สหภาพยุโรป (อียู) EU ลงนามข้อตกลงชั่วคราว บังคับใช้ พอร์ตประเภทเดียว ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ทั้งหมด อาทิ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และกล้องดิจิทัล โดยกำหนดให้ทั้งหมดใช้ เป็นพอร์ต USB-C และมีผลในฤดูใบไม้ร่วง หรือครึ่งหลังของปี 2024 ที่จะถึงนี้
ตามรายงานข่าวจากบีบีซี ระบุว่า สหภาพยุโรป (อียู) EU ลงนามข้อตกลงชั่วคราว บังคับใช้พอร์ตประเภทเดียว โดยอุปกรณ์ อิเล็กทรอนิกส์ ที่จะขายในยุโรป เช่น สมาร์ทโฟน แทบเล็ต แลปท็อป หูฟัง กล้องดิจิทัล เครื่องเล่นเกมพกพา คีย์บอร์ดและเมาส์ ลำโพงพกพา และจีพีเอส จะต้องเปลี่ยนมาใช้ เป็นพอร์ต USB-C ให้หมด ในอีก 2 ปีข้างหน้า
โดย ข้อตกลงชั่วคราวครั้งนี้ จะส่งผลกระทบต่ออุปกรณ์ของธุรกิจแอปเปิล (Apple) ซึ่งใช้พอร์ต Lightning มากที่สุด เพราะต้องมีการปรับเปลี่ยน ขณะที่คู่แข่งรายอื่นมักจะใช้พอร์ต USB-C เป็นปกติอยู่แล้ว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดสเปคใหม่ชิป M2 พร้อมราคา MacBook Air และ MacBook Pro 13 นิ้ว
ทั้งนี้ ข้อตกลงชั่วคราว ในการบังคับใช้ พอร์ตประเภทเดียวแบบ USB-C นั้น จะมีผลบังคับใช้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่จำหน่ายใน 30 ประเทศในยุโรป ในสหภาพยุโรป หรือ EU ขณะที่บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลายแห่ง เริ่มใช้ระบบสายชาร์จแบบ USB-C กับอุปกรณ์ต่าง ๆ แล้ว
ก่อนหน้านี้ แอปเปิล (Apple) ผู้ที่เสียหายจากข้อตกลงชั่วคราวนี้ เคยออกแถลงการณ์ว่า ข้อกำหนดนี้จะเป็นการหยุดนวัตกรรม มากกว่าส่งเสริมให้เกิดนวัตกรรมสิ่งใหม่ รวมทั้งส่งผลเสียกับลูกค้าและเศรษฐกิจของยุโรปด้วย อย่างไรก็ตามแอปเปิ้ลเองก็ระบุเพิ่มเติมว่าการบังคับใช้นั้นที่จริงไม่จำเป็น เพราะภาพรวมอุตสาหกรรมก็เปลี่ยนมาใช้ พอร์ต USB-C เป็นสายชาร์จมากขึ้นอยู่แล้ว
ในทางกลับกัน สหภาพยุโรป (อียู) EU มองว่า ว่าคำสั่งนี้ช่วยให้ลูกค้าผู้ใช้งาน มีความง่ายในการจัดการสายชาร์จกับอุปกรณ์ที่ซื้อมาใหม่ ทำให้ไม่จำเป็นต้องร้องขอสายชาร์จทุกครั้งที่ซื้อ ช่วยประหยัดเงินรวมกว่า 250 ล้านยูโรต่อปี และลดขยะอิเล็กทรอนิกส์มากกว่า 11,000 ตันต่อปีเลยทีเดียว