svasdssvasds

พฤติกรรม ดูดนิ้ว หยิบของเข้าปาก ของลูกน้อย เสี่ยงเป็น โรค มือ เท้า ปาก

พฤติกรรม ดูดนิ้ว หยิบของเข้าปาก ของลูกน้อย เสี่ยงเป็น โรค มือ เท้า ปาก

การได้เห็นลูกน้อยมีพัฒนาการที่ดีตามวัยนับเป็นความสุขของคนเป็นพ่อแม่ โดยเฉพาะในวัยเด็กเล็กที่กำลังมีพัฒนาการของกล้ามเนื้อมัดเล็ก ชอบใช้มือหยิบจับของเล่น หยิบอาหารเข้าปาก แต่ผู้ปกครองต้องระวังให้ดี เพราะอาจทำให้เสี่ยงเป็น โรค มือ เท้า ปาก ได้

พฤติกรรม ดูดนิ้ว หยิบของเข้าปาก ของลูกน้อย เสี่ยงเป็น โรค มือ เท้า ปาก

โรค มือ เท้า ปาก นับเป็นโรคท็อปฮิตที่มักแพร่ระบาดในเด็กเล็กที่อายุต่ำกว่า 5 ปี ติดต่อกันผ่านการสัมผัสเชื้อไวรัสในกลุ่มเอนเทอโรไวรัส (Enterovirus) ทำให้มีไข้ มีแผลในปาก เกิดตุ่มพองใส มีผื่นแดงหรือตุ่มใส บริเวณฝ่ามือ นิ้วมือ ฝ่าเท้า หรือก้นถึงไม่เป็นโรคร้ายแรงแต่สร้างความกังวลใจให้กับพ่อแม่อยู่ไม่น้อย

การเฝ้าระวังโรค มือ เท้า ปาก ในเด็กเล็ก

แหล่งที่มีเด็กอยู่เยอะ อาทิ ในโรงเรียน หรือสถานที่ที่มีเด็กอยู่รวมกันจำนวนมาก จัดเป็นสถานที่เสี่ยง หากมีเด็กคนหนึ่งติดโรคขึ้นมาก็สามารถติดต่อไปยังเด็กคนอื่นๆ ได้ง่าย โดยเชื้อไวรัสในกลุ่มเอนเทอโรไวรัสนั้นมาจากสารคัดหลั่งต่างๆ เช่น น้ำมูก น้ำลาย จากการไอจามของเด็กที่ป่วย น้ำจากตุ่มแผลและอุจจาระของผู้ป่วย

สารคัดหลั่งพวกนี้จะติดอยู่กับของเล่นและของใช้ต่างๆ หากเด็กนำมือที่สัมผัสเชื้อมาเข้าปาก ไม่ว่าจะหยิบของกิน เอาของเล่นเข้าปาก หรือแม้แต่ดูดนิ้ว ก็ทำให้เชื้อไวรัสเข้าสู่ร่างกายได้

อาการของโรค มือ เท้า ปาก 

- เด็กจะเริ่มแสดงอาการป่วยหลังรับเชื้อภายใน 3-6 วัน โดยอาจมีไข้ต่ำหรือสูงก็ได้ 

- จากนั้นอีก 1-2 วัน จะเริ่มมีอาการเจ็บปาก น้ำลายไหล ทานอาหารไม่ได้ เนื่องจากมีแผลในช่องปาก ไม่ว่าจะที่ลิ้น เหงือก หรือกระพุ้งแก้ม

- เริ่มมีตุ่มน้ำ ตามบริเวณนิ้วมือ ฝ่ามือ ฝ่าเท้า หรือก้น

การดูแลเจ้าตัวน้อยหากติดเชื้อ

หากพบว่าเจ้าตัวน้อยเกิดอาการดังข้างต้นที่กล่าวมา แพทย์จะให้ยารักษาตามอาการ และควรเช็ดตัวเด็กเป็นระยะ เพื่อลดไข้ และควรให้เด็กรับประทานอาหารอ่อน หรือเป็นอาหารที่เย็นเพราะความเย็นจะทำให้ไม่เจ็บปากขณะรับประทาน หากเป็นเด็กทารกอาจต้องป้อนนมแทนการให้ดูดจากขวด โดยปกติแล้วอาการของโรคมักหายเองใน 5-7 วัน มักไม่มีอาการรุนแรงหรือภาวะแทรกซ้อน

อาการแบบไหนถึงเรียกว่ารุนแรง

ผู้ปกครองต้องคอยสังเกตลูกน้อยตลอดเวลา หากพบว่า มีอาการซึม ไม่ยอมทานอาหาร หรือนํ้าดื่ม ปวดต้นคอ อาเจียนบ่อย หอบ แขนขาอ่อนแรง ชัก สะดุ้งผวา ตัวสั่น เขียวคล้ำที่บริเวณลำตัว มือ และเท้า ควรรีบไปพบแพทย์ในทันที เพราะอาจเกิดภาวะสมองอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หรือนํ้าท่วมปอดได้ ซึ่งโอกาสที่จะเกิดขึ้นมีน้อยแต่หากเป็นแล้วรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต

การป้องกันโรค

คำแนะนำสำหรับผู้ปกครอง

- ผู้ปกครองควรสอนและฝึกวินัยเด็กให้ล้างมือให้สะอาดเป็นประจำด้วยน้ำและสบู่

- สอนเด็กให้ไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้อื่น เช่น แก้วน้ำ หลอด ผ้าเช็ดหน้า

- หากรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่นต้องใช้ช้อนกลาง

- ไม่ควรให้เด็กไปเล่นในบริเวณที่พบว่ามีการระบาดของโรค

- ผู้ปกครองหรือผู้ดูแลเด็กต้องล้างมือทุกครั้งทั้งก่อนและหลังเตรียมอาหาร ก่อนรับประทานอาหาร หลังการขับถ่ายหรือเปลี่ยนผ้าอ้อม และหลังการดูแลเด็กป่วย

คำแนะนำสำหรับโรงเรียน สถานรับเลี้ยงเด็ก

- ควรหมั่นดูแลรักษาสุขลักษณะของสถานที่และอุปกรณ์เครื่องใช้

- ทำความสะอาดเครื่องเล่น ของเล่น และห้องน้ำ อยู่เสมอ

- หากพบเด็กที่ป่วย ควรให้หยุดเรียนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาด

โรค มือ เท้า ปาก สามารถพบได้ตลอดทั้งปี แต่จะพบมากที่สุดในช่วงฤดูฝน ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกัน แพทย์จะให้การรักษาตามอาการ และเฝ้าติดตามอาการของโรค ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่จึงควรเฝ้าระวังและศึกษาวิธีป้องกันภัยใกล้ตัวลูกน้อย

สามารถติดตามรายละเอียด โรค มือ เท้า ปาก และสาระดีดีเกี่ยวกับการแพทย์ได้ที่เฟซบุ๊ก : Principal Healthcare Company

ชอบคุณข้อมูลจาก แพทย์หญิงชุติมา กอจรัญจิตต์ และ แพทย์หญิงศณิตา ศรุติสุต กุมารแพทย์ประจำโรงพยาบาลพิษณุเวช อุตรดิตถ์ โรงพยาบาลในเครือ พริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์

โรค มือ เท้า ปาก