"จุลพันธ์" ย้ำ ไตรมาส 4 ได้เงินดิจิทัลหมื่นแน่ เปิดลงทะเบียนไตรมาส 3 ของปีนี้ ยืนยัน ธ.ก.ส.ไม่ขาดสภาพคล่อง เผย 4-5 เดือนดิจิทัลวอลเล็ตชัดทุกเรื่อง ขออย่ากังวลเรื่องแหล่งเงิน ด้าน "เผ่าภูมิ" ชี้ รัฐเตรียมระบบแอปพลิเคชั่นให้เสถียร รองรับการเปิดลงทะเบียนร้านค้าและประชาชน
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินโครงการดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ว่า ยังไม่สามารถระบุวันที่เริ่มโครงการได้อย่างชัดเจน เพราะต้องขึ้นอยู่กับการพัฒนาระบบด้วย ซึ่งได้พยายามเร่งรัดกระบวนการต่างๆให้เร็วที่สุด แต่ต้องรอบคอบ โดยเฉพาะเรื่องความเสถียรของแอปพลิเคชั่น ความมั่นคงปลอดภัยในด้านข้อมูลประชาชนและราชการ รวมถึงโครงสร้างต่างๆทางด้านการเงินจะต้องปลอดภัยด้วย
ดังนั้นการกำหนดเวลาหรือเร่งรัดมากเกินไป อาจจะเกิดปัญหาขึ้นได้ แต่ยืนยันในกรอบเดิมว่าจะมีการเปิดลงทะเบียนในไตรมาสที่ 3 และจะเปิดใช้เงินในไตรมาสที่ 4 โดยในวันนี้นายกรัฐมนตรีสั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีว่าหากมีข้อสงสัยในประเด็นใดที่เกี่ยวข้องกับข้อกฏหมายให้ดำเนินการส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาในการวินิจฉัย
ซึ่งล่าสุด ที่ประชุม ครม. เห็นชอบให้มีการส่งตีความการใช้แหล่งเงินจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส.ตามมาตรา 28 ของพระราชบัญญัติ วินัยการเงินการคลัง พ.ศ. 2561 สามารถทำได้หรือไม่ ดังนั้นจะส่งเรื่องให้คณะกรรมการกฤษฎีกาต่อไป และย้ำว่า การใช้เงินตามมาตรา 28 เป็นการดำเนินตามนโยบายกึ่งการคลัง ซึ่งเริ่มต้นในเดือนตุลาคม ดังนั้นใกล้ช่วงเวลาดังกล่าวจึงจะมีการพิจารณาและสอบถามที่ประชุมบอร์ด และนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม.อีกครั้ง ดังนั้นยังมีการดำเนินการอีกหลายอย่าง โดยเฉพาะการกำหนดรายละเอียดให้ครบถ้วน และคณะกรรมการกำกับที่ตั้งขึ้นมาก็จะไปประชุมหารือรายละเอียดต่างๆให้ครบถ้วน รวมถึงการสอบถามกฤษฎีกาเพื่อให้เกิดความกระจ่างมากขึ้น ซึ่งจะดำเนินการในช่วงเวลาอีก 4-5 เดือนนี้ด้วย
ส่วนกรณีที่ทางสหภาพ ธ.ก.ส. ชี้ว่า หากนำเงินไปใช้ในโครงการนี้ อาจทำให้ขาดสภาพคล่องได้นั้น นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ในเรื่องนี้ ธ.ก.ส.ไม่ได้สอบถามมาทางรัฐบาล และทางสหภาพก็ไม่ได้ตั้งคำถามนี้แต่อย่างใด
ทั้งนี้ตนเองได้ชี้แจง ธ.ก.ส.ไปแล้ว และทุกฝ่ายเข้าใจตรงกันดี ซึ่งสหภาพก็พร้อมเดินหน้านโยบายนี้ เพราะเป็นประโยชน์กับเกษตรกร แต่สหภาพก็ห่วงมากที่สุดในเรื่องของกรอบอำนาจหน้าที่ ซึ่งรัฐบาลได้ส่งเรื่องไปสิบถามกฤษฎีกา เพื่อให้ทุกฝ่ายสบายใจ และย้ำว่าขณะนี้ ธ.ก.ส. มีสภาพคล่องที่มั่นคง ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลถือหุ้น 100% และรัฐมีแต่จะเสริมความแข็งแกร่งให้กับ ธ.ก.ส. และสิ่งที่ตนเองได้ชี้แจงต่อสหภาพฯมี 3 ประเด็น คือ
อย่างไรก็ตามมีการพูดคุยเรื่องการเพิ่มทุนให้กับ ธ.ก.ส. เช่น เติม 1 บาท จะได้ 11 บาท โดย 1 บาทนี้ จะเกิดวงเงินเป็นสินเชื่อให้กับเกษตรกร 11 บาท ดังนั้นเป็นการเติมความแข็งแกร่งให้ ธ.ก.ส.ซึ่งรัฐบาลกำลังพิจารณา ส่วนจะเป็นเงินเท่าใดและเมื่อใดนั้น จะมีการประชุมพิจารณากันอีกครั้ง เพื่อให้ได้ข้อสรุป และย้ำว่า ธ.ก.ส.มีสภาพคล่องเพียงพอ พร้อมยืนยันว่าประชาชนทุกกลุ่มจะใช้เงินได้พร้อมกัน เนื่องจากต้องการให้เกิดผลทางเศรษฐกิจ เมื่อเงินลงไปทีเดียวจะเกิดการหมุนเวียนทางการเงิน มีการลงทุนและการจ้างงาน ซึ่งรัฐบาลต้องการผลลัพธ์ในส่วนนี้ ส่วนการตีความข้อกฏหมายต่างๆ รัฐบาลมองว่าไม่ใช่ปัญหาใหญ่ และถึงเวลานั้นจะดำเนินการตามที่ได้กำหนดไว้
ด้านนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ยืนยันว่าตัวระบบ แอปพลิเคชั่น ไม่ได้มีปัญหา แบ่งเป็น 2 ระบบคือระบบลงทะเบียน และระบบ transaction ที่เชื่อมต่อหลายภาคส่วน เพื่อสะดวกต่อการจะเปิดให้ลงทะเบียนภายในไตรมาส 3 ของปีนี้ และประชาชนจะได้เงินไตรมาส 4 ตามกรอบเวลาที่กำหนด ส่วนรายละเอียดและข้อมูลทางแอปพลิเคชั่น อยู่ระหว่างดำเนินการ เมื่อได้ข้อสรุปจะมีการแถลงเป็นทางการอีกครั้ง ทั้งนี้ยืนยันสิ่งที่รัฐบาลทำถูกต้องตามกฎหมายทุกประการมีการตรวจสอบการละเอียดอย่างรอบคอบ ทั้งในส่วนของอำนาจหน้าที่และการได้มาของงบประมาณ ดังนั้นจะชี้แจงรายละเอียดทั้งหมดเมื่อได้ข้อสรุป เพื่อประโยชน์ทางเศรษฐกิจของประเทศ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง