svasdssvasds

35 ปีในวงการบันเทิงของ “คลาวเดีย จักรพันธุ์ ณ อยุธยา”

35 ปีในวงการบันเทิงของ “คลาวเดีย จักรพันธุ์ ณ อยุธยา”

เส้นทางในวงการบันเทิงของ "คลาวเดีย จักรพันธุ์ ณ อยุธยา" ยืนระยะได้ถึง 35 ปี เธอเลือกที่จะรักษาฝีมือการแสดงมากกว่าภาพลักษณ์ และภูมิใจกับความทุ่มเทเป็นตัวละครมากกว่าความโด่งดัง ทำให้เธอได้แจ้งเกิดอีกครั้งหลังหวนคืนสู่วงการในรอบ 10 ปี

SHORT CUT

  • 35 ปีในวงการบันเทิงของ "คลาวเดีย จักรพันธุ์ ณ อยุธยา" กับการหวนกลับมาในรอบ 10 ปี นักแสดงที่เลือกรักษาฝีมือมากกว่าภาพลักษณ์
  • ถึงจะรู้สึกเสียดายเวลาที่หายจากวงการไป แต่ก็ไม่ได้อยากกลับไปแก้ไข เพราะในฐานะนักแสดงถึงจะเสียบทนำไป แต่ก็ไม่ได้สูญเสียความเป็นมืออาชีพ
  • เพราะเลือกที่จะทุ่มเทในทุกบทบาทการแสดง สู่การแจ้งเกิดอีกครั้งในรอบ 10 ปี

เส้นทางในวงการบันเทิงของ "คลาวเดีย จักรพันธุ์ ณ อยุธยา" ยืนระยะได้ถึง 35 ปี เธอเลือกที่จะรักษาฝีมือการแสดงมากกว่าภาพลักษณ์ และภูมิใจกับความทุ่มเทเป็นตัวละครมากกว่าความโด่งดัง ทำให้เธอได้แจ้งเกิดอีกครั้งหลังหวนคืนสู่วงการในรอบ 10 ปี

“เพราะอาชีพนักแสดงเราต้องเข้าถึงบทบาทให้สุด และที่สำคัญในฐานะนักแสดงเราก็ต้องเชื่อด้วยว่าเราคือตัวละครนั้นจริงๆ”

ถึงแม้จะหายจากวงการไปเกือบ 10 ปี ของ คลาวเดีย จักรพันธุ์ ณ อยุธยา จะเสียบทนำไป แต่เธอกลับมองว่าอะไรก็ตามที่ได้แสดงแล้วมันมีมิติก็โอเคแล้ว เพราะไม่เคยเลือกงานที่รักษาภาพลักษณ์แต่เลือกที่จะรักษาฝีมือการแสดงแทน

กว่า 30 ปี กับเส้นทางในวงการของ “คลาวเดีย จักรพันธุ์”

เส้นทางในวงการบันเทิงของเธอเริ่มจากงานโฆษณาตอนอายุ 9 ขวบ คลาวเดียเล่าว่า งานแรกๆ ที่เริ่มทำเลยคือการถ่ายโฆษณา ตอนนั้นมีคนมองหาเด็กผู้หญิงที่สามารถเต้นบัลเล่ต์ได้ ก็เลยได้มีโอกาสได้เข้ามาเล่นโฆษณาเรื่องแรก หลังจากนั้นก็เริ่มเล่นโฆษณามาเรื่อยๆ และได้มีโอกาสไปเดินแฟชั่นโชว์เพราะตอนนั้นต้องการเด็กที่เล่นสเก็ตได้และสามารถเต้นอยู่บนแฟชั่นโชว์ได้ หลังจากนั้นทางกันตนาก็สนใจให้มาเล่นละคร ซึ่งก่อนหน้านั้นก็ได้ไปเล่นหนังชื่อว่า กองร้อย 501 ริมแดง ตอนนั้นอายุประมาณ 11 ปี เป็นยุคที่เข้าไปเล่นตอนนั้นคือเล่นเสร็จก็ต้องไปพากย์เสียงทับ เพราะเป็นยุคที่ระบบเสียงกับภาพยังไม่ไปด้วยกัน พออายุประมาณ 12 ปี ก็ได้มาเล่นละครตอนเย็น และเริ่มมีงานถ่ายแบบเยอะขึ้น ในตอนนั้นก็เป็นพิธีกรรายการเพื่อนแก้วควบคู่ไปด้วย หลังจากนั้นไม่นานก็ได้เล่นละครหลังข่าว เป็นละครหลังข่าวเรื่องแรกที่ได้รับบทค่อนข้างแรง แต่ก็ถือเป็นบทที่ค่อนข้างยากและท้าทายพอสมควร อาจจะเพราะตอนนั้นเคยได้รับเล่นแต่บทใสๆ แต่พอมาต้องหันมาเล่นบทร้ายเลยรู้สึกว่าค่อนข้างท้าทาย และในยุคสมัยนั้นคนที่เล่นบทร้ายก็จะได้เล่นร้ายตลอด คนที่ได้เล่นบทดีก็จะได้บทดีตลอด

“แต่เราเป็นคนที่กล้าที่จะสลับไปมาตลอด เป็นคนที่ค่อนข้างกล้าจะรับอะไรที่มันเป็นแรงๆ ในยุคนั้น”

 

35 ปีในวงการบันเทิงของ “คลาวเดีย จักรพันธุ์ ณ อยุธยา”

10 ปีที่หายไปจากวงการ ถึงจะเสียบางอย่างไป แต่ก็ได้สิ่งใหม่ๆ กลับมา

ถึงแม้เธอจะรู้สึกคิดถึงและเสียดายช่วงเวลาที่หายไป แต่ก็ไม่ได้มีความคิดที่จะกลับไปแก้ไขมัน เพราะในช่วงเวลาที่หายไปจากวงการ ก็มีเรื่องราวและประสบการณ์ดีๆ เกิดขึ้น การกลับมารับงานอีกครั้ง ถึงจะต้องเสียบทนำไป แต่เธอกลับมองว่าในยุคสมัยที่เปลี่ยนไป คนดูเริ่มดูผ่าน Streaming มากขึ้น ความคิดคนดูก็เปลี่ยนไปเพราะคนสามารถเลือกเสพได้หลากหลาย เลือกดูงานที่คอนเทนต์มากกว่าเลือกดูจากคู่ขวัญเหมือนในอดีต เราสามารถหยิบจับหรือได้ไอเดียจากการที่เราได้เห็นผลงานที่หลากหลาย เพราะในฐานะนักแสดง การกลับมาก็ไม่จำเป็นต้องมารับบทนำเท่านั้น เพราะในแง่ของการรับงาน เธอมีความรู้สึกว่าถ้าบทไปทางไหน ก็จะทำเต็มที่กับมันที่สุด ทำแบบทุ่มสุดตัว เพราะอะไรก็ตามที่ทำให้เป็นตัวละครนั้นมากที่สุด เธอจะทำหมด 

“เพราะถ้าคนไปหลงกับความโด่งดังหรือชื่อเสียง มันจะเหมือนเป็นการมัดตัวเอง คนเราไม่มีทางจะอยู่ข้างบนตลอดเวลาไม่ว่าใครก็ตาม เพราะชีวิตมันเป็นกราฟมีขึ้นมีลงอยู่ตลอด”

 

35 ปีในวงการบันเทิงของ “คลาวเดีย จักรพันธุ์ ณ อยุธยา”

 

เธอยังเล่าว่า ด้วยความที่ทำงานหนักมาตั้งแต่เด็ก เลยรู้สึกว่าการออกไปทำงานมันทำให้รู้สึกมีคุณค่า ช่วงแรกที่พักไปเลยไม่ได้รู้สึกอะไรกับมันมาก พอผ่านไปได้แค่ปีเดียวก็เริ่มอยากกลับเข้ามาทำ พอเริ่มกลับเข้ามารับงานอีกครั้งก็ทำให้ได้รู้ว่าเราทำสิ่งนี้ได้ดี และอยากจะพัฒนาให้ดีขึ้นไปอีก ไม่ได้อยากจะหยุดไว้แค่ตรงนี้

“เราไม่ได้จำภาพตอนที่ตัวเองพีค เราจำความรู้สึกที่เราทำงาน ความเต็มที่กับมันมากกว่า”

 

เพราะเป็นคนที่ทุ่มเทกับงานมาก วันนึงเคยวิ่งงานทั้งวัน และมีคิวถ่ายละครทุกวัน พอได้มีโอกาสได้กลับมารับงานละครอีกครั้ง ก็เน้นไปที่การให้ความสำคัญกับการเตรียมตัวมากกว่า เธอเล่าว่า เธอชอบตัวเองตอนได้ทำงาน ตอนนี้เป็นคนรับงานเองก็จะพยายามรับทีละเรื่อง เพราะส่วนตัวรู้สึกว่ายิ่งแสดงไปเรื่อยๆ เราก็ต้องการที่จะพัฒนาตัวเองขึ้นไปอีก ต้องทำการบ้านมากขึ้น และเอาประสบการณ์ในเรื่องที่เคยเล่นมาใช้ในเรื่องถัดๆไป

"เราคิดว่าเราโชคดีเหมือนกันนะที่ได้ทำสิ่งที่เรามีความหลงใหล บางคนชอบงานบางอย่างอยากทำอย่างนี้ แต่เขา โอกาสของเขา ต้องไปทำอย่างอื่น เรารู้สึกว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ความตั้งใจแล้วไม่หยุดพัฒนา"

 

“สืบสันดาน” กับการกลับมาอีกครั้งในรอบ 10 ปี

หลังจากที่หายไปนาน ก็มีเรื่องนางโชว์กับ Princess Hour ที่กลับมาเล่น หลายคนก็อาจจะไม่ค่อยรู้จัก บางคนก็อาจจะเห็นบ้างไม่เห็นบ้าง เพราะหลายคนคิดว่ายังไม่กลับมารับงานเต็มตัว จนได้เริ่มไปเล่นหลายๆผู้จัด หลายคนถึงได้รู้ว่ากลับมารับงานแล้ว เหมือนเป็นจังหวะชีวิตที่จุดหนึ่งเวลามันหายไป แต่ก็ไม่ได้เสียดายกับเรื่องราวที่ผ่านมา

เธอเล่าว่า หลังจากที่รู้ว่าตัวเองได้เล่นซีรีส์เรื่องนี้ ก็เริ่มคิดในหัวแล้วว่าตัวละครนี้จะต้องเป็นยังไง ถึงแม้ตอนนั้นจะยังไม่เห็นบท ก็จะต้องคิดเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเราบ้าง มีเบื้อหลังอะไรตั้งแต่เกิดมา เริ่มพูดคุยกับผู้กำกับและ Acting coach ว่าเป็นยังไงก่อนเห็นบท ทุกคนในกองมีไอเดียและแลกเปลี่ยนกันเยอะในเรื่องของบทละคร อย่างฉากผิวปากที่ใช้เวลาเป็นเดือนกว่าจะได้ไอเดียนี้มา ซึ่งในเรื่องนี้ค่อนข้างที่จะใช้ Improvise เยอะ ก็จะมีการคุยกันก่อน อย่างซีนที่มีการเหยียบหัว ในบทจะถูกเขียนออกมายาวๆ แค่ว่าจะต้องทำให้ไข่มุกรู้สึกเหมือนโดนกด เราจะต้องทำออกมายังไงก็ได้ให้หัวใจของซีนมันยังอยู่ครบ อย่างตัวละครของอารยาที่เคยเป็นนักแสดงมาก่อน บางคนก็จะบอกว่าลองนึกภาพว่าเราเป็นคนนี้ แต่เราก็บอกว่าเราต้องสร้างมันขึ้นมา เพราะอารยาก็คืออารยา ถึงแม้ในบทมันจะไม่ได้เยอะมาก แต่เราก็มีความลึกของตัวละครอยู่ข้างในเยอะมาก อย่างเพลง ความดาร์กของตัวละคร หรือบางทีการลงไปคลานกับพื้นเพื่อให้เกิดบางซีนออกมาเพื่อสื่อสารกับคนดูว่าตัวของอารยากำลังรู้สึกยังไง

 

35 ปีในวงการบันเทิงของ “คลาวเดีย จักรพันธุ์ ณ อยุธยา”

“พอเห็นกระแสตอบรับดี ก็รู้สึกดีมาก ไม่ได้รู้สึกดีแค่ตัวเรา เพราะทั้งทีมตั้งใจทำงานกันมาก เรารู้สึกว่าการขึ้นอันดับหนึ่งของโลก non-English เราไม่คิดตั้งแต่แรกว่ามันจะขึ้นไปได้ แต่มันก็ขึ้นไปได้

ในแง่ของการทำการบ้าน เธอเล่าต่อว่า ตอนที่เธออยู่กับตัวละครของอารยามาเกือบ 80% อ่านบทอยู่เป็น ร้อยรอบ เริ่มทำการบ้านตั้งแต่ Workshop พอรู้ว่าเรื่องนี้ต้องใช้ Improvise เยอะมาก ก็จะใช้เวลาอยู่กับมันมากๆ เหมือนเวลาอยู่ในห้องน้ำก็จะอยู่กับมันตลอด ลองใช้การดม ไม่อาบน้ำ 48 ชั่วโมง เพื่อให้มันเห็นว่าจะเกิดอะไรขึ้น ปล่อยเล็บให้ฉีกเพื่อที่จะได้ความเจ็บ ปล่อยตัวเองไม่อาบน้ำ 48 ชั่วโมง เพื่อจะได้กลิ่นอะไรต่างๆที่จะได้ความทรมาน ใช้เวลาอยู่กับมันตลอดเวลาอยู่บ้าน ยกเว้นตอนที่อยู่กับครอบครัวก็จะไม่เอาพื้นที่ตรงนั้นเข้ามาให้คนรอบข้างรู้สึกกระทบไปด้วย ในตอนที่ถ่ายทำในบางครั้งก็จะมีช่วงที่รู้สึกออกจากตัวละครไม่ได้ เพราะด้วยเนื้อหาของหนังและตัวละครของอารยาที่ค่อนข้างมีความลึก เธอยังเล่าว่า ในตลอดเวลาที่ทำงานมา 3 เดือนครึ่ง มีบางครั้งที่ไปไหนมาไหนก็จะนึกถึงแก็ปกับสตางค์ตลอด บางทีก็ฝันเห็นมาวินตลอด เหมือนเข้ามาถึงในฝัน หรืออย่างฉากที่ต้องเดินไปทางไปถ่ายซีนงานศพของมาวิน ก็หยุดร้องไห้ไม่ได้ ถึงแม้จะสามารถดึงตัวเองออกมาได้หรือสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ แต่พอนึกถึงมันขึ้นมาเมื่อไหร่ก็จะมีความรู้สึกดิ่งขึ้นมาทันที

 

35 ปีในวงการบันเทิงของ “คลาวเดีย จักรพันธุ์ ณ อยุธยา”

 

เพราะนักแสดงคืออาชีพ สิ่งที่สำคัญคือทำยังไงให้คนเชื่อว่าเราคือคนนั้นจริงๆ

เธอเล่าว่า สิ่งที่สำคัญในฐานะนักแสดงคือเราต้องเชื่อว่าคือตัวละครนั้นจริงๆ ตัวเธอเองเคยผ่านมาหลายบทบาท ทั้งนักแสดง พิธีกร นางแบบ หลายคนก็อาจจะติดภาพจำจากบทบาทในละคร บางคนก็ติดภาพจำจากพิธีกรรายการที่มีภาพลักษณ์สดใส และตัวเธอเองก็มีความชัดในความเป็นนักแสดงอยู่มาก ทำให้คนดูไม่ได้ติดภาพจำจากบทบาทใดบทบาทหนึ่ง เพราะถูกรับให้เล่นบทที่ค่อนข้างแรงในขณะที่ยังเด็ก เรื่องการรักษาภาพลักษณ์เลยรู้สึกว่าเป็นเงื่อนไขที่รับได้ตั้งแต่แรก  เพราะในฐานะที่เราเป็นนักแสดงคนนึง ไม่ว่าจะเป็นนางแบบหรือพิธีกร ก็จะมีความยากง่ายแตกต่างกันไป เพราะในทุกบทบาทมันก็มีมิติของมัน

“แค่คนพูดถึงเราผ่านผลงานในรูปแบบต่างๆ มันก็ทำให้เรารู้สึกว่าเราก็อยู่ในใจเค้าเหมือนกันนะ บางคนจำภาพเราในเรื่องเงา คือหัตถาครองพิภพ ผู้หญิง 5 บาป เราก็รู้สึกขอบคุณไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหนก็ตาม”

 

35 ปีในวงการบันเทิงของ “คลาวเดีย จักรพันธุ์ ณ อยุธยา”

อาชีพนักแสดง ถ้าเราจะเข้าถึงบทบาทเราก็ต้องไปให้สุด แต่ก็ต้องมีวิธีการจัดการอารมณ์ความรู้สึกของเราให้ได้ไม่ให้ไปกระทบคนรอบข้างในชีวิตจริงไปด้วย เพราะมันก็คืออาชีพ เหมือนกับคนที่แต่งเพลงเพลงหนึ่งออกมา ก็ต้องใช้ Inspiration เหมือนกัน หรือจิตกรที่จะต้องสร้างผลงานขึ้นมาสักชิ้นก็ต้องมีอะไรที่สื่อถึงกัน เพราะทั้งหมดนี้มันคือศิลปะ

 

รับชมเพิ่มเติม