SHORT CUT
วิเคราะห์เส้นทางหักหลังกัญ(ชิน)ชา หรือว่าเพื่อประชาชน ? จับชีพจรเพื่อไทยหักภูมิใจไทยสะเทือนตั้งแต่ทำเนียบจนถึงภูเก็ต
โอ้เธอเจ็บจี๊ดเรียกได้ว่าเป็นดราม่าการเมืองเขย่ารัฐบาลพี่นิดก็ว่าได้ ตั้งแต่ปม ปรับ ครม. ที่สะท้านแผ่นดิน จนอดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทระทรวงการต่างประเทศอย่าง ปานปรีย์ พหิทธานุกร และรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กฤษฎา จีนะวิจารณะ ลาออก และยังมีดราม่าต่อเรื่อยมา
ความวัวยังไม่ทันหายความควายเข้ามาแทรก เมื่อนายกรัฐมนตรีเตรียมเอายาเสพติด 1 เม็ดกลับมาให้ผิดกฎหมาย และยังเตรียมทำให้กัญชาเป็นยาเสพติดอีกครั้ง คราวนี้ร้อนไปถึงภูมิใจไทยที่ชู “เสรีกัญชา” เป็นนโยบายชูโรง ออกมาโวยว่าถูกหักหลัง ก่อนที่จะยุติรอยร้าวด้วยการโพสต์ข้อความทาง X ของนายกฯ ขอบคุณ “อนุทิน” ที่สนับสนุนการทำงานเพื่อดูแลความเดือดร้อนของประชาชน
SPRiNG พาไปย้อนชมดราม่า จากหักหลังกัญ(ชิน)ชา หรือว่าเพื่อประชาชน
ย้อนไปเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เรียกประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหายาเสพติด โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข พล.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ตัวแทนฝ่ายความมั่นคง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมเรื่องปัญหาความไม่ชัดเจนของกฎหมายเรื่องปริมาณยาบ้า และความผิด ทำให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานมีหลักเกณฑ์ไม่ชัดเจนในการจับผู้เสพผู้ค้า
โดยนายกฯ เตรียมขอให้กระทรวงสาธารณสุขแก้ไขกฎกระทรวง กำหนดปริมาณที่ให้สันนิษฐานว่ามีไว้ในครอบครองเพื่อเสพ โดยปรับลดให้เหลือ 1 เม็ด แทนที่จะเขียนว่าปริมาณเล็กน้อย เพื่อเป็นหลักการให้ผู้ปฏิบัติงานสามารถทำตามได้ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย และขอให้สื่อสารให้ชัดเจน ส่วนเรื่องกัญชา ขอให้กระทรวงสาธารณสุขแก้ไขประกาศกระทรวง โดยดึงกัญชากลับไปเป็นยาเสพติดประเภท 5 และเร่งออกกฎกระทรวงอนุญาตให้ใช้เพื่อวัตถุประสงค์ด้านการแพทย์และสุขภาพเท่านั้น
แต่พอถูกนักข่าวจี้ถามว่าจะกระทบกับพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ ทำเอานายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ฉุนควันออกหู สวนกลับนักข่าวว่า “ทำไมคำถามที่ถาม ถึงถามว่าทำไมกระทบกับพรรค ทำไมไม่ถามว่าอะไรที่กระทบกับพี่น้องประชาชนเป็นหลัก ผมเชื่อว่าทั้งพรรคภูมิใจไทย พรรคเพื่อไทย หรือคณะรัฐบาล เราตัดสินใจทำอะไร เราตัดสินใจทำเพื่อประชาชน”
สารนี้ส่งไปถึงเสี่ยหนู มท.1 แห่งพรรคภูมิใจไทยที่กำลังตรวจราชการ ณ ภูเก็ต โดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรี และกระทรวงสาธารณสุข เตรียมจะนำกัญชากลับไปเป็นยาเสพติด ว่า ทางกระทรวงสาธารณสุขต้องไปหาข้อมูลมา เพราะที่ผ่านมาการประกาศให้กัญชาเป็นยาเสพติด หรือพ้นจากการป็นยาเสพติด เป็นการประกาศโดยคณะกรรมการป้องกันและปราบยาเสพติดแห่งชาติชุดใหญ่
โดยก่อนที่จะมาถึงตรงนั้น ก็มีคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดที่ปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธานอยู่ ซึ่งตอนที่ปลดกัญชาก็มีความชัดเจนว่าเหตุใดถึงปลดได้ แต่ปัญหาของมันตอนนี้ คือกฎหมายไม่มี เราเคยเสนอกฎหมายเข้าไป ผ่านวาระแรกแล้ว แต่หลังจากนั้นก็ไม่ผ่านวาระสอง ซึ่งตนมองว่าเป็นเรื่องของการเมืองไม่ใช่เรื่องของเหตุผล
"เราต้องยืนยันเจตนารมณ์ต่อไปว่ามันพิสูจน์ได้ วิทยาศาสตร์ ไม่ใช้อารมณ์ใช้ความรู้สึก และนโยบายต่างๆ ก็ต้องมีข้อมูลมาสนับสนุน ตรงนี้ไม่กังวลและที่ผ่านมาก็อยู่ในนโยบายรัฐบาล ที่แถลงต่อรัฐสภาจึงเป็นหน้าที่ของกระทรวงสาธารณสุขและคณะกรรมการป้องกันและปราบยาเสพติดแห่งชาติ วันนี้ผมย้ายมากระทรวงมหาดไทยแล้ว แต่ก็เป็นคณะกรรมการด้วย เราก็ต้องให้ข้อมูลในส่วนของเรา ส่วนจากมติจะออกมาอย่างไร ก็เป็นไปตามกฏหมาย"
เราก็เดินหน้าตามนโยบายที่ให้สัญญาไว้ทุกอย่าง มีการปลดกัญชาจากยาเสพติดเรียบร้อย แต่พอมาถึงรัฐบาลนี้ พรรคภูมิใจไทย เสียงไม่พอที่จะเข้าไปกำกับดูแลกระทรวงสาธารณสุข อนุทินย้ำว่า ตอนนี้เราไม่ได้บอกว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย แต่เราจะยืนยันในข้อมูลที่เรามี หากใครมีข้อมูลที่ดีกว่าก็มาหักล้าง
“เราก็ทำทุกอย่างเช่นเดียวกับกฎหมายที่เราส่งเข้าสภา แต่เราก็ถูกหักหลัง คนที่รับโทษก็คือประชาชนไม่ใช่ พรรคภูมิใจไทย”
เล่นเอาเรื่องนี้สะเทือนจากทำเนียบถึงภูเก็ตก็ว่าได้ เพราะเสี่ยหนูกัญชา เจ้าของนโยบายก็แอบไม่พอใจเล็กน้อยจากเรื่องนี้
ที่ จ.กาญจนบุรี โดยผู้สื่อข่าวสอบถาม นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ว่าได้พบกับนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทยแล้ว ได้มีการพูดคุยเรื่องกัญชาทางการแพทย์แล้วบ้างหรือยัง ว่า ยังไม่ได้พูดคุยแต่ไม่มีปัญหาตามที่ออกข่าวไป มันมีรายละเอียดที่ต้องทำกันอีกพอสมควรเหมือนกัน และทุกภาคส่วนมีสิทธิ์มีเสียงในการพูด ซึ่งตนและนายอนุทินเห็นตรงกันว่า ความจริงแล้วพี่น้องประชาชนสำคัญที่สุด
แบบนี้ก็มีหนาวเล่นเอาผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนมาอ้างถึงเรื่องกัญชา ต้องไตร่ตรองกันดูครับว่าเป็นอย่างไร
หลังจากนั้นไม่นานท่าทีของเสี่ยหนูกัญชาก็อ่อนลง เรื่องได้ว่าปมของนิทานเรื่องนี้กำลังจะจบลงด้วย Happy Ending
นายอนุทินยืนยันว่า เรื่องนี้จะไม่มีผลต่อการร่วมงานในรัฐบาล และขออย่านำประเด็นกัญชามาเป็นเรื่องทางการเมือง รวมถึงย้ำว่าประเด็นดังกล่าวเป็นนโยบายของรัฐบาลที่แถลงต่อสภาย้ำว่าจะไม่ต่อต้าน หรือเป็นคลื่นใต้น้ำ เพราะมาอยู่กระทรวงมหาดไทยแล้ว ส่วนจะชดเชยผู้เสียผลประโยชน์ในการลงทุนไปแล้วอย่างไรนั้น ขอให้ใจเย็นๆ เพราะนายกรัฐมนตรีก็ได้ให้กระทรวงสาธารณสุขไปศึกษาก่อน และจากนี้ไปควรไปถามกระทรวงสาธารณสุข โดยยึดประโยชน์ของประชาชน ทั้งจากผู้ที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วย
และมีประโยคสุดท้ายที่สอดรับกับพี่นิด ว่าจะยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้งอีกแล้วครับนาย
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านแอพพลิเคชั่น X ขอบคุณนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) หลังให้สัมภาษณ์ ถึงการนำกัญชากลับมาเป็นยาเสพติดว่า ไม่ทำให้เกิดความขัดแย้งในพรรคร่วมรัฐบาล ชี้ นายกฯ พูดไม่ผิดเพราะทุกฝ่ายต้องทำเพื่อประชาชน ยอมรับคุย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข อาจต้องรื้อรายงานประชุมเดิมเหตุเคยลงมติหนุนปลดล็อกร่วมกัน ยันถ้าเปลี่ยนแปลงต้องคำนึงทุกฝ่าย
พูดง่ายๆ เรื่องนี้จบสวยรวบกระเช้ากันเลยทีเดียว
คำถามที่ตามมาคือประชาชนได้อะไรจากสิ่งนี้เพราะภายหลังที่มีเรื่องดราม่าพวกนี้ออกมาเล่นเอาผู้ค้า ผู้ที่ลงทะเบียนปลูกกัญชานั่งไม่ติดกันเลยทีเดียว
เพราะทั้งเอกชน เกษตรกร และกลุ่มวิสาหกิจชุมชนหลายแห่งก็ลงทุนลงแรงกันไปแล้ว เกิดความสับสนว่าจะเดินหน้าธุรกิจต่อไปอย่างไร สับสนว่าจะทำผิดกฎหมายหรือเปล่า ถึงดราม่าระหว่างคนการเมืองจะจบลงแล้ว แต่ควรตั้งคำถามว่าประชาชนที่ลงทุนกับเรื่องนี้ไปแล้วจะทำอย่างไรในอนาคต และพวกเขาจะได้รับการเยียวยาหรือเปล่า?
อ้าวหนังกำลังเปลี่ยนไปคนละม้วนแล้วครับท่านผู้ชม
อ้างอิง
กรุงเทพธุรกิจ1 / กรุงเทพธุรกิจ2 / กรุงเทพธุรกิจ3 / Nation
ข่าวที่เกี่ยวข้อง