svasdssvasds

รู้จักนโยบาย 66/23 ปั้นสหายใหญ่ สู่ ภูมิธรรม เวชยชัย รมว.กลาโหม

รู้จักนโยบาย 66/23 ปั้นสหายใหญ่ สู่ ภูมิธรรม เวชยชัย รมว.กลาโหม

รู้จักนโยบาย 66/23 ปั้นสหายใหญ่ สู่ ภูมิธรรม เวชยชัย รมว.กลาโหม ประวัติศาสตร์จารึกและความทรงครั้งหนึ่งทางการเมืองไทยของคนเดือนตุลา

SHORT CUT

  • อ้วน ภูมิธรรม เวชยชัย หรือ “สหายใหญ่” ถูกตั้งคำถามอย่างมาก ณ ขณะนี้ว่าจะนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีกลาโหม กระทรวงที่ดูแลความมั่นคงปราบปรามนักศึกษาจนเข้าป่า เมื่อครั้งตนเองเป็นนักศึกษามาก่อน
  • แต่ ภูมิธรรม ได้ให้สัมภาษณ์ว่า เป็นเรื่องเมื่อ 50 ปีแล้ว จำอะไรไม่ค่อยได้ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็เป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นจะต้องไปรื้อฟื้นเรื่องในอดีต เพราะ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
  • นโยบายดังกล่าวมีชื่อว่านโยบาย 66/23 เป็นการดึงนักศึกษาออกจากป่า ลดความขัดแย้งกับรัฐ

รู้จักนโยบาย 66/23 ปั้นสหายใหญ่ สู่ ภูมิธรรม เวชยชัย รมว.กลาโหม ประวัติศาสตร์จารึกและความทรงครั้งหนึ่งทางการเมืองไทยของคนเดือนตุลา

อ้วน ภูมิธรรม เวชยชัย หรือ “สหายใหญ่” ถูกตั้งคำถามอย่างมาก ณ ขณะนี้ว่าจะนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีกลาโหม กระทรวงที่ดูแลความมั่นคงปราบปรามนักศึกษาจนเข้าป่า เมื่อครั้งตนเองเป็นนักศึกษามาก่อน

แต่ ภูมิธรรม ได้ให้สัมภาษณ์ว่า เป็นเรื่องเมื่อ 50 ปีแล้ว จำอะไรไม่ค่อยได้ และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็เป็นเรื่องที่ไม่จำเป็นจะต้องไปรื้อฟื้นเรื่องในอดีต เพราะ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อดีตประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ และผู้ใหญ่หลายท่านได้ตัดสินใจยุติความขัดแย้งและทำทุกอย่างให้คลี่คลาย

นโยบายดังกล่าวมีชื่อว่านโยบาย 66/23 เป็นการดึงนักศึกษาออกจากป่า ลดความขัดแย้งกับรัฐ

รู้จักนโยบาย 66/23 ปั้นสหายใหญ่ สู่ ภูมิธรรม เวชยชัย รมว.กลาโหม

ภูมิหลังก่อนนโยบาย 66/23

ในช่วง พ.ศ. 2516 ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยกำลังเผชิญปัญหาการแบ่งแยกระเบียบโลกทางการเมืองที่มีค่ายใหญ่ 2 ค่าย ค่ายหนึ่งคือเสรีประชาธิปไตยที่มีสหรัฐอเมริกาเป็นผู้นำ อีกค่ายหนึ่งคือค่ายคอมมิวนิสต์ที่มีสหภาพโซเวียตเป็นผู้นำ

ภาพจำของลัทธิคอมมิวนิสต์เป็นภาพจำที่ทำให้ชนชั้นนำไทยหวาดกลัว ไม่ว่าจะเป็นการล้มล้างระบอบกษัตริย์ ตัวอย่างเช่น ราชวงศ์โรมานอฟของรัสเซียและราชวงศ์ชิงของจีน และตามมาด้วยการริบทรัพย์ชนชั้นนายทุนมีแนวนโยบายเศรษฐกิจที่รัฐเป็นผู้ควบคุม

รู้จักนโยบาย 66/23 ปั้นสหายใหญ่ สู่ ภูมิธรรม เวชยชัย รมว.กลาโหม

ทำให้ชนชั้นนำไทยหวาดกลัวเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างมาก ประกอบกับ ณ ขณะนั้นประเทศเพื่อนบ้านของไทย ไม่ว่าจะเป็นเวียดนาม ลาว กัมพูชา ล้วนเปลี่ยนเป็นรัฐบาลคอมมิวนิสต์หมด ขณะที่อินโดนีเซียรวมถึงมาเลเซียมีพรรคคอมมิวนิสต์ที่เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา

การเมืองไทยนักศึกษาเบื่อเผด็จการทหารซื้อแนวคิดสังคมนิยม

ขณะที่ประเทศไทยเองเป็นช่วงที่เผด็จการทหารภายใต้ระเบียบโลกอเมริกา ปกครองมาอย่างยาวนานไม่ว่าจะเป็น จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ จอมพล ถนอม กิตติขจร ทำให้ประชาชน ชนชั้นกลาง รวมถึงนักศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัยไม่พอใจเป็นอย่างมาก พวกเขาบางส่วนจึงสมาทานลัทธิสังคมนิยม พร้อมตั้งคำถามว่าทหารควรปกครองประเทศหรือไม่? และถึงขนาดประท้วงขับไล่ทหารอยู่เสมอๆ

จาก 14 ตุลา ถึง 6 ตุลา

ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2516 สามารถนำทหารออกจากการเมือง ขับไล่ จอมพล ถนอม และ จอมพล ประภาส จารุเสถียร พันเอก ณรงค์ กิตติขจร 3 ทรราชย์ออกจากการเมือง และจัดตั้งรัฐบาลพลเรือนได้สำเร็จ

แต่กระนั้นระยะที่ผ่านมาฝ่ายขวากลับมีอำนาจเพิ่มมากขึ้นเนื่องจากภัยคอมมิวนิสต์คุกคามประเทศไทย ฝ่ายขวาเกิดความกลัวว่าคอมมิวนิสต์จะเข้ามามีอำนาจในประเทศไทยจากการช่วยเหลือจากทั้งเวียดนามและจีน ทำให้เกิดขบวนการขวาพิฆาตซ้ายขึ้นมา

รู้จักนโยบาย 66/23 ปั้นสหายใหญ่ สู่ ภูมิธรรม เวชยชัย รมว.กลาโหม

เรื่องดังกล่าวทำให้ขบวนการนักศึกษาที่เคยรุ่งเรืองต้องถูกปราบปรามอย่างโหดร้าย โดนกองกำลังฝ่ายขวาและทหารที่ชี้ว่านักศึกษาคือคอมมิวนิสต์ และใช้สื่อในการปั่นกระแสให้สังหารนักศึกษา โดยมีวลีเด็ดว่า “ฆ่าคอมมิวนิสต์ไม่บาป” เกิดขึ้นนั่นเอง

การกระทำดังกล่าวส่งผลให้นักศึกษาหนีเข้าป่าจับปืนสู้รัฐ หนึ่งในนั้นคือสหายใหญ่ หรือ ภูมิธรรม เวชยชัย ที่ ณ ขณะนั้นกำลังเป็นนักศึกษาปริญญาโท พอเกิดเหตุการณ์การเมืองที่บีบคั้นนักศึกษา ทำให้เขาเข้าป่า 3-4 ปี และได้รับฉายาว่าสหายใหญ่นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

66/23 จาก “สหายใหญ่” สู่ “ภูมิธรรม”

ภายหลังความหวั่นกลัวภัยคอมมิวนิสต์ของชนชั้นนำเริ่มแผ่วเบาลง ประกอบกับทหารเริ่มถอยห่างจากการเมืองมากขึ้น จากเดิมเป็นทหารสายเหยี่ยว ก็กลายเป็นทหารสายพิราบขึ้นมามีอำนาจแทน

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือการขึ้นมามีอำนาจของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นยุคที่หลายคนเรียกว่าระบอบเปรมาธิปไตยหรือระบอบประชาธิปไตยครึ่งใบ โดยมีป๋าเปรม เป็นผู้เล่นหลักในตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ขณะที่พรรคการเมืองคอยสลับกันเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาลที่ต้องสนับสนุนป๋าเปรมให้ดำเนินนโยบายไปโดยราบรื่น

รู้จักนโยบาย 66/23 ปั้นสหายใหญ่ สู่ ภูมิธรรม เวชยชัย รมว.กลาโหม

หนึ่งในนโยบายที่สคัญคือ คำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 66/2523 หรือที่รู้จักคือ 66/23 คำสั่งนี้กำหนดให้มีการจัดการความอยุติธรรมทางสังคม และการส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางการเมืองและกระบวนการประชาธิปไตย มีการออกกฎหมายนิรโทษกรรมสอดคล้องกับคำสั่งอนุญาตให้ผู้แปรพักตร์ผละขบวนการก่อการกำเริบ

รู้จักนโยบาย 66/23 ปั้นสหายใหญ่ สู่ ภูมิธรรม เวชยชัย รมว.กลาโหม

เท่ากับว่าเป็นการนิรโทษกรรมให้กับผู้ที่เข้าป่าไปเป็นคอมมิวนิสต์ด้วย ทำให้กลุ่มนักศึกษา ปัญญาชน และประชาชนที่ได้รับแรงกดดันจากรัฐเมื่อครั้งฝ่ายขวาเรืองอำนาจเริ่มออกจากป่า หนึ่งในนั้นคือสหายใหญ่ หรือ ภูมิธรรม เวชยชัย ได้ออกจากป่า

เรียกได้ว่าเป็นสูตรการเมืองของรัฐบาล พล.อ.เปรม ใช้การเมืองนำการทหาร “ยุติสถานการณ์สงครามปฏิวัติของคอมมิวนิสต์” โดยใช้วิธีทางการเมืองนำการทหาร ขจัดการขยายแนวร่วม พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ในเมือง พร้อมเสนอว่ารัฐบาลจะขจัดความไม่เป็นธรรม สนับสนุนประชาธิปไตย ปฏิบัติต่อผู้เข้ามอบตัวอย่าง “เพื่อนประชาชนร่วมชาติ”

และนำไปสู่การล่มสลายของพรรคคอมนิสต์แห่งประเทศไทยในที่สุด

ภูมิธรรม เวชยชัย เองเมื่อออกมาจากป่าก็ผันตัวไปทำอาสาสมัคร ก่อนที่ไปทำ NGO ประกอบธุรกิจกับเพื่อน และตัดสินใจเดินสู่เส้นทางการเมืองในที่สุด

เส้นทางการเมืองของ ภูมิธรรม

แต่พรรคการเมืองในระบบ สิ่งที่สำคัญคือการระดมเงินมาบริหารพรรค ภูมิธรรมทำพรรคได้เกือบปีเงินก็หมด ทำให้พรรคประชาธรรมปิดตัวหลังจากเปิดมาปีกว่าๆ

ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงที่ ทักษิณ ชินวัตร ชวนไปคุย มี 4-5 คน บอกอยากทำพรรคการเมือง คุยกันประมาณปี 2536-2537 ก่อน ทักษิณ เป็น รัฐมนตรีฯ ต่างประเทศ ในนามพรรคพลังธรรม และในที่สุดเริ่มต้นทำพรรคกับ ทักษิณ หลอมความฝันเอาเงินทักษิณมาทำพรรคการเมือง

ในเวลาต่อมาคือพรรคไทยรักไทย และต่อมาคือพรรคพลังประชาชนและกลายเป็นพรรคเพื่อไทยที่เราเห็นในปัจจุบัน

นี่คือเรื่องราวของ ภูมิธรรม เวชยชัย จากสหายใหญ่ที่อยู่ในป่า เมื่อมีนโยบาย 66/23 ออกมาเขาจึงกลายเป็นนักการเมืองจากป่าที่ขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในที่สุด

แหล่งอ้างอิง

กรุงเทพธุรกิจ / The Momentum / ประชาไท /

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

related