ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ชี้ รัฐบาลเป๋ไปมา ออกอาการไปไม่เป็น หรือว่าโควิด 19 จะล้มรัฐบาลแทนฝ่ายค้าน ? ชี้ แทนที่จะมีระบบจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ ใช้วัคซีนเป็นโอกาส แต่กลับกลายเป็นวิกฤต เพราะรัฐบาลคาดการณ์ และตัดสินใจพลาด
นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีต ส.ส.พรรครักประเทศไทย โพสต์เฟซบุ๊ก วิจารณ์การทำงานของรัฐบาล ในสถานการณ์โควิด 19 แพร่ระบาด ดังต่อไปนี้
รัฐบาลพังเพราะโควิด ! รัฐบาลกรอกหูชาวบ้านจนหูเปียกหูแฉะว่า ให้ระวังตัว การ์ดอย่าตก แล้วยิ้มย่องกับตัวเลขคนติดโควิดน้อย หลงตัวเองว่าประเทศเราดูแลควบคุมได้ดีอันดับต้นๆ ของโลก
ชาวบ้านก็ว่านอนสอนง่าย มี พ.ร.บ.โรคติดต่อ มีศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อฯ (ศบค.) ทั้งชุดเล็ก ชุดใหญ่ แถลงกันรายวัน อัพเดทให้เห็นว่า “รัฐบาลคุมอยู่”
แถมมีคนบอกเสียอีกว่า “โควิดมันกระจอก” ออกสื่อว่าชิลล์ๆ ประเทศไทยไม่เหมือนชาติใดในโลก เพราะเราการ์ดสูง!
ส่วนประเทศอื่นมีให้เห็น ประชาชนของเขาติดโควิดกันเป็นใบไม้ร่วง โรงพยาบาลบุคลากรทางการแพทย์ไม่เพียงพอ คนไข้เต็มล้นโรงพยาบาล เป็นหนังตัวอย่างมีให้เห็นกันอยู่มากมาย
นี่ขนาดระวังตัวตลอด ล็อกดาวน์เป็นว่าเล่น บางประเทศไปถึงครั้งที่ 4 ครั้งที่ 5 ก็มี เพราะเป็นวิธีป้องกันเดียวที่ทำได้ และรอวัคซีนมาเพื่อเร่งฉีดให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่ ฉีดกันทั้งที่ซูเปอร์มาร์เก็ต ห้างสรรพสินค้า สนามบิน ไม่ว่าคนในประเทศ หรือใครที่ลี้ภัย ต่างด้าว ไปยันนักท่องเที่ยว
แต่มีเราประเทศเดียวที่ไม่ได้เตรียมเนื้อเตรียมตัวเมื่อเกิดการระบาดระลอกใหญ่ แล้วมาล้อมคอกเอาทีหลังกับชาวบ้าน
ส่วนรัฐบาลทำหน้างงๆ แล้วหันมองกันว่า “จะเอายังไงดีวะ?” อีกคนก็บอก “ไม่รู้ ไม่รู้ คุณรู้ไหมล่ะ ?” ตอบกันแบบขอไปที หาคนผิดไม่เจอ
แถมทุกครั้งเกิดแบบโง่ๆ ที่ไม่ได้ควมคุมกันทั้งนั้น ไม่ว่า สนามมวย แรงงานเถื่อน บ่อนการพนัน จนล่าสุดเลานจ์ไฮโซทองหล่อ คริสตัลคลับ ที่ติดคนรวย พาคนจนซวยทั่วประเทศ
ครั้งล่าสุดนี้เป็นสายพันธุ์อังกฤษ แพร่เร็วกว่าปกติ แทนที่จะล็อกดาวน์ไปเลย กลับนั่งจ้องเฝ้าดูตัวเลขไปพลางๆ แล้วค่อยมาประเมินสถานการณ์กันทีหลัง
จนถึงขณะนี้ตัวเลขไหล คนติดโควิดเป็นหลายพันคนต่อวัน โรงพยาบาลเตียงไม่พอ หมอพยาบาลทำงานสาหัส แล้วยังเสี่ยงติดโควิดกันอีก
ท้ายสุด ยังสร้างความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงการรักษาใครรวย ใครมีเส้น หรือโวยเก่งผ่านโซเชียล ถึงได้ห้องนอนโรงพยาบาล ไม่งั้นไปนอนโรงพยาบาลสนาม หรือนอนรออยู่ที่บ้านไปพลางก่อน
ชาวบ้านเดินดินกินข้าวแกงหาเตียงไม่ได้ ต้องสกรีน ต้องแบ่งสี อาการหนักเบา สอบประวัติ ยาก็หมด วัคซีนก็ยังไม่มา มาแล้วก็ไม่พอ คนได้ฉีดก็น้อย
ตอนโควิดมาใหม่ๆ เจอหน้ากากอนามัยไม่พอ แย่งกัน ขาดตลาด เพราะกักตุน ก็คนรัฐบาลกันเองอีก จนป่านนี้ยังหาตัวไม่เจอ
ตอนนี้แย่งเตียงโรงพยาบาลกันแล้ว เร็วๆ นี้คงได้แย่งวัคซีนกันแน่นอน เพราะตอนแรกบริษัทผลิตวัคซีนเรียงกันมาเสนอ รัฐบาลบอกปัดว่าราคาแพง ขอเอาแค่สองยี่ห้อ เล่นตัวสารพัด จนประเทศอื่นเขางาบจองกันได้ก่อน
เลยต้องไปง้อได้เข้าคิวรอหลังประเทศอื่น เขาใช้เวลา “ผลิต” นะครับ ไม่ได้ “เสก” วัคซีนกันได้ทันที
วันหนึ่งรัฐบาลจะเอาอย่างหนึ่ง อีกวันก็จะเอาอีกอย่าง ตามกันไม่ทัน เอาใจไม่ถูกจริงๆ นโยบายเปลี่ยนแปลงไปตามอารมณ์
เมื่อวานเห็นนายกฯ ออกทีวี พูดเสียงแหบพร่า หน้าตาหม่นหมองว่า “พวกเราทุกคนจะสู้ด้วยกันไปอีกครั้ง ประเทศไทยจะเอาชนะโรคร้ายนี้ได้อย่างแน่นอน”
ผมตอบแทนชาวบ้าน “คนไทยสู้มาเป็นปีแล้วครับท่าน ยอมเจ็บ ยอมจน ยอมทนทำตามทุกอย่าง ทั้งกักตัว work from home โดนปลด โดนลดเงินเดือน ตกงาน ปิดร้าน ปิดโรงเรียน หรือแม้แต่ไม่ไปไหน ร้านรวงเงียบ ธุรกิจล่มสลาย
แต่โควิดแพร่ระบาดใหญ่ทุกครั้ง ล้วนเป็นเพราะรัฐคุมอภิสิทธิ์ชนคนอีกชั้นไม่ได้ ปล่อยเสรีทำตามอำเภอใจ จนพังพินาศทั้งประเทศ”
รัฐบาลเป๋ไปมา ออกอาการไปไม่เป็น ทรงไม่สวยเรื่องโควิดรอบนี้ เออ... หรือว่าโควิดจะล้มรัฐบาลแทนฝ่ายค้าน ?
ที่มา : ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์