SHORT CUT
เซเลนสกี vs ทรัมป์ ปะทะเดือด! ยูเครนทรุดหนัก เสี่ยงรัฐประหารซ้อน ท่ามกลางการสูญเสียกว่า 55,000 ชีวิต ที่คาดว่ามีมากกว่านั้น
ความสัมพันธ์ระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ และโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน มีความซับซ้อนและตึงเครียด โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่ามกลางสงครามรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ การเปลี่ยนแปลงท่าทีของสหรัฐฯ ภายใต้การนำของทรัมป์ รวมถึงความขัดแย้งและความเห็นที่ไม่ลงรอยกันระหว่างผู้นำทั้งสอง ได้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อสถานการณ์ในยูเครน ซึ่งรวมถึงความสูญเสียที่ยูเครนต้องเผชิญและความเสี่ยงต่อวิกฤตที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
มีรายงานว่า เซเลนสกีถูกเชิญให้ออกจากทำเนียบขาวหลังจากการปะทะคารมอย่างดุเดือดกับทรัมป์เกี่ยวกับประเด็นสงครามรัสเซีย-ยูเครน
ทรัมป์กล่าวว่า เซเลนสกีไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะสั่งการสหรัฐฯ ได้ และวิพากษ์วิจารณ์ผู้นำยูเครนที่นำชีวิตประชาชนหลายล้านคนมาเดิมพัน
ทรัมป์กล่าวหาว่าเซเลนสกีไม่เคารพสหรัฐฯ ทั้งๆ ที่สหรัฐฯ ให้การสนับสนุนยูเครนมากกว่าประเทศอื่น ๆ
ทรัมป์กดดันให้ยูเครนลงนามข้อตกลงเพื่อยุติสงคราม โดยขู่ว่าจะถอนการสนับสนุนหากไม่ทำตาม
ทรัมป์แสดงท่าทีที่เปลี่ยนไป โดยเลือกที่จะลดบทบาทในการสนับสนุนยูเครน และต้องการให้ยูเครนแลกกับการเข้าถึงแร่หายากในประเทศ
ทรัมป์กล่าวโทษว่ายูเครนเป็นฝ่ายเริ่มจุดไฟสงคราม และกล่าวหาเซเลนสกีว่าเป็น "เผด็จการ"
ทรัมป์พยายามรักษาสัญญาที่จะยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครนให้เร็วที่สุด และดูเหมือนจะโน้มเอียงไปทางรัสเซีย
ยูเครนกำลังเผชิญกับวิกฤตที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่สงครามเริ่มต้นขึ้น พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก เปรียบเทียบว่ายูเครนอยู่ในสภาพ "เจียนอยู่เจียนตาย"
ยูเครนสูญเสียดินแดนไปแล้ว 11% ตั้งแต่ปี 2565 แม้จะได้รับชัยชนะในบางภูมิภาค แต่ก็ต้องแลกมาด้วยความสูญเสียมหาศาล
มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากจากสงคราม ข้อมูลจากหน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติระบุว่า พลเมืองยูเครน 12,000 คนเสียชีวิต และกว่า 29,000 คนได้รับบาดเจ็บ มีรายงานจาก BBC ว่าเซเลนสกี ยอมรับว่ามีทหารและเจ้าหน้าที่ชาวยูเครนเสียชีวิตราว 43,000 นาย ทั้งนี้ นักวิเคราะห์จากชาติตะวันตกเชื่อว่าตัวเลขนี้เป็นการประมาณการที่ต่ำเกินไป
ชาวยูเครนหลายล้านคนต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่น โดยส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเยอรมนีและโปแลนด์
ความเสี่ยงและวิกฤตที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
มีความเสี่ยงที่ยูเครนจะเกิดรัฐประหาร หากเซเลนสกีแข็งข้อกับทรัมป์ หรืออาจมีการเลือกตั้งใหม่ ดร.อดุลย์ กำไลทอง วิเคราะห์ว่า หากเซเลนสกีไม่ยอมอ่อนข้อ อาจมีการเปลี่ยนแปลงผู้นำ
การเปลี่ยนแปลงท่าทีของสหรัฐฯ อาจนำไปสู่การสูญเสียดินแดนที่ถูกรัสเซียยึดครอง พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก กล่าวว่า รัสเซียอาจได้ดินแดนทั้งหมดของยูเครน ตั้งแต่ดอนบาสไปจนถึงไครเมีย
มีความเป็นไปได้ที่ทรัมป์และปูตินอาจมีการพูดคุยลับกันเกี่ยวกับผลประโยชน์ทางการเมือง
เซเลนสกีอาจยอมแลกเปลี่ยนดินแดนกับรัสเซีย และลาออกเพื่อแลกกับการรับยูเครนเข้าเป็นสมาชิกนาโต
ความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างทรัมป์และเซเลนสกี รวมถึงท่าทีที่เปลี่ยนไปของสหรัฐฯ ภายใต้การนำของทรัมป์ ได้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อสถานการณ์ในยูเครน ยูเครนกำลังเผชิญกับวิกฤตที่เลวร้าย มีความสูญเสียทั้งในชีวิตและทรัพย์สิน และยังมีความเสี่ยงที่จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ อนาคตของยูเครนยังคงไม่แน่นอน ท่ามกลางผลประโยชน์ของชาติมหาอำนาจที่เข้ามาเกี่ยวข้อง
อ้างอิง
รอบโลก / ต่างประเทศ /