ข้อมูล เว้นระยะห่าง รวมถึงเสริมสร้างภูมิต้านทานให้ร่างกาย รับประทานอาหารตามหลักโภชนาการ ออกกำลังกาย หรือเคลื่อนไหวสม่ำเสมอ ซึ่งสิ่งที่เราควรทำให้เป็นนิสัยในยุคโควิด 19 มีด้วยกันดังนี้
1.ล้างมือด้วยสบู่ทุกครั้งนาน 20 วินาที ทั้งก่อนและหลังรับประทานอาหาร
2.ล้างมือทุกชั่วโมง เมื่ออยู่ในบ้านหรือที่ทำงาน
3.ไม่ใช้มือสัมผัสใบหน้า ดวงตา จมูก
4.สวมหน้ากากทุกครั้ง เมื่ออกนอกบ้าน
5.พกแอลกอฮอล์เจลสำหรับล้างมือ ไว้ใช้เมื่ออยู่นอกบ้าน
6.อาบน้ำ สระผมทันทีเมื่อกลับถึงบ้าน
7. ใช้ทิชชูปิดปากเวลาไอ-จาม หรือจามใส่ข้อพับต้นแขนด้านใน แล้วล้างมือทันที
8.ปิดฝาชักโครกทุกครั้งก่อนกดล้าง เพื่อป้องกันไม่ให้ไวรัสฟุ้งกระจาย และล้างมือทุกครั้งก่อนออกจากห้องน้ำ
9.เวลาพูดคุยให้อยู่ห่างกัน
10.หลีกเลี่ยงการอยู่ในสถานที่ที่มีผู้คนแออัด
ไม่มีใครรู้ว่าวิกฤตินี้จะสิ้นสุดเมื่อใด แต่สิ่งที่เราทำได้ คือ การร่วมมือร่วมใจกันทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ดูแลสุขภาพกายและจิตใจให้ดีอยู่เสมอ เมื่อวันที่สถานการณ์กลับมาปกติ เราจะมีพลังกายใจที่เต็มเปี่ยมในการดำเนินชีวิต
Cr. สสส.