svasdssvasds

ก้าวไกลเปิด 9 ข้อต่อสู้คดียุบพรรค มั่นใจใช้คดีเก่ามาตัดสินคดีใหม่ไม่ได้

ก้าวไกลเปิด 9 ข้อต่อสู้คดียุบพรรค มั่นใจใช้คดีเก่ามาตัดสินคดีใหม่ไม่ได้

พิธา เปิด 9 ข้อต่อสู่คดี "ยุบพรรคก้าวไกล" ย้ำไม่มีเจตนาล้มล้าง-เป็นปฏิปักษ์การปกครอง ชี้ศาล รธน.ไม่มีอำนาจพิจารณาคดี- กกต.ทำผิดระเบียบตัวเอง ไม่สามารถนำคำวินิจฉัยคดีล้มล้างมาใช้ยุบพรรคได้เพราะน้ำหนักโทษต่างกันมาก

SHORT CUT

  • พิธา แถลง 9 ข้อต่อสู้ คดียุบพรรคก้าวไกล ย้ำเป็นการเสนอข้อเท็จจริง ไม่ใช่การชี้นำสังคม
  • ยืนยัน กกต.ทำผิดระเบียบในการยื่นร้องต่อศาล และ ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีขอบเขตอำนาจยุบพรรคการเมือง
  • พิธา ชี้ ไม่สามารถนำคำวินิจฉัยอื่นที่มีข้อหาต่างกันและอัตราโทษต่างกันมากมาประกอบกันได้ และคดียุบพรรคต้องถูกพิสูจน์จนสิ้นข้อสงสัย

พิธา เปิด 9 ข้อต่อสู่คดี "ยุบพรรคก้าวไกล" ย้ำไม่มีเจตนาล้มล้าง-เป็นปฏิปักษ์การปกครอง ชี้ศาล รธน.ไม่มีอำนาจพิจารณาคดี- กกต.ทำผิดระเบียบตัวเอง ไม่สามารถนำคำวินิจฉัยคดีล้มล้างมาใช้ยุบพรรคได้เพราะน้ำหนักโทษต่างกันมาก

วันนี้ (9 มิ.ย. 67) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.แบบบัญชีรายชื่อ ในฐานะประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลง 9 ข้อต่อสู้ในคดีการยุบพรรคก้าวไกล ว่า ตนเองจะนำเสนอข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายของคดี ที่สอดคล้องกับข้อกังวลของศาลรัฐธรรมนูญที่ไม่อยากให้แสดงความเห็นที่จะชี้นำสังคม ได้แก่

ก้าวไกลเปิด 9 ข้อต่อสู้คดียุบพรรค มั่นใจใช้คดีเก่ามาตัดสินคดีใหม่ไม่ได้

1.ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีเขตอำนาจพิจารณาวินิจฉัยในคดีนี้

เนื่องจาก ตามมาตรา 210 ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจหน้าที่ พิจารณาวินิจฉัยความชอบด้วยรัฐธรรมนูญของกฎหมาย หรือร่างกฎหมาย, พิจารณาวินิจฉัยปัญหาเกี่ยวกับหน้าที่และอำนาจของสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา รัฐสภา คณะรัฐมนตรี หรือองค์กรอิสระ และมีหน้าที่และอำนาจอื่นตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งหน้าที่อื่นนั้นต้องเป็นไปตาม พรบ.วิธีพิจารณาความศาลรัฐธรรมนูญ มิใช่บ่อเกิดแห่งอำนาจในการยุบพรรค

2.กระบวนการยื่นคำร้องของ กกต. ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

เนื่องจากผู้ถูกร้องไม่มีโอกาสรับทราบ โต้แย้ง หรือแสดงพยานหลักฐานของตน ขัดต่อระเบียบ กกต.ปี 2566  มาตรา 93 และ พรรคก้าวไกลเป็นพรรคแรกที่ถูกร้องยุบพรรคใต้ระเบียบนี้ จึงมิอาจเปรียบเทียบกับกรณีพรรคอื่น เช่น พรรคอนาคตใหม่ พรรคไทยรักไทย ได้

 

3.คำวินิจฉัยเมื่อ 31 ม.ค. 67 คดีนโยบายแก้ 112 เป็นการล้มล้างการปกครอง ไม่ผูกพันการวินิจฉัยคดีนี้

เนื่องจาก เป็นคนละคดีกัน หากการวินิจฉัยจะผูกพันต่อเนื่องกัน จะต้องเป็นข้อหาเดียวกันและระดับโทษใกล้เคียงกัน ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าต่างจุดประสงค์ และต่างข้อกฎหมาย โทษยุบพรรคเปรียบเหมือนโทษอาญา ต้องพิสูจน์จนสิ้นสงสัย

 

4.การกระทำที่ถูกกล่าวหาไม่ใช่การล้มล้าง ไม่อาจปฏิปักษ์

เช่น การแก้ไขกฎหมายก็สามารถถูกยับยั้งได้ในกระบวนการรัฐสภา

ก้าวไกลเปิด 9 ข้อต่อสู้คดียุบพรรค มั่นใจใช้คดีเก่ามาตัดสินคดีใหม่ไม่ได้

5.การกระทำตามคำวินิจฉัยเมื่อ 31 ม.ค. 67 ไม่ได้เป็นมติพรรค

เช่น การไปเป็นนายประกันในคดีอาญา หรือการที่ สส.ถูกดำเนินคดี ม.112 ล้วนเป็นการกระทำในฐานะปัจเจคบุคคล

6.โทษยุบพรรค ต้องเป็นมาตรการสุดท้ายเมื่อจำเป็นฉุกเฉินฉับพลัน

และไม่มีวิธีแก้ไขอื่น พร้อมย้ำว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจเฉพาะ 3 ข้อ เท่านั้น ส่วนที่เหลือเป็นกฎหมายรอง ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจตัดสินคดีนี้ นายพิธา กล่าวว่า การสั่งยุบพรรคเกิดขึ้นได้แต่ต้องเป็นตามหลักประชาธิปไตย โดยยกคำวินิจฉัยกรณีเมื่อปี 2017 ของพรรคการเมืองเยอรมัน เคยแสดงออกด้วยอุดมการณ์นาซี และศาลตัดสินล้มล้างแต่ไม่ยุบพรรค เพราะไม่มีหลักฐานเป็นรูปธรรม ที่พิสูจน์ได้ว่ามีโอกาสจะประสบความสำเร็จ หรือจะส่งผลต่อการยุบพรรคได้

 

7. ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจตัดสิทธิ์กรรมการบริหารพรรค

ก้าวไกลเปิด 9 ข้อต่อสู้คดียุบพรรค มั่นใจใช้คดีเก่ามาตัดสินคดีใหม่ไม่ได้

8.จำนวนปีในการตัดสิทธิ์ทางการเมือง ต้องได้สัดส่วนกับความผิด

 

9.การพิจารณาโทษต้องสอดคล้องกับชุดกรรมการบริหารในช่วงที่ถูกกล่าวหา

เพราะในกรณีนี้ กกต.ยื่นให้ตัดสิทธิ์ กก.บห.ถึง 3 ชุด ไม่เป็นธรรม

related