svasdssvasds

"เงินกู้นอกระบบรายวัน" ทางรอดของคนไม่มีทางเลือก

"เงินกู้นอกระบบรายวัน" ทางรอดของคนไม่มีทางเลือก

"พี่ทัย" ผู้ประกอบการที่อยู่ได้ด้วยการกู้หนี้นอกระบบรายวัน เคยต้องใช้หนี้สูงสุดวันละ 35,000 บาท แต่มันทำให้เธอส่งลูกจบเรียนจบได้ เพราะคนตัวเล็กอย่างเธอไม่มีเครดิตหรือเส้นสายพอให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนภาครัฐ หรือแม้โครงการแก้หนี้ของรัฐบาลที่สุดท้ายก็ขายฝัน

SHORT CUT

  • เปิดใจพี่ทัย กู้หนี้นอกระบบรายวันเพื่อทำธุรกิจ แลกกับใช้หนี้+ดอกวันละ 35,000 บาท
  • ไม่มีใครอยากเป็นหนี้! แต่เศรษฐกิจไม่ดีและคนตัวเล็กอย่างเธอไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนของรัฐ
  • โครงการแก้หนี้นอกระบบไม่ครอบคลุมถึงเธอ สุดท้ายต้องดิ้นรนด้วยตัวเอง จนส่งลูกเรียนจบ มีงานทำ

"พี่ทัย" ผู้ประกอบการที่อยู่ได้ด้วยการกู้หนี้นอกระบบรายวัน เคยต้องใช้หนี้สูงสุดวันละ 35,000 บาท แต่มันทำให้เธอส่งลูกจบเรียนจบได้ เพราะคนตัวเล็กอย่างเธอไม่มีเครดิตหรือเส้นสายพอให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนภาครัฐ หรือแม้โครงการแก้หนี้ของรัฐบาลที่สุดท้ายก็ขายฝัน

สังคมไทย ณ ปัจจุบันถูกกล่าวขานว่าเป็นสังคมอุดมหนี้สิน ถึงขณะที่ปัจจุบันรัฐบาลมองว่าเป็นวาระแห่งชาติจนต้องให้กระทรวงมหาดไทยรับลูกไปแก้ปัญหาเรื่องดังกล่าว แต่ปัญหาเรื่องหนี้นอกระบบมีเหตุและปัจจัยหลายๆ สาเหตุหลักๆ ที่พูดถึงกันบ่อย คือคนไทยทั่วไปไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนจากธนาคาร จากรัฐบาล รวมถึงแหล่งทุนที่ถูกกฎหมายได้ จนนำไปสู่การกู้หนี้ยืมสินนอกระบบ

เจ๊ทัย หรือ พี่ทัย เป็นหนึ่งในคนที่ประสบปัญหาเรื่องการเข้าถึงเงินลงทุน จนในที่สุดต้องผันตัวไปกู้รายวันเพื่อจะได้ใช้ชีวิตรายวันได้ต่อไปโดยไร้กังวล SPRiNG พาไปเปิดมุมมองของพี่ทัย ในวันที่กู้รายวันไม่ใช่เรื่องผิด เพราะการกู้รายวันคือความหวังของคนตัวเล็กๆ ที่เข้าไม่ถึงแหล่งทุน

เริ่มต้นเป็นหนี้ด้วยการกู้ให้เจ้านายที่รัก

จุดเริ่มต้นของการเป็นหนี้ไม่ใช่เรื่องที่เราไม่มีเงินเพียงอย่างเดียว แต่อาจมีสาเหตุมาจากการที่เราไว้ใจใครคนหนึ่งแล้วให้เขาใช้ชื่อเราเพื่อกู้ยืมเงิน นี่คือปัญหาที่พี่ทัยกำลังเจอและเปิดเผยกับ SPRiNG เพราะการที่เขาไว้ใจเจ้านายทำให้เขายอมให้ใช้ชื่อตัวเองเพื่อกู้ยืมเงินซื้อรถ 1,500,000 บาท

พี่ทัยเปิดเผยกับเราว่าก่อนจะช่วยเหลือเจ้านายในเรื่องเงินนั้นเขาถูกญาติพี่น้องดูถูกว่าไม่สามารถช่วยเหลือเจ้านายที่เหนือกว่าตัวเขาเองได้เพราะเป็นเพียงลูกจ้าง หลังจากนั้นไม่นายเจ้านายของเขาก็นำรถที่เป็นชื่อของเขาไปขายต่อมาเจ้านายปิดกิจการ เธอถึงกับชะงักว่าชีวิตจะเอายังไงต่อ จึงได้มาเปิดร้านสปาพร้อมกับกู้รายวันมาลงทุน

กระนั้นช่วงเวลาดังกล่าวเธอก็ยังติดต่อกับเจ้านายของเธอเพื่อติดตามหนี้ที่เจ้านายได้ยืมจากเธอไป โดยเจ้านายบอกกับเธอว่าเขาพร้อมจะเป็นบุคคลล้มละลาย ไม่มีเงินจ่ายให้เธอ พร้อมทั้งบอกกับเธอด้วยว่าให้ยอมๆ ไปเถอะเดี๋ยวชีวิตก็ดีขึ้นเอง โดยที่เธอไม่ได้ใช้เงินแม้แต่บาทเดียว

เพราะสู้จึงกู้รายวัน

พี่ทัยรู้แล้วว่าคงไม่ได้เงินคืน พร้อมถูกรับคำด่าและด้อยค่าจากคนรอบข้างว่าโง่บ้างอะไรบ้าง แต่เธอก็ไม่ท้อ เธอคิดจะสู้ต่อ จึงหันสู่การกู้หนี้นอกระบบเจ้าล่ะ 50,000 บาท รวมเป็นเงิน 700,000 บาท ทำให้ชีวิตเธอดีขึ้นสามารถลืมตาอ้าปากทำมาหากินได้

แต่กระนั้นการกู้รายวันของเธอก็ถูกคนรอบข้างมองว่าเพราะเหตุใดถึงทำการกู้ต่อไปทั้งๆ ที่สามารถทำมาหากินได้ เธออยากจะบอกกับคนอื่นว่าเพราะคนที่ปล่อยกู้รายวันให้กับเธอนี่แหละที่ทำให้เธอเติบโตขึ้นมาได้เรื่อยๆ การกู้รายวันของเธอกู้มามากที่สุดคือเจ้าล่ะ 700,000 บาท โดยคิดดอกร้อยละ 20 โดยจ่ายเงินใช้หนี้วันล่ะ 35,000 บาท ตลอด 8 เดือน และในที่สุดเธอจากการกู้รายวันของเธอทำให้เธอใช้หนี้เจ้าหนี้ของเธอจนลดลงเหลือเพียงไม่กี่ราย ถามว่าท้อไหม ทำไปทำไม พี่ทัยบอกว่า

“จะท้อไปทำไมมีมือมีตีนเท่ากัน ต้องทำมาหากิน สักวันโชคชะตาต้องเข้าข้างเรา ขอให้เราเป็นคนขยัน”

พี่ทัย

 

อายไหมเป็นคนกู้รายวัน?

หลายคนมองว่าการกู้รายวันนั้นน่าอาย แต่สำหรับพี่ทัยนั้นไม่ใช่ โดยพี่ทัยมองว่าไม่ใช่เรื่องน่าอายการกู้รายวันทำให้เรามีเงิน ทำให้เรามีอยู่มีกิน เราต้องอย่าลืมว่าเราไม่มีช่องทางอื่นในการหาทุนนอกจากกู้รายวัน

“ทุกวันนี้มีความสุขกับการกู้รายวัน เพราะเรากู้เพื่อทำมาหากินอันไหนที่เราช่วยเหลือตัวเองได้ก็ช่วย พี่ทัยบอกกับเราว่าถึงเป็นหนี้ก็ไม่เคยคิดฆ่าตัวตาย”

เหตุที่ต้องกู้รายวันเพราะเข้าไม่ถึงธนาคาร

ประเทศไทยเองเป็นประเทศที่มีธนาคารพาณิชย์เป็นจำนวนมาก แต่การเข้าถึงแหล่งเงินกู้ที่ถูกกฎหมาย เป็นเรื่องที่ยากสำหรับคนทั่วไป พี่ทัยเป็นหนึ่งในผู้ประสบปัญหาการเข้าถึงแหล่งเงินทุน ทำให้เธอต้องเข้าสู่วงจรกู้เงินรายวัน เธอบอกชัดเจนว่ารายวันไม่เคยบังคับให้เธอไปเอาเงินเขา เพราะฉะนั้นเราต้องสู้เพื่อนำเงินของเขามาหมุน และเราต้องคิดว่าต้องผ่านเขาได้ ไม่ใช่มองว่าตนเองใช้เงินเขาไม่ได้เพราะดอกแพงเพราะคุณรู้อยู่แล้วว่าดอกเขาเท่าไหร่ก่อนที่เราจะไปกู้เขามา

ส่วนเรื่องเงินกู้ที่ดอกเบี้ยต่ำ พี่ทัยมองว่าคนทั่วไปอย่างเราเข้าไม่ถึง เพราะเป็นการปล่อยกู้ให้แต่คนรวยด้วยกันเองคนชั้นล่างได้แต่กู้รายวันที่ดอกแพง ถ้าจ่ายไม่ได้ก็หนีไปก่อนวันสองวันค่อยกลับมา

“ฉะนั้นอย่าไปด่าเขา (เจ้าหนี้) ต้องค่อยๆ ผ่อนเขาไปเพราะเขาเป็นผู้ที่ทำมาหากินเหมือนกัน”

นโยบายแก้หนี้จากรัฐบาลไม่เคยช่วยได้

พี่ทัยบอกกับเราว่าเคยได้ยินนโยบายแก้หนี้จากรัฐบาล แต่สิ่งที่ตนเองเจอมากับตัวคือมีเจ้าหน้าที่มาถามสุดท้ายแล้วก็ไม่ช่วย ถ้าไม่ช่วยก็ไม่ต้องถามตนเองช่วยเหลือตนเองได้อยู่แล้ว

พี่ทัยร้องโหว เมื่อได้ยินคำถามว่าอยากให้รัฐบาลช่วยไหม พร้อมกล่าวว่าให้ไปแจ้งที่ธนาคารของรัฐให้ช่วย ผลสุดท้ายคนรวยเอาเงินกู้ไปก่อนแล้วคนจนอย่างเราไม่ได้ เพราะคนรวยรู้ก่อนเรา นี่คือความรู้สึกของพี่ทัยที่บอกกับเรา

พี่ทัยย้ำว่า พอเราไปขอเงินกู้จากธนาคารรัฐ ก็บอกว่าเราติดเครดิตบูโรมากเกินไป พี่ทัยกล่าวว่ารัฐบาลทำไม่ได้แล้วจะพูดทำไม ตนเองเลยคิดว่าต่อไปนี้ยังไงก็แล้วแต่จะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับธนาคารแล้ว รัฐบาลก็ไม่เอา สู้ไปกับเงินกู้รายวันดีกว่า

กู้รายวันป่วยไม่ได้ตายไม่ได้

เมื่อนึกถึงเงินกู้รายวัน ที่มีเจ้าหนี้สายโหดคอยทวงเงินตลอดเวลา คนที่กู้ต้องทำงานอย่างหนักทุกวันเพื่อหาเงินมาใช้หนี้ แต่กระนั้นเรื่องป่วยเจ็บก็เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ แต่ในมุมของพี่ทัยหากกู้รายวันมาแล้ว ป่วยไม่ได้ ตายไม่ได้ เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าต้องจ่ายหนี้เวลาไหนอย่างไร ต้องคิดวันนี้ ตอนนี้ว่าจะหาเงินอย่างไร แล้วเราจะมีเงินอย่างไร ฉะนั้นต้องทำให้ดี

เจ้าหนี้กู้รายวันสุดโหด

ในหนังหรือในข่าวเราจะเห็นถึงเจ้าหนี้โหดที่พร้อมจะทำร้ายลูกหนี้หากไม่ยอมใช้หนี้คืนตามกำหนด พี่ทัย เป็นอีกหนึ่งคนที่เคยเจอเหตุการณ์ดังกล่าว โดยเธอถูกเจ้าหนี้ทุบร้าน เธอจึงบอกเขาว่าถ้าอยากให้ใช้หนี้ก็ต้องมาจ่ายค่าเสียหายที่ทุบร้าน เพราะหากไม่มาซ่อมร้านให้จะทำมาหากินอย่างไร และจะเอาเงินที่ไหนมาใช้หนี้

กู้รายวันส่งลูกเรียนจบ

การศึกษาถือว่าสำคัญมากสำหรับในประเทศไทยเพราะเป็นทั้งโอกาส และเติบโตไปทำงานที่ดีในอนาคต พี่ทัยเองมองอย่างนั้นเช่นเดียวกัน แต่ในมุมของคนไม่มีเงินพี่ทัยมองว่าเราต้องหาเงินให้ลูกได้เรียนได้เข้าถึงโอกาส เช่น ลูกเคยโทรมาขอเงินค่าเรียนพิเศษ พี่ทัยไม่เคยไม่ให้และเมื่อรู้จำนวนเงินก็โทรหาเจ้าหนี้เงินกู้รายวัน กู้เงินเพื่อให้ลูกได้เรียนพิเศษ

พร้อมบอกกับลูกว่าไม่ได้ลำบาก เพราะหากรอเงินต้องรอหลายวันแต่ถ้ากู้เงินรายวันมามีเงินทันทีให้ลูกได้เลย เธอตอบอย่างภาคภูมิใจว่า “ลูกพี่จบได้เพราะเงินกู้รายวันนะจ๊ะ พี่บอกได้เลยว่าคือเรื่องจริง” ผลสุดท้ายลูกพี่ได้ดีทั้ง 2 คนเลย คนโตเป็นตำรวจ และคนเล็กเป็นวิศวะช่างกล

พี่ทัย

เป็นหนี้ดีกว่าไม่เป็น

หลายคนออกมองว่าการไม่มีหนี้เป็นลาภอันประเสริฐ แต่สำหรับพี่ทัยเป็นหนี้ดีกว่าไม่เป็น เพราะพี่ทัยมองว่าหากไม่เป็นหนี้จะไม่ได้ใช้สมอง จะไม่คิดอะไรจะนั่งอยู่เฉยๆ กินเงินอย่างเดียว จะแก่ไปเรื่อยๆ โดยไม่มีประโยชน์ แต่ถ้าเราเป็นหนี้เราจะค้นคว้า ใฝ่หา สมองได้ทำงาน ถึงจะเป็นคนแก่ก็เป็นคนแก่ที่มีศักยภาพความจำดี การเป็นหนี้ข้อดีคือทำให้เราตื่นตัวตลอดเวลา

แต่เห็นแบบนี้ก็หนีหนี้นะ

เพราะเคยนัดจ่ายหนี้แต่จ่ายไม่ตรงเวลา เลยหนีเพื่อไปตั้งหลัก พี่ทัยกล่าวพร้อมหัวเราะระหว่างสัมภาษณ์ พอเห็นเจ้าหนี้มาหน้าร้านก็หนีออกหลังร้าน และเขาก็ด่าเราเหมือนหมูเหมือนหมา

แต่เราก็บอกเขาไปว่าหากฆ่าเราก็จะไม่ได้เงินคืน แต่ถ้าคุณไม่ฆ่าเราปล่อยให้เราหาเงินคุณก็จะได้เงิน แต่หลังจากนั้นเราก็นำเงินไปใช้หนี้เขา เขาก็บอกเราว่าวันหลังรับโทรศัพท์บ้าง เราก็สวนไปทันควันว่าถ้ารับโทรศัพท์ (คุณ) เจ้าหนี้ก็ด่าฉันนะสิ ท้อแล้วยังด่าอีก

หลังจากนั้นเจ้าหนี้เลยให้เป็นกรณีพิเศษว่าสำหรับพี่ไทยทวงหนี้ไม่ต้องด่า

“ชีวิตเราไม่ได้เลิศหรู ไม่ได้ลำบากอะไร เพื่อนฝูงเยอะแยะ ถึงหนี้เยอะเพื่อนก็ยังมาหา ถ้าเราไม่ดีจริงคงไม่มีใครมาหาเราหรอก”

เห็นได้จากเจ้าหนี้มารอที่ร้านเต็มไปหมด เพื่อนมาหาถามว่าใคร เธอก็บอกว่าไปว่าลูกค้าแต่จริงๆ แล้วไม่ใช่เพราะเจ้าหนี้มารอเงิน

บวชชีเพราะหนีหนี้

หลังจากที่ตนเองเป็นหนี้จึงตัดสินใจหนีไปบวชเพื่อตัดกิเลส ที่คือทางออกของพี่ ที่คิดได้ตอนนั้น โดยวัดที่ไปบวชคือวัดอัมพวัน จะ.สิงห์บุรี เสียอย่างเดียวแม่ชีดุ เลยคิดว่าหากอยู่ต่อไปคงด่าแม่ชีเลยหนีออกจากวัด

บังเอิญไปอ่างทอง

ชีวิตของเธอไม่ได้มีอะไรยึดติด เมื่อหนีออกจากวัดคิดจะกลับกรุงเทพมหานคร แต่กระนั้นเมื่อรถโดยสารที่นั่งไปจุดหมายคืออ่างทองเธอจึงมุ่งไปที่ จ.อ่างทอง เพียงหวังเผชิญโชคอะไรบางอย่างอย่างไร้จุดหมาย

บวชที่วัดต้นสน จ.อ่างทอง ฟังพระเทศจนน้ำตาไหล อยู่จนอยากบวชแต่ไม่ได้เพราะหนี้สินเยอะ

กลับเข้าเมืองกรุงย่ำรุ่งเจอเจ้าหนี้เฝ้ารอ

แต่ภายหลังพี่ทัยลาบวชจึงได้เดินทางกลับมากรุงเทพมหานคร เมื่อมาถึงที่พักสิ่งที่เจอคือเจ้าหนี้นั่งรออยู่หน้าบ้านเต็มไปหมด พร้อมถามว่าไปไหนมาหนีหนี้หรือ เธอได้ตอบไปว่าไม่ได้หนีแต่ไปบวชเพื่อความสบายใจ พร้อมบอกเจ้าหนี้ว่าให้รอก่อนยามที่เธอกลับมาเธอพร้อมที่จะจัดการปัญหาหนี้สินที่ยืมมาให้กับทุกคน

อนาคตคิดจะหยุดกู้

ถึงแม้พี่ทัยจะกู้หนี้รายวันมาตลอดเวลา แต่พี่ทัยมองว่าในอนาคตจะหยุดกู้เพราะผลสุดท้ายเราอย่าไปทุ่มเทลงทุนมากๆ เอาเท่าที่มีวันต่อวันเอาให้ผ่านพ้นไป

เศรษฐกิจแย่แต่ห้ามท้อ

ทุกวันนี้เศรษฐกิจไม่ดี ในมุมพี่ทัยมองว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ แต่ต้องมองมาที่ศักยภาพของเราเช่นการกู้หนี้ เราต้องดูว่าเราสามารถผ่อนไหวหรือไม่ถ้าส่งไม่ได้ไม่ต้องไปกู้อย่าไปหวังรวยมันไม่รวยหรอก เป็นหนี้รายวันไม่มีคำว่ารวย มีแต่พออยู่พอกิน ทุกวันนี้อะไรที่ทำให้เราพออยู่พอกินได้ เช่นมีปากพูดเป็นเราก็พูดไปเลย ไม่ต้องรอสมัยนี้ไม่มีแล้ว

ตัวพี่ทัยเองตอนอายุ 30 อยากรวยแต่ไม่รู้จะหาจากไหน มีแต่กู้รายวันที่เป็นช่องทาง พี่ทัยกล่าวว่า พอคิดอยากรวยต้องดิ้นรน เรามีภาระ เราคิดถึงลูก จริงๆ ตนสามารถไปเมืองนอกได้ แต่ไม่อยากไป

บอกตามตรงว่าเราครอบครัวแตกแยกขออยู่ใกล้ๆ ลูกดีกว่าถึงจะไม่อยู่ใกล้จริง แต่อยู่เมืองไทยก็ได้เห็นลูกบ้าง

“ถ้าไม่ดิ้นรนก็ไม่มีกิน การดิ้นรนถึงจะมีน้อยมีมากก็ดิ้นรนไปเถอะ อย่างไรก็มีกิน อย่าไปนอนรอคอยความหวัง ว่าสักวันหนึ่งต้องมีคนมาช่วยเรา ไม่มีทาง” 

ไม่สนับสนุนให้คนเป็นหนี้

ที่พูดมาทั้งหมดนี้ พี่ทัยบอกกับเราว่าไม่สนับสนุนให้คนเป็นหนี้ การกู้ต้องรู้ศักยภาพตนเอง เช่นเมื่อก่อนหาได้ 20 บาทก็ต้องหาให้ได้ 25 บ้านเพื่อจะมีทุนในวันต่อไป

การกู้หนี้ไม่ใช่กู้มาใช้เฉยๆ แต่ต้องรู้จักจัดการ ต้องดิ้นรน ถ้าเราว่าการเป็นหนี้อยู่มันเป็นสิ่งที่ค้ำคออยู่

นี่คือความเป็นจริงที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมไทย ผ่านคนตัวเล็กๆ คนไม่ได้เด่นไม่ได้ดังใดๆ แต่มันคือภาพสะท้อนของสังคมที่ไม่มีช่องทางเข้าถึงแหล่งทุน กู้รายวันจึงเป็นคำตอบของเธอและอีกหลายๆ คน

related