ทั่วโลกมีคนรวยระดับพันล้านอยู่ราว ๆ 3,000 ล้านคน จะดีไหม ถ้าเราเก็บภาษีจากคนเหล่านี้มาคนละอย่างน้อย 2% จากทรัพย์สินทั้งหมด เพื่อเอามาแก้ปัญหาโลกร้อน
สำนักข่าวยูโรนิวส์รายงานว่า ในการประชุมรัฐมนตรีการคลังของกลุ่มจี 20 เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลายประเทศเสนอและกำลังถกกันว่า เราน่าจะเก็บภาษีจากมหาเศรษฐีระดับพันล้านนะ เพราะคนรวยเหล่านี้นี่แหละ ทำร้ายโลกมากที่สุด
เพราะหนึ่งเลย บรรดาเศรษฐีมักจะมีทักษะ ทำอย่างไรให้เสียภาษีน้อยที่สุด โดยศูนย์สังเกตการณ์ภาษีของสหภาพยุโรปรายงานว่า เหล่ามหาเศรษฐีมักจะจ่ายภาษีในอัตราต่ำกว่ารายได้ของตนเอง มากกว่าประชากรทั่วไป ราว ๆ 0.5%
และอีกข้อที่สำคัญคือ คนรวยปล่อยก๊าซเรือนกระจกทำลายชั้นบรรยากาศโลกมากกว่าคนจน ด้วยธุรกิจที่พวกเขาทำ
งานวิจัยจากออกซ์แฟมชี้ว่า มหาเศรษฐีที่รวยที่สุดเพียงแค่ 1% ของประชากรโลก ปล่อยก๊าซเรือนกระจกคิดเป็น 16 % ของโลก หรือก็คือ มหาเศรษฐี 1% ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เท่ากับกลุ่มคนจนปล่อย 66%
ยกตัวอย่าง เจ้าพ่ออาณาจักรหลุยส์วิคตอง เบอร์นาร์ด อาร์โนลด์ ชายชาวฝรั่งเศสที่ร่ำรวยที่สุด ปล่อยคาร์บอนมากว่าชายชาวฝรั่งเศสคนนึ่งปล่อย ถึง 1,270 เท่า
หรือประเด็นที่เทเลอร์ สวิฟต์ขายเครื่องบินส่วนตัว ยุติดราม่าที่เทย์ ติดอันดับคนดังที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนจากเครื่องบินเจ็ทส่วนตัวมากที่สุด ซึ่งในปี 2021 เครื่องบินของเทย์มีสถิติชั่วโมงบินมากถึง 166 ชั่วโมง ระหว่างทัวร์คอนเสิร์ตในอเมริกา และบินไปหาหวานใจ
ในทางกลับกัน ท่ามกลางปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โลกของเราเจอวิกฤตสภาพอากาศหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะฝนตกหนัก น้ำท่วม ภัยแล้ง หนาวจัด หรือไฟป่า
กลุ่มคนที่จะเป็นแนวหน้าได้รับผลกระทบมากที่สุดก่อนใคร คือคนจน และจะเลวร้ายถ้าคนเหล่านั้นใช้ชีวิตในประเทศที่ยากจน ที่รัฐบาลไม่มีงบประมาณเพียงพอที่จะช่วยเหลือหรือเยียวยา
แต่อย่างไรก็ตาม แนวคิดนี้ นักเศษฐศาสตร์ชาวฝรั่งเศสชี้ว่า ห่างไกลความจริง เพราะเชื่อว่า กลุ่มมหาเศรษฐีโลกจะต้องต่อสู้กับไอเดียนี้แน่ ๆ และอาจมีการล็อบบี้รัฐบาลหรือใช้สื่อในเครือข่ายของตนเพื่อโต้แย้ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง