svasdssvasds

ประสบการณ์สู้โควิด ด้วยการ Home Isolation เมื่อคนในบ้านติดโควิดถึง 6 คน

ประสบการณ์สู้โควิด ด้วยการ Home Isolation เมื่อคนในบ้านติดโควิดถึง 6 คน

6 ชีวิตกับการติดเชื้อโควิด ประสบการณ์สู้โควิดของครอบครัวนี้น่าจะเป็นประโยชน์ให้ผู้คนในสถานการณ์โควิดได้เป็นอย่างดี ทั้งเรื่องยา อาหาร วิธีการ มีอุปสรรคบ้างกับอาการของสมาชิกบางคนที่มีปัจจัยส่งผลให้มีอาการป่วยมากกว่าคนอื่น แต่สุดท้ายทุกคนอาการดีขึ้นแล้ว

ครอบครัวของ คุณธวัชชัย โตสิตระกูล ติดเชื้อโควิดถึง 6 คน เนื่องด้วยเป็นครอบครัวใหญ่ที่อยู่รวมกันถึง 14 คนด้วยกัน และปฏิบัติการสู้โควิดก็ได้เริ่มขึ้น ด้วยสถานการณ์ที่ลูกสาวของคุณธวัชชัย อายุ 29 ปี มีอาการป่วยคล้ายโควิด-19 เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม เบื้องต้นคนในครอบครัวก็ช่วยกันพยายามหาที่ตรวจ แต่ก็ไม่เป็นผล สุดท้ายต้องพึ่ง Antigen Test Kit ที่ซื้อได้ผ่านช่องทางออนไลน์และผลตรวจเป็นบวก ด้วยความที่อยู่รวมกันเป็นครอบครัวใหญ่เมื่อพบเชื้อหนึ่งคน จึงต้องเข้าแถวตรวจหาเชื้อทั้ง 14 คน พบผู้ติดเชื้อกลุ่มแรกในคืนวันที่ 24 ถึง 3 คน คือลูกสาวอายุ 29 ปี , น้องสาวอายุ 55 ปี ,น้องชายอายุ 51 ปี และตรวจพบคนที่ 4 คือหลานสาวอายุ 15 ปี ในวันที่ 27 ถัดมาตรวจพบผู้ติดเชื้อเพิ่มอีกเป็นคนที่ 5 ซึ่งเป็นน้องสาวอายุ 57 ปีในวันที่ 29 และคนสุดท้ายที่ตรวจพบเป็นคนที่ 6 คือน้องสะใภ้ตรวจพบในวันที่ 3 สิงหาคม

ประสบการณ์สู้โควิด ด้วยการ Home Isolation เมื่อคนในบ้านติดโควิดถึง 6 คน

แชร์ประสบการณ์ตรงผ่านบันทึกของคุณธวัชชัย

หลังจากใช้ Rapid test kit ตรวจลูกสาวผมที่เป็นไข้ และได้ผลเป็นบวก คือติดเชื้อแล้ว ก็รีบตรวจคนอื่นๆ ในครอบครัวหมดทุกคนด้วยชุดตรวจแบบเดียวกัน พบว่าผลตรวจทั้งหมด 14 คน ติดเชื้อ 3 คน ผมจัดการทำ Home Isolation ทันที โดย

1. แยกคนติดเชื้อ 3 คนไปอยู่บ้านหลังเดียวกัน (มีหลายห้อง) ต่างหากจากคนที่ยังไม่พบการติดเชื้อ

2. คนที่เหลือ กระจายอยู่บ้านอีก 2 หลัง (เรามีบ้านเป็นตึกแถวแบบอาคารพาณิชย์ 3 หลัง ไม่ไกลกัน) ทำการกักตัวเองด้วย เพราะอาจติดเชื้อแล้วแต่ยังตรวจไม่พบ และไม่มีอาการแสดงออกให้ผิดสังเกต

3. แจ้งให้คนที่ติดต่อเกี่ยวข้องรับรู้โดยเร็ว เพราะเขาเหล่านั้น อาจมีความเสี่ยงด้วย บางคนที่สัมผัสกับคนที่ติดเชื้อ เราเชิญเขามาตรวจด้วย Rapid test kit ด้วย

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สำหรับคนที่ติดเชื้อแล้ว (กลุ่ม1) และคนในครอบครัวที่ถือว่าเสี่ยงสูง (กลุ่ม2) รักษาตัวเองอยู่ที่บ้าน ด้วยการปฏิบัติตามรายละเอียดดังนี้

การปฏิบัติตัวของทุกคนในครอบครัวในนช่วงวันที่ 25-29 ก.ค. 

1. กินยาฟ้าทะลายโจรแคปซูล ครั้งละ 4 เม็ด วันละ 4 ครั้ง

2. กินยากระชายแคปซูล ครั้งละ 4 เม็ด วันละ 3 ครั้ง

3. กินน้ำขิงอุ่นๆ วันละ 1-3 แก้ว

4. กลั้วคอด้วยน้ำเกลือบ่อยๆ

5. ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือ เช้า-เย็น

6. สุมรมน้ำต้มสมุนไพร ครั้งละ 10-15 นาที วันละ 2 ครั้ง

7. ดื่มน้ำวันละมากๆ ไม่ดื่มน้ำเย็น ถ้าเป็นน้ำอุ่นได้ก็ดี

8. ทำร่างกายให้อบอุ่นไว้เสมอ สวมเสื้อหนาๆ

9. ตากแดด วันละ 15-30 นาที (วิตามินดีจะเสริมภูมิต้านทานได้มาก)

10. ทำจิตใจให้สบาย ไม่เครียดหรือวิตกกังวล หมั่นสวดมนต์หรือเจริญภาวนา เดินหรือออกกำลังกายในบ้าน

" ไม่ควรรอผลการตรวจ RT-PCR เพราะต้องใช้เวลาติดต่อกว่าจะได้คิวตรวจ ตรวจแล้วอีก 2-3 วันจึงจะรู้ผล (ลูกสาวผมได้ไปตรวจ RT-PCR บ่ายวันที่ 25 ก.ค. และจะได้รับแจ้งผลวันที่ 27-28 ก.ค.) ระหว่างนี้ หากเราไม่รีบรักษาตัว เชื้ออาจลงปอดและรักษาได้ยาก " ถ้าผลตรวจจาก Rapid test kit เป็นบวกแล้วให้ถือว่าติดเชื้อได้เลย มีแต่คนที่ผลตรวจเป็นลบ ที่ควรสงสัยว่าติดเชื้อหรือเปล่า และควรตรวจซ้ำอีก 2 ครั้งภายในเวลา 14 วันเพื่อให้มั่นใจว่าปลอดเชื้อจริง

ตอนนี้ลูกสาวผม น้องสาวและน้องชายที่ติดเชื้ออาการดีขึ้นแล้ว ไข้ลดลงจนเท่าคนปกติ อาการปวดเมื่อยเนื้อตัวทุเลาลง รู้สึกสบายตัวมากขึ้น มีแต่น้องชายที่ยังท้องเสียอยู่คนเดียว ซึ่งน่าจะเป็นผลจากเชื้อโควิด

แบ่งปันมาเผื่อเป็นประโยชน์ได้บ้างครับ

ธวัชชัย โตสิตระกูล

26 ก.ค.64

---------------------------------

Updated 28 ก.ค. 64

อาการท้องเสียของน้องชายผมหยุดตั้งแต่เช้าวานนี้แล้ว (27 ก.ค.) อาการโดยรวมของทุกคนถือว่าดีขึ้น เท่าที่ยังปรากฏอยู่คือ เจ็บคอกับไอ ไม่มากนักครับ

แต่เมื่อวานนี้ (27 ก.ค.) ตรวจด้วย Rapid Test Kit อีกครั้ง สำหรับคนที่ใกล้ชิดกับ 3 คนที่ติดเชื้อแล้ว ได้แก่ สามีของลูกสาว ภรรยาและลูกสาวของน้องชาย พบว่าลูกสาวของน้องชาย (อายุ 15 ปี) ผลเป็นบวกก็เลยให้แยกไปอยู่บ้านเดียวกับคนที่ติดเชื้อแล้ว ตอนนี้มีไข้เล็กน้อย แต่ยังไม่ค่อยมีอาการผิดปกติอะไรอื่นครับ

ธวัชชัย โตสิตระกูล

28 ก.ค.64 เวลา 9.15 น.

---------------------------------

Updated 29 ก.ค. 64

ประมาณเที่ยงวันนี้ (29 ก.ค.) เพิ่งตรวจพบคนติดเชื้อโควิดในครอบครัวผมเพิ่มอีก 1 คน คือน้องสาวคนถัดลงไปจากผม อายุ 57 ปี น้ำหนัก 90 กว่า กก. จึงเป็นกรณีท้าทายเพิ่มเติมว่าสมุนไพรที่ใช้อยู่นี้ จะเอาอยู่มั้ย? แต่ผมก็ยังเชื่อมั่นในสมุนไพรอยู่นะครับ

อย่างที่เล่าไว้แต่วันแรกว่า ผมสันนิษฐานว่าคนในครอบครัวผมอาจสัมผัสเชื้อโควิดกันแล้วทุกคน เพียงแต่ใครมีภูมิคุ้มกันแค่ไหน คนที่ยังตรวจไม่พบก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ติดเชื้อครับ

จึงยังไม่อยากสรุปในตอนนี้ว่าเราทำ Home Isolation ประสบความสำเร็จ จนกว่าจะหายดีกันทุกคน และไม่พบคนติดเชื้อเพิ่ม

ธวัชชัย โตสิตระกูล

วันที่ 29 ก.ค.64 เวลา 12.40 น.

---------------------------------

Updated  3 ส.ค. 64

วันนี้ย่างเข้าสู่วันที่ 10 ของการทำ Home Isolation (HI) ของครอบครัวผมแล้ว จึงขอรายงานความเป็นไปให้ทราบครับ

อาการหลักๆ ร่วมกันของคนป่วยคือ มีไข้ ไอ เจ็บคอ ถ่ายเหลวแบบท้องเสีย อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยเนื้อตัว รู้สึกหนาวข้างในตัว แต่มากน้อยต่างกัน 

ในแต่ละวันมีการติดตามและประเมิน อาการคนป่วยอย่างน้อย 3 เวลา โดยให้วัดไข้ ค่าอ๊อกซิเจนในเลือด อัตราการเต้นของหัวใจต่อนาที  และค่าการหมุนเวียนของโลหิต เพื่อประกอบการดูแลและให้ยา

ผลที่ปรากฏ ณ วันที่ 3 ส.ค.

คนป่วยในลำดับที่ 1, 2 และ 4 อาการดีขึ้นจนเรียกได้ว่าเป็นปกติแล้ว

คนป่วยลำดับที่ 5 ยังมีไข้ต่อเนื่องมาตลอด แต่อาการ อื่นๆ เช่นไอ เจ็บคอ มีเสมหะนั้น หายแล้ว (คนนี้ได้รับยาฟาวิพิราเวียร์ด้วย เนื่องจากเป็นกลุ่มเสี่ยง ที่อ้วนและมีโรคประจำตัว)

คนป่วยลำดับที่ 3 ยังต้องติดตามดูแลใกล้ชิด เนื่องจากมีประวัติสูบบุหรี่ ปอดไม่สมบูรณ์แข็งแรงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว วันที่ 1 ส.ค.(วันที่ 8 นับจากการตรวจพบเชื้อ) เริ่มพบว่าค่าอ๊อกซิเจนในเลือดต่ำกว่า 90 (อยู่ที่ 87-89) จึงพยายามยามติดต่อสั่งซื้อเครื่องช่วยหายใจ(เพิ่มอ๊อกซิเจน) แต่หาซื้อไม่ได้ สินค้าขาดตลาด โชคดีที่มีเพื่อนขวนขวายหายืมมาให้ได้ในวันที่ 2 ส.ค. จึงใช้กับผู้ป่วย ค่าอ๊อกซิเจนก็เพิ่มขึ้นมาเป็น 92 (ขณะไม่ใช้เครื่องช่วย) ซึ่งยังต้องติดตามดูแลใกล้ชิดอยู่ครับ

อันนี้เป็นการรายงานความเป็นไปต่างๆ จนถึงในขณะนี้ครับ หากหายดีกันหมดแล้ว จะสรุปบทเรียนการทำ HI และรักษากันเองที่บ้าน เพื่อประโยชน์ต่อคนอื่นๆ ต่อไปครับ

เพราะเชื่อว่าจะมีคนประสบชะตากรรมอย่างเดียวกับครอบครัวผมอีกเป็นอันมาก และไม่สามารถเข้าถึงการรักษาในโรงพยาบาล (ซึ่งหมอ พยาบาล และจนท.สาธารณสุข ทำงานกันหนักมาก และน่าเห็นใจเป็นอย่างยิ่ง) จึงต้องพึ่งพาตัวเอง และพึ่งพากันและกันครับ

ธวัชชัย โตสิตระกูล

วันที่ 3 ส.ค.64 เวลา 11.15 น.

----------UPDATED----------

น้องสะใภ้-เสียงบี้เหมือนคนเป็นหวัด จึงจับตรวจด้วย ATK รอบ 3 ผลเป็นบวก 

เป็นอันว่าครอบครัวผมติดโควิด 6 คนแล้ว เหลือผู้ใหญ่อีก 6 และเด็กน้อยอีก 2 ที่ยังไม่พบว่าติดเชื้อ 

ธวัชชัย โตสิตระกูล

3 ส.ค.64 เวลา 15.25 น

---------------------------------

Updated  4 ส.ค. 64

ผมประเมินว่าจำเป็นต้องส่งน้องสาว อายุ 57 ปี ซึ่งตรวจพบเชื้อเมื่อวันที่ 29 ที่มีภาวะอ้วน และมีโรคประจำตัว ไปอยู่ในโรงพยาบาลให้ใกล้หมอ เพราะเขากินยาสมุนไพร และยาฟาวิพิราเวียร์มา 5 วันแล้ว ไข้ยังไม่ลดเลย ซึ่งเป็นสัญญาณไม่ดี

เพื่อนรักผมช่วยขวนขวายหาเตียงได้ที่ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศรแล้ว บ่ายนี้จะเคลื่อนย้ายส่งน้องสาวเข้ารับการรักษา

ธวัชชัย โตสิตระกูล

4 ส.ค.64 เวลา 11.10 น.

---------------------------------

ถึงวันนี้ทุกคนอาการดีขึ้นหมดแล้ว ไม่มีใครมีอาการน่าเป็นห่วง

สรุปอาการหลังรักษาแบบ Home Isolation

  • ผู้ป่วยที่แต่เดิมร่างกายแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัว มีโอกาสสูงที่จะหายได้ไว หากรับการรักษาและทานยาได้ทันท่วงทีก็จะทำให้เชื้อไม่ลงปอด แม้จะรักษาตัวเองที่บ้าน
  • วัคซีนไม่ได้ช่วยป้องกันการติดเชื้อ แต่ช่วยลดความรุนแรงในการติดเชื้อได้
  • กรณีผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือน้ำหนักเกินเกณฑ์ต้องมีการติดตามผลอย่างใกล้ชิด และพยายามติดต่อหาเตียงเพื่อให้อยู่ในความดูแลของหมอให้เร็วที่สุด

ประสบการณ์ข้างต้นของครอบครัวคุณธวัชชัย น่าจะเป็นประโยชน์ได้มาก เรื่องราวรายละเอียดและบทสรุปในบทเรียนสำคัญจากประสบการณ์ตรงสามารถดูคลิปเต็มที่ลิงค์ด้านล่าง และสามารถติดตามรายการอยากเห็นเมืองไทยดีกว่านี้ ทุกวันอาทิตย์ เวลา 09.30 - 10.00 น. ทางเนชั่นทีวีช่อง 22 และสปริงออนไลน์

related