ชะตา “เศรษฐา” ไปต่อ อยู่ที่ “ศาล รธน.” วิษณุ ชี้ช่อง คัมแบ๊ค กลับทำเนียบ

คนการเมืองต่างโฟกัสไปที่วันที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2567 อีกครั้งหนึ่งเหตุเพราะเป็นวันที่ศาลรับธรรมนูญ จะมีคำวินิจฉัย กรณีที่เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี แต่งตั้ง พิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี

โดยเป็นการปล่อยพลังโค้งสุดท้ายของ สว. แต่งตั้งโดยกลุ่ม 40 สว. ยื่นผ่าน พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา เพื่อขอให้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ผู้ถูกร้องที่ 1 และนายพิชิต ผู้ถูกร้องที่ 2 สิ้นสุดลงเฉพาะตัว ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) (5) หรือไม่

สว. แต่งตั้งปล่อยพลังก่อนทิ้งทวน

โดย สว. ชี้ว่ามีข้อเท็จจริงที่ปรากฏให้เห็นว่าพิชิต มีการละเมิดอำนาจศาล และศาลสั่งให้จำคุก โดยมีคำบรรยายรายละเอียดข้อเท็จจริงของศาลที่ชัดเจนว่า มีพฤติกรรมทุจริต ติดสินบนต่อกระบวนการยุติธรรม และถูกนำเรื่องเข้าสู่สภาทนายความให้ลบชื่อจากการเป็นทนายความ

ดังนั้นจึงเป็นกรณีที่ชัดแจ้งว่า ไม่มีความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์ และยังมีพฤติการณ์ฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง

ส่วนกรณี เศรษฐา สว. ชี้ว่า เป็นกรณีสืบเนื่องกัน เพราะมีประเด็นทักท้วงต่อการแต่งตั้ง พิชิต ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี แล้วแต่ทำไมนายกฯ ยังนำชื่อขึ้นกราบบังคมทูลฯ เพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งอีก จึงถือเป็นความรับผิดชอบของนายกฯ

เล่นเอาหวาดเสียวตั้งแต่พรรคเพื่อไทยจนถึงนายกรัฐมนตรีเพราะการปล่อยพลังของ สว. ช่วงโค้งสุดท้ายนี้เล่นเอาสะเทือนจากสภาถึงทำเนียบรัฐบาล

 

บรรยากาศประชุม ครม. ก่อนวันพิพากษานายกฯ

แต่กระนั้นบรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาลก็อยู่ในสภาวะปกติ ไม่ว่าจะเป็นการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐา นายกรัฐมนตรีก็นำทีมประชุมโดยปกติ ยิ้มร่าเริง และได้เปิดเผยกับนักข่าวจะไม่ไปฟังคำตัดสินด้วยตนเอง แต่มอบหมายให้เลขาธิการนายกฯ ไปฟังแทน

เป็นสภาวะที่สบายใจโดยไร้ความกังวลของฝ่ายรัฐบาลอย่างเห็นได้ชัด

วิษณุชี้ช่องกลับมาได้ หากเป็นรักษาการมีอำนาจเต็ม

ในเวลาต่อมานั้น วิษณุ กล่าวว่า ชี้ให้เห็นว่าเศรษฐา ยังสามารถทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี รักษาการ และปฏิบัติหน้าที่ได้ และนายกฯ ก็สามารถ มอบรักษาการนายกฯ ให้รองนายกรัฐมนตรีทำหน้าที่ได้ตามลำดับได้ หรือแม้กระทั่งรักาาการนายกรัฐมนตรียังคงมีอำนาจเต็มรวมถึงการยุบสภา

สะท้อนให้เห็นว่าอำนาจบริหารรัฐบาลที่มีเพื่อไทยเป็นหัวเรือใหญ่ยังคงอาจได้ไปต่อ ถึงแม้จะไม่มี นายกฯ ชื่อ เศรษฐา แต่ยังคงมีขุมพลังเพื่อไทยเป็นฝ่ายนำเช่นเดิม

คำกล่าวย้ำของ วิษณุ ยังเปิดช่องให้เห็นว่า เศรษฐา สามารถกลับมาเป็นแคนดิเดตนายกฯ ได้แต่ต้องฟังคำวินิจฉัย นายกฯ พ้นจากตำแหน่งไปด้วยเหตุตามมาตราใด

ทำให้เห็นได้ว่าจังหวะก้าวของเพื่อไทย ณ ขณะนี้ยังคงเข้มแข็งอยู่ และยังมีช่องทางในการกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี รวมถึงเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้อีกครั้ง

เห็นได้ว่าสัญญาณของพรรคเพื่อไทยในการเป็นรัฐบาล ณ ขณะนี้ยังคงเป็นสัญญาณบวกอยู่ทำให้เกิดความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่าอย่างไรเก้าอี้นายกฯ ยังไม่โดนสั่นคลอน

บวกกับวันที่ 16 สิงหาคม นายกฯ ยังมีหมายงานอีกพรึบสะท้อนถึงความมั่นใจของ เศรษฐา ว่าจะรักษาเก้าอี้ไว้ได้

เป็นสัญญาณชัดแล้วว่ายังคงได้ไปต่อยังไม่ถึงขั้นหล่นจากทำเนียบรัฐบาลเร็วๆ นี้

อ้างอิง

BBC

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• 84 วัน สู่คำพิพากษา "เศรษฐา ทวีสิน" การเมืองไทยไปไหนต่อ?
• "เศรษฐา" ตอบกระทู้ "ศิริกัญญา" แถลงชัดทุกคำถาม "ดิจิทัลวอลเล็ต" 24 ก.ค.นี้
• ผลสำรวจ "นิด้าโพล" ชี้ประชาชนหนุน "พิธา" นั่งนายกฯ ส่วน "เศรษฐา" ร่วงที่ 3