SHORT CUT
5 เรื่องที่คุณ (อาจ) ไม่รู้เกี่ยวกับ “ปานปรีย์ พหิทธานุกร” ครบจบที่เดียวผ่าน SPRiNG ของเรา ตั้งแต่เส้นทางการเมืองสู่เบื้องหลังบ้านจันทร์ส่องหล้า
เมื่อมีการปรับ ครม.เศรษฐา 1/1 ออกมาเล่นหลายคนหายใจได้สะดวกโยธินและมีคนผิดหวังไปตามๆ กัน
แต่ที่เรียกว่าร้อนแรงเล่นเอาเกิดแผ่นดินไหวทางการเมือง ทำเอาตั้งตัวไม่ทันคือข่าว ดร.ปานปรีย์ พหิทธานุกร ลาออกภายหลังจากมีราชกิจจานุเบกษา ออกมาแต่งตั้งเขาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และพ้นจากรองนายกรัฐมนตรี นั่งเก้าอี้กระทรวงบัวแก้วแค่ตำแหน่งเดียว
SPRiNG พาไปรู้จัก “ปานปรีย์ พหิทธานุกร” ใน 5 เรื่องที่คุณ (อาจ) ไม่รู้จักเกี่ยวกับตัวเขาก็ว่าได้ ว่าแล้วไปชมกัน
อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นหลานเขยน้าชาติ No problem เพราะเขาได้สมรสกับ ปวีณา พหิทธานุกร (สกุลเดิม หงษ์ประภาส) หลานตาของพลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ และบุตรสาวของเขาคือ ปัทมรัตน์ พหิทธานุกร สมรสกับ พสุ ลิปตพัลลภ บุตรชายของ สุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี เรียกได้ว่าอยู่ในวงจรเครือข่ายการเมืองขอกลุ่มราชครู กลุ่มที่เคยมีอิทธิพลทางการเมือง ทั้งเบื้องหน้าและหลังบ้านก็ว่าได้
หลังจบการศึกษา ดร.ปานปรีย์ ตัดสินใจก้าวสู่เส้นทางราชการ สังกัดสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้มีโอกาสได้ทำงานร่วมกับนายกรัฐมนตรีหลายคน โดยเฉพาะการมีโอกาสได้เข้าไปอยู่ในห้องประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตั้งแต่สมัย ป๋าเปรม พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ จนมาถึงสมัยรัฐบาลพ่อใหญ่จิ๋ว พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ ดร.ปานปรีย์ ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจและการต่างประเทศ
ปี พ.ศ. 2545 เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบบัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคชาติพัฒนาก่อนจะยุบรวมกับพรรคไทยรักไทย ได้ทำงานใกล้ชิดกับทั้ง ทักษิณ ชินวัตร และ คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ เรียกได้ว่าเติบโตเป็นสายตรงบ้านจันทร์ส่องหล้า ถึงขนาดเคยเป็นรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) และเคยเกือบได้เป็นหัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติอีกด้วยซ้ำไป เรียกได้ว่าไม่ธรรมดาเลยทีเดียว
โดยที่ ดร.ปานปรีย์ เกิดสิงหาคมในปี พ.ศ.2500 เกิดก่อน 1 เดือนก่อนที่จะมีเหตุการณ์ทางการเมืองครั้งสำคัญ คือเหตุการณ์ที่ จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ รัฐประหารยึดอำนาจจอมพล ป.พิบูลสงคราม ทำเอาขั้วอำนาจทางการเมืองเปลี่ยน ทำเอายุคคณะราษฎรหายไปจากการเมืองไทย
เขาเป็นบุตรของปรีชา และบุญทิวา พหิทธานุกร สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนอัสสัมชัญ (รุ่น 90) จากนั้นได้เข้าศึกษาต่อและจบปริญญาตรีที่คณะคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เขาเป็นตัวแทนเจรจาการลงทุนที่พยายามดึงนักลงทุนจากต่างประเทศข้ามาร่วมลงทุนในไทย ท่ามกลางสงครามทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกา-จีน และช่วยเหลือชาวไทยทั้งในเล้าไก่ในสงครามกลางเมืองในเมียนมา และคนไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกัน รวมถึงพาคนไทยกลับบ้าน ในสงครามอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสกลับประเทศได้อีกด้วย
เรียกได้ว่าเป็นบุคคลทำครบเครื่องทางการเมืองเลยทีเดียว ทั้งหน้าที่เครือข่ายและเส้นทางทางการเมืองแต่ทำไม ถึงได้มีดราม่าถึงขั้นลาออกได้ ต้องจับตาการเมืองต่อจากนี้ผ่าน SPRiNG กันนะครับ
ปล.แอบเพิ่มเติมให้อีกสัดนิดคือ ปานปรีย์ จบปริญญาโทด้านรัฐประศาสนศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย และปริญญาเอกด้านการบริหารจัดการภาครัฐจาก Claremont Graduate University เป็นมหาวิทยาลัยที่ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีของเรา จบปริญญาโท สาขาการเงิน มหาวิทยาลัยบัณฑิตศึกษาแคลร์มอนต์ (Claremont Graduate University) สหรัฐอเมริกา อีกด้วยไม่รู้ว่าเคยเดินชนกันหรือเปล่า ฮา
อ้างอิง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง