8 สัญญาณเตือน ว่ามีความเสี่ยงเป็น โรคหัวใจ โรคที่เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของคนไทย ภัยเงียบที่น่ากลัวและไม่ควรมองข้าม
โรคหัวใจ คือ ภัยเงียบที่น่ากลัวและไม่ควรมองข้าม เพราะอาการอย่าง ใจสั่น แน่นหน้าอก จุกแน่นจนหายใจไม่ออก เป็นอาการที่ไม่สามารถสังเกตให้เห็นได้จากภายนอก และไม่สามารถคาดเดาได้ ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใด หรือเป็นบ่อยแค่ไหน หลายครั้งที่เมื่อเดินทางไปพบแพทย์ มักไม่แสดงอาการ ทำให้ยากต่อการวินิจฉัย ว่าสาเหตุของอาการดังกล่าวเกิดจากอะไรกันแน่ หรือมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจชนิดไหน
อ้อย กาญจนา จินดาวัฒน์ นักแสดงรุ่นใหญ่ วัย 61 ปี เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ
“ปั่นจักรยานสอนหนังสือ 10 ปี” โรคหัวใจคร่าชีวิตครู ผู้รักสันโดษ ลูกศิษย์สุดอาลัย
โรคหัวใจ โรคประจำตัวที่หากไม่รักษาต่อเนื่อง อาจมีผลเสียต่อสุขภาพ
นายแพทย์ ธัญญ์ สุวัฒนวิโรจน์ แพทย์ประจำศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง กล่าวว่า โรคหัวใจเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตอันดับต้นๆ ของคนไทย และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นในทุกๆ ปี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเทศไทย ที่กำลังก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุเต็มรูปแบบ ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้จำนวนผู้ที่เจ็บป่วยด้วยโรคหัวใจมีเพิ่มมากขึ้น
"จากข้อมูลทางสถิติกระทรวงสาธารณสุข ปี 2561 พบว่า คนไทยป่วยด้วยโรคหัวใจและหลอดเลือด จำนวน 432,943 คน มีอัตราการเสียชีวิต 20,855 คนต่อปี หรือชั่วโมงละ 2 คน ซึ่งส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของประชาชน ก่อให้เกิดความสูญเสียทางเศรษฐกิจ จากการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ทั้งในระดับบุคคล ครอบครัว สังคม และประเทศชาติ" นายแพทย์ ธัญญ์ กล่าว
การเกิดโรคหัวใจ มาจากหลายปัจจัย ทั้งในเรื่องของ กรรมพันธุ์ เพศ อายุที่มากขึ้น หรือแม้แต่การใช้ชีวิตแบบไม่ระมัดระวัง ทำงานหนักติดต่อกันเป็นระยะเวลานานๆ เครียดสะสม การรับประทานอาหารที่มีไขมันอิ่มตัว และไขมันทรานส์ ทั้งนี้ สามารถแบ่งชนิดของโรคหัวใจได้ 6 ประเภท คือ
- โรคหลอดเลือดหัวใจ
- โรคลิ้นหัวใจพิการ
- โรคกล้ามเนื้อหัวใจ
- โรคเยื่อหุ้มหัวใจ
- โรคหัวใจพิการแต่กำเนิด
- โรคอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องและมีผลต่อหัวใจ เช่น โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรคความดันโลหิตสูง ซึ่งอาการแสดงและแนวทางในการรักษาโรคหัวใจแต่ละประเภทก็จะมีความแตกต่างกัน แต่ก็มี
- สัญญาณเตือนที่สังเกตได้ คือ
- เหนื่อยง่าย
- หายใจลำบากเวลาออกกําลังกาย หรือเดินเร็วๆ
- เจ็บหน้าอก หรือแน่นบริเวณกลางหน้าอก
- ไม่สามารถนอนราบได้เหมือนปกติ เพราะจะรู้สึกเหนื่อยและอึดอัด
- มีอาการหอบจนต้องตื่นขึ้นมานั่งกลางดึก
- เป็นลมหมดสติโดยไม่ทราบสาเหตุ
- ขา หรือเท้าบวมโดยไม่ทราบสาเหตุ
- ปลายมือ ปลายเท้า และริมฝีปากมีลักษณะเขียวคล้ำ
นายแพทย์ธัญญ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในประเทศไทยมีผู้ป่วย และเสียชีวิตด้วย โรคหลอดเลือดหัวใจ มากที่สุด เทคโนโลยีสำคัญที่จำเป็นต่อการช่วยลดอัตราการสูญเสีย คือ เทคโนโลยีห้องปฏิบัติการสำหรับการตรวจสวนหัวใจและหลอดเลือด (Cardiac Catheterization Lab) หรือ เรียกสั้นๆ ว่า Cath Lab ซึ่งเป็นห้องเอกซเรย์ชนิดพิเศษที่มีเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสูงในการประมวลภาพหลอดเลือดหัวใจ และหลอดเลือดตามส่วนอื่นๆ
สามารถปรับหมุนได้รอบทิศทาง ทำให้แพทย์ดูภาพได้จากทุกมุมตามต้องการ สามารถตรวจดูซ้ำได้อย่างละเอียด ช่วยให้ง่ายต่อการวินิจฉัยโรค ว่ามีความรุนแรงอยู่ที่ระดับใด สามารถตรวจดูตำแหน่งผิดปกติและความรุนแรงของหลอดเลือดหัวใจตีบตัน
นอกจากนี้ ยังสามารถดูการหดตัวของกล้ามเนื้อหัวใจ หากพบความผิดปกติ เส้นเลือดหัวใจตีบ อุดตัน แพทย์จะสามารถทำการรักษาได้ โดยการใส่บอลลูนขยาย และ/หรือ ใส่ขดลวดถ่างขยาย (Stent) ได้ทันท่วงที อย่างไรก็ดี โรคหัวใจ เป็นโรคที่สามารถป้องกัน และลดการเกิดการสูญเสียได้
การป้องกันโรคหัวใจ วิธีการที่ดีที่สุดคือ การป้องกันก่อนการเกิดโรค ด้วยการตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอ พยายามรักษาโรคความดันโลหิต การรักษาโรคเบาหวาน ไขมัน หลอดเลือด ซึ่งเป็นปัจจัยเสริมให้เป็นโรคหัวใจได้มากขึ้น รวมไปถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรค ดังนี้
- หมั่นออกกำลังกาย
- รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
- หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันสูง
- ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- งดการสูบบุหรี่ และดื่มสุรา
ผู้ที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ โรคหัวใจ และวิธีการดูแลตนเอง สามารถศึกษาข้อมูล และสอบถามเพิ่มเติม ได้ที่ โรงพยาบาลธนบุรี บำรุงเมือง เบอร์โทรศัพท์ 02-220-7999 หรือ เว็บไซต์ www.thonburibamrungmuang.com