svasdssvasds

จัดเลือกตั้ง อบจ.วันเสาร์ กกต. เข้าใจผิดหรือไม่? ปริญญาข้องใจ

จัดเลือกตั้ง อบจ.วันเสาร์ กกต. เข้าใจผิดหรือไม่? ปริญญาข้องใจ

จัดเลือกตั้ง อบจ.วันเสาร์ กกต. เข้าใจผิดหรือไม่? ปริญญายันวันอาทิตย์อยู่ในกรอบ 45 วัน หวั่นกระทบคนใช้สิทธิเลือกตั้ง

SHORT CUT

  • อ.ปริญญา มองว่า การเลือกตั้ง อบจ. จัดขึ้นในวันเสาร์ซึ่งไม่สะดวกสำหรับประชาชน
  • โดย อ.ปริญญา เสนอทางออกว่า กกต. มีอำนาจในการจัดให้มีการลงคะแนนโดยวิธีอื่น
  • อ.ปริญญา ชี้ให้เห็นว่า กกต. ไม่ได้คำนึงถึงประชาชนเป็นที่ตั้งในการจัดเลือกตั้งด้วยลักษณะดังกล่าว

จัดเลือกตั้ง อบจ.วันเสาร์ กกต. เข้าใจผิดหรือไม่? ปริญญายันวันอาทิตย์อยู่ในกรอบ 45 วัน หวั่นกระทบคนใช้สิทธิเลือกตั้ง

เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2568 ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้โพสต์ข้อเขียนผ่านเฟซบุ๊กเรื่อง “ทำไม กกต. จัดการเลือกตั้งวันเสาร์ ราวกับกลัวคนไปเลือกตั้ง?” โดยระบุว่า การเลือกตั้ง อบจ.คราวนี้ ผมเห็นว่า เรื่องที่เป็นปัญหาใหญ่ที่สุดคือเรื่องที่ กกต.จัดการเลือกตั้งวันเสาร์ เพราะสร้างความไม่สะดวกอย่างยิ่งให้กับประชาชนที่ทำงานวันเสาร์และบ้านอยู่ต่างจังหวัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเลือกตั้งท้องถิ่นไม่มีการเลือกตั้งล่วงหน้าอยู่แล้วด้วย ซึ่งมีหลายประเด็นที่จะได้กล่าวดังต่อไปนี้

1.ปกติการเลือกตั้งจะจัดวันอาทิตย์ทั้งนั้น ไม่ว่าที่ประเทศไทย หรือประเทศไหน เพราะเป็นวันที่ประชาชนสะดวกที่สุด วันเสาร์นั้นแม้จะเป็นวันหยุดราชการ แต่เอกชนจำนวนมากก็ไม่ได้ให้เป็นวันหยุด หรือต่อให้วันเสาร์เป็นวันหยุดแต่ถ้าบ้านตามทะเบียนบ้านอยู่ต่างจังหวัดที่ไกลหน่อยก็อาจจะกลับไปเลือกตั้งไม่ทัน เราจึงไม่เคยมีการเลือกตั้งวันเสาร์มาก่อนเลย ทั้งที่จัดโดย กกต.ก่อนหน้านี้ หรือจัดโดยกระทรวงมหาดไทยในสมัยก่อน

2.ที่สำคัญการเลือกตั้งท้องถิ่นไม่มีเลือกตั้งล่วงหน้า หรือเลือกตั้งนอกเขต การเลือกตั้งท้องถิ่น จึงยิ่งต้องเลือกวันที่ประชาชนส่วนใหญ่สะดวกที่สุดคือวันอาทิตย์ ไม่ใช่วันเสาร์ ขนาดเลือกตั้ง ส.ส. มีเลือกตั้งล่วงหน้ายังเลือกวันอาทิตย์ แล้วเลือกตั้งท้องถิ่นไม่มีเลือกตั้งล่วงหน้า ทำไมจึงมาเลือกตั้งวันเสาร์เช่นนี้

3.เหตุผลของ กกต. คือ วันที่อาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2568 เป็นวันสุดท้ายที่จะจัดการเลือกตั้งได้ (พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น พ.ศ.2562 มาตรา 11 กำหนดให้ต้องจัดการเลือกตั้งภายใน 45 วันนับแต่วันที่นายก อบจ. หรือสมาชิกสภา อบจ. หมดวาระ วันเลือกตั้ง อบจ. ครั้งที่แล้วคือวันอาทิตย์ที่ 20 ธันวาคม 2563 วาระ อบจ. คือ 4 ปีนับตั้งแต่วันเลือกตั้ง กกต. จึงเห็นว่า อบจ. ครบวาระวันที่ 19 ธันวาคม 2567 ดังนั้น เมื่อนับไป 45 วัน วันสุดท้ายจึงเป็นวันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2568) แต่ กกต.ไม่ต้องการจัดการเลือกตั้งวันสุดท้ายที่ครบ 45 วัน เพราะหน่วยเลือกตั้งมี 90,000 หน่วย หากมีปัญหาที่นับคะแนนไม่เสร็จในคืนวันนั้น อาจจะทำให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะได้ เลยต้องมาเลือกตั้งวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2568 เพื่อที่จะเผื่อไว้หนึ่งวัน

4.เหตุผลของ กกต.กล่าวมานี้เป็นเหตุผลที่รับฟังไม่ได้เลยเมื่อต้องมาแลกกับความไม่สะดวกของประชาชน เพราะมาตรา 11 ใช้คำว่า “ให้จัดการเลือกตั้งภายในสี่สิบห้าวัน” (โดยไม่มีคำว่าให้แล้วเสร็จ หรือต้องแล้วเสร็จ) การจัดการเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ที่ประชาชนส่วนใหญ่สะดวกกว่าวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ จึงยังอยู่ภายใน 45 วันตามที่กฎหมายกำหนด หากเกิดปัญหามีหน่วยใดนับคะแนนไม่เสร็จในคืนวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ก็ไม่ใช่เรื่องการไม่จัดการเลือกตั้งใน 45 วัน จะเป็นเรื่องเหตุสุดวิสัย หรือการทำงานไม่มีประสิทธิภาพของ กกต.เองก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่ไม่ใช่เรื่องการไม่จัดการเลือกตั้งภายใน 45 วัน

5.ตาม พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่น หรือผู้บริหารท้องถิ่น มาตรา 76 ให้ กกต.มีอำนาจในการจัดให้มีการ ”ลงคะแนนโดยวิธีอื่นที่มิใช่การใช้บัตรเลือกตั้ง” ได้ ซึ่งมาตรา 76 เขียนไว้กว้างมาก เพราะ “โดยวิธีอื่น” คือวิธีใดก็ได้ ขอเพียง ”สามารถป้องกันการทุจริตในการเลือกตั้งได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสะดวกกว่าการออกเสียงลงคะแนนด้วยบัตรเลือกตั้งและมีค่าใช้จ่ายที่คุ้มค่า และเป็นวิธีการที่ประชาชนเข้าถึงได้โดยสะดวก“ ดังนั้น หาก กกต.จะเลือกวันเสาร์ ก็มีวิธีการเลือกตั้งลงคะแนนโดยวิธีอื่นที่สะดวกต่อประชาชนมาชดเชยกับการเลือกตั้งวันเสาร์ เช่น การเลือกตั้งนอกเขตโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ ก็จะทำให้คนที่ทำงานวันเสาร์ หรือบ้านตามทะเบียนบ้านอยู่ห่างไกล ยังสามารถใช้สิทธิเลือกตั้งได้ แต่ กกต.กลับจัดเลือกตั้งวันเสาร์ โดยไม่ยอมให้มีวิธีลงคะแนนแบบอื่นใดมาชดเชย ราวกับกลัวว่าประชาชนจะสะดวกเกินไป หรือกลัวว่าจะมีคนไปเลือกตั้งมาก

6.ประเทศไทยนั้นยังมีปัญหาเรื่องบ้านใหญ่ ระบบอุปถัมภ์ และกระสุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเลือกตั้งท้องถิ่น ทางแก้ไขคือต้องให้คนไปเลือกตั้งมากๆ ก็จะทำให้ระบบอุปถัมภ์ และกระสุน แพ้เสียงของประชาชนที่ไปเลือกตั้งโดยเจตน์จำนงเสรี ดังนั้น เพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม กกต.จึงยิ่งต้องหาทางให้คนสะดวกในการไปเลือกตั้งให้มากที่สุด

7.แล้วเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องควรหรือไม่ควร แต่เป็น เรื่อง ‘หน้าที่‘ ของ กกต. ที่ต้องอำนวยความสะดวกให้ประชาชนไปเลือกตั้ง เพราะรัฐธรรมนูญกำหนดให้ประชาชนมีหน้าที่ไปใช้สิทธิเลือกตั้ง โดยการไม่ไปเลือกตั้งต้องเสียสิทธิบางประการ แต่ตอนนี้ กกต. ดูจะทำแต่เรื่องการอำนวยความสะดวกให้คนแจ้งเหตุที่ไม่ไปเลือกตั้ง ทั้งๆ ที่เรื่องที่ต้องทำให้มากกว่าคือ การอำนวยความสะดวกให้คนไปเลือกตั้ง เพราะเหตุที่คนไม่ไปเลือกตั้งเพราะ กกต. จัดการเลือกตั้งวันเสาร์ และไม่มีวิธีเลือกตั้งวิธีอื่นให้ประชาชน ทั้งๆ ที่มีอำนาจทำได้

8.เราไม่ควรคิดไปในทางร้ายว่า กกต. ไม่อยากให้คนไปเลือกตั้งมาก แต่ไม่ว่าจะคิดในทางดีเพียงใด ก็ไม่มีทางเห็นได้เลยว่า กกต. ได้เอาประชาชนเป็นเป้าหมายในการทำงาน (หรือที่เรียกว่า citizen oriented) เพราะถ้าเอาประชาชนเป็นที่ตั้ง จะต้องเลือกตั้งวันอาทิตย์ ไม่ใช่วันเสาร์ แล้วต้องอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนตามอำนาจหน้าที่ทำได้

9.ผมเห็นว่า ที่ กกต.ไม่เอาประชาชนเป็นที่ตั้ง เพราะ กกต.ชุดนี้ (เช่นเดียวกับองค์กรอิสระอื่นๆ) ไม่ได้มาจากประชาชน ไม่ยึดโยงกับประชาชน ดังนั้น จึงไม่ค่อยคำนึงถึงประชาชน และไม่ต้องรับผิดชอบต่อประชาชน มีแต่ความอิสระ (ซึ่งถูกตั้งคำถามมากอยู่แล้ว) แต่ไม่มีความรับผิดชอบต่อประชาชน (accountability) และนี่คือปัญหาใหญ่ที่สุดของ กกต. และองค์กรอิสระทั้งหลายของรัฐธรรมนูญ 2560

10.การเขียนเรื่องนี้มิได้มุ่งไปที่การเปลี่ยนแปลงวันเลือกตั้งให้เป็นวันอาทิตย์ เนื่องจากเปลี่ยนแปลงไม่ทันแล้ว แต่มุ่งหมายที่จะให้สาธารณชนได้ช่วยกันตั้งคำถาม ติดตาม และประเมินผลการทำงานของ กกต. ที่สำคัญคือเพื่อไม่ให้ กกต. จัดการเลือกตั้งวันเสาร์อีกครับ เพราะถ้าครั้งนี้ทำได้คนไม่ว่าอะไร ต่อไปเราก็อาจจะได้เลือกตั้งวันเสาร์กันอีก และอาจจะลามไปถึงเลือกตั้ง ส.ส.ด้วย

11.วิธีการประเมินผลการทำงานของ กกต.ในการจัดการเลือกตั้ง อบจ.คราวนี้คือ ติดตามดูว่ามีการเลือกตั้ง อบจ.ครั้งนี้มีผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งน้อยกว่าคราวที่แล้วที่มีผู้ไปเลือกตั้ง 62 เปอร์เซ็นต์ หรือไม่ และเหตุที่คนไปเลือกตั้งไม่ได้ส่วนใหญ่คือเหตุผลอะไร เพราะเลือกตั้งวันเสาร์ใช่หรือไม่

12.ผมเห็นว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ เพราะถ้าจะให้ กกต.เอาประชาชนเป็นที่ตั้ง หรือใส่ใจประชาชนมากกว่านี้ ประชาชนก็ต้องส่งเสียงให้ กกต.รับผิดชอบต่อประชาชนมากกว่านี้ และเรียกร้องความรับผิดชอบจาก กกต. ถ้าทำงานไม่ได้ผลครับ

เพราะที่เราต้องการไม่ใช่แค่ องค์กรอิสระที่มีความอิสระ (indepence) แต่เราต้องการองค์กรอิสระที่ทั้งอิสระ พร้อมกับรับผิดชอบต่อประชาชน (accountable independence) เรามาเริ่มต้นกันเลยที่ กกต.ครับ

related