“เศรษฐา ทวีสิน” อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย ให้สัมภาษณ์พิเศษ เปิดใจครั้งแรกกับสื่อไทย โดย “กวาง อรการ” ผู้ประกาศข่าวเนชั่นทีวี ที่เมืองแอสเพน รัฐโคโลราโด ประเทศสหรัฐอเมริกา หลังพ้นจากตำแหน่งโดยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567
เปิดใจ “เศรษฐา ทวีสิน” อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย ให้สัมภาษณ์พิเศษครั้งแรกกับสื่อไทย โดย “กวาง อรการ” ผู้ประกาศข่าวเนชั่นทีวี ที่เมืองแอสเพน รัฐโคโลราโด ประเทศสหรัฐอเมริกา หลังพ้นจากตำแหน่งโดยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567
ซึ่งอดีตนายกฯ เศรษฐาใช้เวลาในช่วงหลังจากการเมืองพักหนึ่งเพื่อสะท้อนมุมมองที่น่าสนใจเกี่ยวกับอดีต ปัจจุบัน และอนาคตของเขา
เศรษฐา : "ใช่ครับ ผมเข้าไปหาท่านที่ทำเนียบรัฐบาล ต่อมาก็เป็นข่าว ท่านก็ฝากฟังไว้หลายอย่าง พร้อมพาเดินดูทำเนียบ บางคนก็ต่อว่ามาบ้าง แต่ผมเชื่อว่าการเมืองที่รุนแรงในอดีต ถ้าเราหันมาพูดคุยกันได้ หลังการเลือกตั้งจบเป็นเรื่องที่ดี"
เศรษฐา: "วันที่ผมถูกถอดถอน ผมกับพี่เต้น ณัฐวุฒิ ได้เข้าไปพบคุณแพทองธาร แล้วได้พูดว่าจริงๆ แล้วควรจะต้องเป็นคุณแพทองธาร ที่จะเป็นนายกฯ คนต่อไป ด้วยเหตุผลต่างๆ หลังจากนั้นวันรุ่งขึ้น ได้เชิญข้าราชการประจำ พร้อมรัฐมนตรีมาพบคุณแพทองธาร เพื่อมอบหมายงาน หลังจากนั้นก็ได้เดินทางไปต่างประเทศ
เศรษฐา : คุณแพทองธาร เกิดมาในครอบครัวนักการเมือง เชื่อว่ามีคุณทักษิณคอยดูแล เชื่อว่ามาถูกทางแล้ว เพราะมีทีมงานที่มีความสามารถ คุณแพทองธารสามารถคุยกับผมได้ทุกเมื่อ ความสัมพันธ์เปรียบเสมือนพี่กับน้อง ต้องยอมว่าคุณทักษิณ เป็นอดีตนายกฯ ที่ได้ความนิมยมชมชอบมากที่สุดคนนึง ท่านเองก็เป็นพ่อของนายกฯ คนปัจจุบัน เป็นผู้นำจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทยด้วย มีหมวกหลายใบและมีเครือข่ายจำนวนมาก ต้องเอาตรงนี้มาเป็นที่ตั้ง ให้ความยุติธรรมก่อน ถ้สอยากเห็นประเทศเดินไปข้างหน้าได้
เศรษฐา : นายกฯ แพทองธาร มีวุฒิภาวะพอสมควร ท่านต้องมีฟิวเตอร์ที่ดีว่าอะไรที่เหมาะสมควรรับฟังหรือไม่รับฟัง เช่น เรื่องไอแพด ถ้าไม่มีความจำเป็นอย่างให้เปลี่ยนมาใช้กระดาษเป็นโพย เวลาไปต่างประเทศ ถ้าไม่มีโพยเลยอาจทำให้เรียกชื่อแขกที่ร่วมประชุมผิด ถือเป็นการไม่ให้เกียรติ ส่วนประเด็นน้ำท่วมภาคใต้แต่ละคนแต่ละสไตล์ ถ้าเป็นตัวผมคงลงไปทันที ไม่อยากให้มองว่าไปหรือไม่ไป อยากให้มองที่ผลงานเรื่องการเยียวยา การแก้ไขปัญหา
เศรษฐา : ในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะเรามีแค่ 141 เสียง แน่นอนพรรคร่วมอยู่ด้วยกันเหมือนลิ้นกับฟัน ต้องมีกระทบกระทั่งกันบ้าง มีการตบจูบกันไปเรื่อยๆ ส่วนอีแอบที่คุณทักษิณพูดถึง ตนก็ไม่รู้ว่าเป็นใคร หรืออาจจะมีหลายคนก็เป็นได้ แต่ตอนนี้ก็เริ่มเข้าที่แล้ว เพราะนายกฯ ยืนยันว่าไม่มีการเปลี่ยน ครม.
ส่วนบุคคลที่อยู่นอกพรรคที่มีอิทธิพลทั้งคุณทักษิณ ชินวตร หรือคุณเนวิน ชิดชอบ ทุกท่านก็มีความหวังดีกับประเทศ เรื่องอยู่ร่วมกันคิดว่าอยู่ได้ ที่เป็นห่วงคือปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะปัญหาแบงก์ชาติเรื่องดอกเบี้ย
นโยบายท่องเที่ยวถือเป็นนโยบายหลักของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย การส่งออกเป็นส่วนประกอบของ GDP ประมาณ 60% เชื่อว่ารัฐบาลพรรคเพื่อไทยจะมีการเจรจากับโดนัลด์ ทรัมป์ เพราะทรัมป์ก็เป็นนักธุรกิจ
เศรษฐา : เรื่องชั้น 14 ผมเชื่อว่าเข้ากระบวนการยุติธรรมไปแล้ว ส่วนเรื่อง MOU44 จะเลิกหรือไม่เลิก เกาะกูดเป็นของใคร โดยเรื่องเกาะกูดที่ชัดเจน เรามีที่ว่าการอำเภอเกาะกูด เป็นของประเทศไทยอยู่แล้ว ทางกัมพูชาก็ไม่ได้เคลมอะไร ส่วนเรื่องแบ่งแยกดินแดนเป็นปัญหาโลกแตก ยังไงก็ตกลงกันไม่ได้