อยากติดตั้งเครื่องกรองน้ำ เลือกแบบไหนดี ดีกว่าการซื้อน้ำขวดดื่มหรือไม่

ในวันนี้เราจะมาพูดถึง ‘เครื่องกรองน้ำ’ วิธียอดนิยมที่ไม่ว่าคนอาศัยอยู่บ้านหรือคอนโดต่างเลือกใช้ ว่าจะดีกว่าการเลือกซื้อน้ำขวดดื่มอย่างไร ซึ่งในปัจจุบันมีเครื่องกรองน้ำให้เลือกซื้อมากมาย แต่ละเครื่องล้วนมีระบบกรองแตกต่างกัน แต่ก่อนจะไปดูเหตุผลว่าทำไมถึงควรเลือกติดตั้งเครื่องกรองน้ำ เราจะพาไปทำความรู้จักเครื่องกรองน้ำ แต่ละระบบกันก่อน ว่ามีความแตกต่าง มีข้อดี-ข้อเสียอะไรบ้าง เหมาะกับการใช้งานอย่างไร เพื่อเป็นทางเลือกในการตัดสินใจเลือกซื้อเครื่องกรองน้ำให้หลายๆ บ้านกัน

ทำความรู้จัก เครื่องกรองน้ำแต่ละประเภท 

1. เครื่องกรองน้ำระบบ RO (Reverse Osmosis)

เครื่องกรองน้ำ (Reverse Osmosis) หรือเครื่องกรองน้ำระบบ RO เป็นระบบกรองน้ำที่สามารถใช้กรองน้ำประปาเค็มได้ เพราะเป็นเครื่องกรองที่มีความละเอียดสูงถึงสูงมาก น้ำดื่มที่ได้จึงมีความสะอาดมาก ปราศจากสิ่งปนเปื้อน และแร่ธาตุต่างๆ ที่จำเป็นและไม่จำเป็นต่อร่างกาย มีขั้นตอนการกรองตั้งแต่ 5-6 ขั้นตอน และการดูแลรักษายุ่งยากกว่าเครื่องกรองน้ำประเภทอื่น เพราะมีการกรองหลายขั้น แต่มีราคาไม่สูงมาก ซึ่งราคาขึ้นอยู่กับจำนวนกระบอกและไส้กรองน้ำนั่นเอง  

2. เครื่องกรองน้ำระบบ UV (Ultraviolet)

สำหรับเครื่องกรองน้ำระบบ UV เป็นเครื่องกรองน้ำที่กรองสิ่งปนเปื้อนและเชื้อโรคด้วยหลอดไฟ UV โดยน้ำดื่มที่ได้จะยังคงเหลือแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกายไว้ ซึ่งใช้จำนวนไส้กรองไม่เยอะ โดยสามารถซื้อไส้กรองแบบหยาบเปลี่ยนได้เอง จึงทำให้การดูแลรักษาไม่ยุ่งยาก แต่เครื่องกรองน้ำประเภทนี้ใช้หลอดไฟ UV จึงจำเป็นต้องเชื่อมต่อกับระบบไฟฟ้าขณะใช้งาน หากเชื่อมต่อและเปิดใช้ไฟไว้ตลอดเวลาอาจส่งผลต่อค่าไฟฟ้าได้ อีกหนึ่งข้อดีของเครื่องกรองน้ำประเภทนี้คือราคาของไส้กรอง และราคาเครื่องไม่สูงมากนั่นเอง

3. เครื่องกรองน้ำระบบ UF (Ultra Filtration System)

เครื่องกรองน้ำ Ultra Filtration System หรือเครื่องกรองน้ำระบบ UF เป็นเครื่องกรองน้ำที่ใช้ระบบการกรอง 5 ขั้นตอน สามารถกรองสิ่งปนเปื้อนและเชื้อโรคได้ละเอียดถึง 0.01 ไมครอน แต่ยังคงไว้ของแร่ธาตุจำเป็นต่างๆ ของร่างกาย ขั้นตอนการดูแลรักษาสามารถเปลี่ยนไส้กรองได้ด้วยตัวเอง ประหยัดค่าดูแลรักษามากกว่าระบบ RO และ UV นับเป็นเครื่องกรองน้ำสำหรับคนที่อยู่คอนโดนิยมเลือกใช้เลยก็ว่าได้ เพราะมีขนาดเครื่องไม่ใหญ่มาก เหมาะสำหรับพื้นที่จำกัด และระบบกรองมีความละเอียดสูง อีกทั้งยังประหยัดค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษาอีกด้วย

ทำไมถึงควรเลือกซื้อเครื่องกรองน้ำ แทนการซื้อน้ำขวดดื่ม

• ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย เพราะเมื่อคำนวณค่าใช้จ่ายของการซื้อน้ำขวดกับราคาของเครื่องกรองน้ำและค่าน้ำต่อปีแล้ว จะพบว่าการซื้อเครื่องกรองน้ำมีความคุ้มค่ามากกว่า ยิ่งถ้ามีสมาชิกในครอบครัวเยอะ ก็ยิ่งประหยัดมากขึ้นนั่นเอง
• สะดวกสบาย ไม่ต้องเสียเวลา และเหนื่อยขนย้าย เพียงแค่มีเครื่องกรองน้ำก็ไม่ต้องคอยกังวลว่าน้ำดื่มจะหมด หรือต้องซื้อตุนเผื่อไว้หรือไม่
• มั่นใจว่าน้ำดื่มที่ได้เป็นน้ำที่สะอาด เพราะในเครื่องกรองน้ำมีระบบกรองที่มีประสิทธิภาพ และมีการเปลี่ยนไส้กรองอยู่เสมอ ซึ่งในน้ำขวดบางยี่ห้ออาจมีการปนเปื้อนในระหว่างกระบวนการผลิตและการขนส่งได้ 
• ลดขยะพลาสติก รักษาสิ่งแวดล้อม ในหนึ่งวันที่เราต้องดื่มน้ำวันละประมาณ 1.5-2 ลิตร ซึ่งถ้าหากซื้อน้ำดื่มแบบขวด จะพบว่ามีขยะพลาสติกเกิดขึ้นมากกว่า 4 ชิ้น เช่น ขวด ฝา ฉลากผลิตภัณฑ์ เป็นต้น แต่ถ้าใช้เครื่องกรองน้ำ ก็จะช่วยลดขยะพลาสติกเหล่านั้นได้จำนวนมาก
• ลงทุนครั้งเดียว ใช้งานได้ระยะยาว เพียงแต่การใช้งานเครื่องกรองน้ำจำเป็นต้องเปลี่ยนไส้กรองอยู่ตลอด โดยเฉลี่ยแล้วไส้กรองทั่วไปสามารถใช้กรองน้ำได้ตั้งแต่ 3,000-5,000 ลิตรต่อปี เทียบเท่ากับกับน้ำดื่มขวด 1.5 ลิตร จำนวนประมาณ 3,333 ขวด หรือคิดเป็นราคาลิตรละประมาณ 1 บาท นับว่าคุ้มค่ากว่าการซื้อน้ำขวดดื่มนั่นเอง

ร่างกายคนเราประกอบด้วยน้ำถึง 60% ของน้ำหนักตัว และสูญเสียน้ำไปกับการทำกิจกรรมต่างๆ ต่อเนื่องตลอดทั้งวัน ร่างกายเราจึงต้องได้รับน้ำเพื่อทดแทนปริมาณน้ำที่เสียไป การดื่มน้ำดื่มที่สะอาดปราศจากสิ่งปนเปื้อนจึงเป็นสิ่งสำคัญ การเลือกติดตั้งเครื่องกรองน้ำสักเครื่อง จึงเปรียบเสมือนการลงทุนเพื่อให้ได้น้ำดื่มสะอาดระยะยาว และควรพิจารณาจากหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นขนาดเครื่อง การติดตั้ง รูปแบบการใช้งาน การดูแลรักษา ค่าใช้จ่ายอื่นๆ รวมถึงการบริการหลังการขายด้วย เพื่อให้มั่นใจว่าเราจะได้รับน้ำดื่มที่สะอาดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดนั่นเอง