ยุคทองของทีมชาติสเปนถือกำเนิดขึ้นใหม่อีกครั้ง - ตอกย้ำไม่มีอะไรที่เป็นนิรันดร์ นอกจากการเปลี่ยนแปลง! ความสำเร็จทุกอย่างจึงเกิดขึ้น
ถึงเวลานี้...คงไม่มีปฏิเสธการกลับมาทวงความยิ่งใหญ่ ในการเป็นแชมป์ฟุตบอลยูโร 4 สมัย พร้อมกับการกลับมาเขย่าบัลลังก์จ้าวยุโรปในรอบ 12 ปี ของทีมชาติสเปน
หน้าประวัติศาสตร์ ไม่ว่าจะมิติใดๆ ก็ตาม - ผู้ชนะ หรือ แชมเปี้ยน มักจะเป็นคนเขียนหน้าประวัติศาสตร์เสมอ และเรื่องราวที่กล่าวขานในวงกว้างก็มักจะเป็นเรื่องของ The Winner ในตอนสุดท้าย
เช่นเดียวกับ ที่ "กระทิงดุ" ควบตะบึงก้าวขึ้นมาเป็นแชมป์ ยูโร 2024 จากความยอดเยี่ยม และ โดดเด่นของพวกเขา ตั้งแต่นัดแรกจนถึงนัดสุดท้าย นัดชิงชนะเลิศที่เพิ่งดับฝันอังกฤษ กลางโอลิมเปีย สตาดิโอน ในกรุงเบอร์ลิน
สเปน ภายใต้การคุมทีมของหลุยส์ เด ลา ฟูเอนเต้ ที่ตอนแรก ไม่ใช่ เต็ง 1 ใน 3 ของศึกยูโรครั้งนี้ด้วยซ้ำ แต่ในท้ายที่สุดพวกเขาจัดการปราบยอดทีมต่างๆอยู่หมัดและเก็บชัยชนะรวด 7 นัด
รอบแรก
ชนะ โครเอเชีย 3-0
ชนะ อิตาลี 1-0
ชนะ แอลเบเนีย 1-0
รอบน็อกเอาท์
รอบ 16 ทีมสุดท้าย ชนะ จอร์เจีย 4-1
รอบ 8 ทีมสุดท้าย ชนะ(ต่อเวลา) เยอรมนี 2-1
รอบรองฯ ชนะ ฝรั่งเศส 2-1
รอบชิงฯ ชนะ อังกฤษ 2-1
ตลอด 1 เดือนที่แผ่นดินอินทรีเหล็ก เยอรมนี - สเปน ทะลวงประตูคู่แข่งไปได้ 15 ประตู เสีย 4 ประตู ,และพวกเขาผ่านทีมยากๆ กระดูกฟุตบอลแข็งๆ อย่าง โครเอเชีย,อิตาลี ,เยอรมนี ,ฝรั่งเศส รวมถึง ดับฝันหวานๆในการพา #ฟุตบอลกลับบ้านของอังกฤษ มาหมาดๆ ดังนั้น คู่ควรแล้วด้วยประการทั้งปวงที่สเปน จะได้รับการยกย่องกับตำแหน่ง เบอร์หนึ่งของยุโรป ในเวลานี้ โดยมี ถ้วยแชมป์ยูโร อองรี เดอโลเนย์ ประดับเกียรติยศ
สิ่งหนึ่งที่ต้องให้เครดิต โปรยคำหวานชื่นชมก็คือการ การแปลงโฉมกระทิงดุ ของ หลุยส์ เด ลา ฟูเอนเต้ โค้ชวัย 63 ปี ที่เข้ามารับงานต่อจากหลุยส์ เอนริเก้ หลังจากฟุตบอลโลก 2022 ซึ่งสเปนตอนนั้นแพ้จุดโทษต่อโมร็อกโก กระเด็นตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายไป
ชื่อชั้น-บารมี หลุยส์ เด ลา ฟูเอนเต้ อาจจะดูโลว์โปรไฟล์ สำหรับแวดวงฟุตบอล , แต่ในความเป็นจริงแล้ว เขาคือ "คนใน" สมาพันธ์ฟุตบอลสเปน RFEF ที่ผ่านงานคุมทีมเยาวชนมาทุกคน ตั้งแต่ ทีมชาติสเปนยู-19,ยู-21,และ ยู-23 เรียกได้ว่า เขาผูกพันกับนักเตะ "ลา โรฆา" La Roja มาเป็นจำนวนมาก และรู้ดีว่า แต่ละคนใช้งานอย่างไร
สิ่งที่ทีมชาติสเปนต้องการในยุค เด ลา ฟูเอนเต้ ก็คือต้อง #ลืม ความสำเร็จจากยุคทองยุคก่อนให้หมด ที่เคยกวาด 3 แชมป์รายการเมเจอร์ติดต่อกันให้หมด (ยูโร 2008,ฟุตบอลโลก 2010 และ ยูโร 2012) แล้วถ่ายเลือดใหม่ สร้าง DNA ใหม่ซะ
ทีมชาติสเปน ไม่จำเป็นต้องเล่นบอลสั้น ครองบอลเยอะกว่าคู่แข่ง หรือเล่นบอลต่อบอลสวยงามแบบ Tiki-taka อีกต่อไปแล้ว (ถ้ามันไม่เวิร์ก หรือ มีอะไรที่ดีกว่า)
ณ เวลานี้ กระทิงดุ กลายเป็นบอลที่เล่นด้วยประสิทธิภาพการเข้าทำอย่างสูง และมีอาวุธที่หลากหลาย จัดจ้าน, และคนที่จะเปลี่ยนแปลง ถ่ายเลือดสเปนยุคใหม่ มันก็ต้องใช้ คนที่โลว์โปรไฟล์แบบ เด ลา ฟูเอนเต้ นี่แหละ ถึงจะมีแรงกดดันน้อย และ เติมลูกบ้า ลูกกล้าเข้าไปในทีมชาติสเปนยุคใหม่ ซึ่งผลลัพธ์ที่อวดต่อสายตาชาวโลกก็อ เกมรุกอันตรายเบอร์แรงขั้นสุดมาก โจมตีทุกรูปแบบ ยิงไกล แทงทะลุช่อง เปิดโหม่ง นั่นทำให้คู่แข่งจับทางได้ยากมากว่า พวกเขาจะมาไม้ไหน
สเปนชุดแชมป์ #ยูโร2024 มีที่เด็ดที่การโจมตี สร้างสรรค์เกมจากริมเส้น นิโก้ วิลเลี่ยมส์ (อายุ 22) กับ ลามีน ยามาล (อายุ 17) , ซึ่งเป็นเรื่องราวมหัศจรรย์มากที่ #ยามาล เด็กมัธยมที่ยังต้องส่งการบ้านคุณครูในช่วงเข้าแคมป์ยูโร ได้กลายมาเป็นคีย์แมนสำคัญในการนำพาความสำเร็จของสเปนวันนี้
นอกจากนี้ในแดนกลาง ขุมกำลังมิดฟิลด์ยังมีตัวนักเตะพลังหนุ่มขับเคลื่อนเกมอีก ทั้ง ดานี่ โอลโม่ (อายุ 26) ที่ลงมาแทน เปดรี้ (อายุ 21) ในรอบรองฯ และรอบชิงฯ กลุ่มนักเตะเหล่านี้สามารถเป็นแกนหลักให้กับ สเปนคลื่นลูกถัดๆไปได้อีกหลายปีเลย
สิ่งที่ สเปน ทำ ในคนดูฟุตบอลได้เห็นก็คือ พวกเขากล้าปฏิวัติตัวเอง เปลี่ยนแปลงอัตลักษณ์ตัวเอง รูปแบบการเล่นแบบบอลสั้น ครองบอลเยอะที่เคยดีที่สุดในอดีต ถึงวันนี้มันอาจไม่ดีพออีกแล้ว
และเมื่อกล้าเปลี่ยนแปลง กระทิงดุก็กลับไปอยู่ในจุดสูงสุดของยุโรปอีกครั้ง กับการเป็นแชมป์ยูโรสมัยที่ 4 มากกว่าชาติใดๆ พร้อมกับนักเตะเลือดใหม่ ที่จะเป็น Golden Generation ใหม่
ยุคทองสเปน กำเนิดขึ้นใหม่อีกครั้ง พร้อมกับถ้วยแชมป์ยูโร
ข่าวที่เกี่ยวข้อง