SHORT CUT
"จุรินทร์" อภิปรายเฉียด "ทักษิณ" ทำ สส.เพื่อไทย ประท้วงลั่นใช้ภาพคนนอก ทั้งที่เป็นภาพ "เศรษฐา" ด้าน "ศิริกัญญา" เหน็บรัฐบาลเปลี่ยนแหล่งเงินดิจิทัลหมื่นบาทไปมา กองเชียร์เหนื่อยจะแบก "จุลพันธ์" ขอแถลงชัด 10 เม.ย. ด้านนายกฯ เหน็บอย่าเป็นฝ่ายค้านโลกงง จ้องขอร่วมรัฐบาล
วันที่ 3 เมษายน 2567 เวลา 10.15 น. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ เป็นผู้อภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติรัฐบาลเป็นคิวที่สอง ต่อจากนายชัยธวัช ตุลาธน ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวถึงปัญหาทางการเมืองที่รัฐบาลชุดนี้ไม่สามารถก้าวข้ามผู้อวดบารมีทางการเมือง โดยเฉพาะคนแรกที่ก้าวไม่พ้นคือนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่นายกฯ ถึงกับลงทุนนั่งรถประจำตำแหน่งไปสโลซบถึงบ้าน พร้อมพูดด้วยว่าเปิดโอกาสให้รัฐมนตรีเข้าเยี่ยมคารวะ โดยในจังหวะนั้น นายจุรินทร์ เปิดภาพนายเศรษฐา นั่งอยู่บนรถประจำตำแหน่งในวันที่เดินทางไปเยี่ยมนายทักษิณ ชินวัตร ที่บ้านจันทร์ส่องหล้าและให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนหลังเข้าเยี่ยม โดยภาพดังกล่าวไม่ปรากฏภาพของบ้านจันทร์ส่องหล้า ภาพบุคคลภายนอก และไม่มีการเอ่ยชื่อนายทักษิณแต่อย่างใด
ทำให้ นายไชยวัฒนา ติณรัตน์ สส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ขึ้นประท้วงทันทีว่าผู้อภิปรายทำผิดข้อบังคับ เป็นการเปิดภาพบุคคลภายนอกอย่างชัดเจน เป็นการผิดข้อบังคับการประชุมข้อที่ 61 จากนั้นนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯวินิจฉัยว่า นายจุรินทร์ยังอภิปรายไม่เกินกรอบเนื้อหา จากนั้นนายพิทักษ์เดช เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ประท้วงนายไชยวัฒนาว่า "นายกฯ ของพรรคตัวเองยังจำไม่ได้" แต่นายวันมูหะมัดนอร์ปิดไมค์ พร้อมบอกว่าเป็นเรื่องที่ตนวินิจฉัยแล้ว ทำให้นายรังสิมันต์ โรม สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ประท้วงประธานฯ ไม่ควบคุมการประชุม และระบุว่าผู้ประท้วง (นายไชยวัฒนา) เข้าใจผิดว่านายกฯ (นายเศรษฐา) เป็นบุคคลภายนอก ผู้ประท้วงต้องถอน ทำให้ประธานในที่ประชุมปิดไมค์อีกครั้งและย้ำว่าตนได้วินิจฉัยไปแล้ว และเปิดให้นายจุรินทร์ได้กล่าวอภิปรายตามเนื้อหาต่อไป
นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า อีกปัญหาทางการเมืองที่รัฐบาลเผชิญ คือการไม่เชื่อมั่นและด้อยค่านายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ ทำให้คนคิดว่าไม่มีนายกฯ คนเดียว ยังมีนายกฯใหญ่ และนายกฯ เล็ก ทำให้รัฐบาลนี้ดูเป็นรัฐบาลหุ่น นายกฯ จึงดูหงุดหงิดทุกครั้งที่ถูกถามคำถามนี้เพราะเป็นการดิสเครดิต กระทบต่อการบริหารราชการแผ่นดิน ไม่รู้ใครใหญ่กันแน่ในรัฐบาล และนายจุรินทร์ยังกล่าวว่า การที่คนหนึ่งได้อำนาจแล้วทำให้อีกคนหนึ่งได้รับอภิสิทธิ์จากการใช้อำนาจอาจทำให้รู้สึกยุติธรรมสำหรับคนสองคน แต่ไม่ยุติธรรมกับหลักนิติธรรมของประเทศ ทำให้ ทพญ.ศรีญาดา ปาลิมาพันธ์ สส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ประท้วงให้อภิปรายอยู่ในญัตติการประชุม แต่ประธานฯ วินิจฉัยว่าเนื้อหายังอยู่ในญัตติ
นอกจากนี้นายจุรินทร์ ยังกล่าวถามว่า การแก้ไขระเบียบกรมราชทัณฑ์ให้ไปติดคุกที่บ้านได้ จะรวมคดีทุจริต คดี ม.157 ที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือจะมีการนิรโทษกรรมนักโทษในคดีทุจริตหรือไม่ เพราะเท่ากับรัฐบาลจะส่งเสริมการทุจริตในมุมกลับ อาจทำให้ไทยเกิดวิกฤตจากการเกิดนักโทษเทวดาตัวใหม่ และการใช้อภิสิทธิจากการได้อำนาจไม่ยุติธรรมต่อหลักนิติธรรมของประเทศด้วย
ทั้งนี้เป็นที่น่าจับตาว่า การประท้วงในช่วงเช้าวันนี้ของ สส.พรรคร่วมรัฐบาล ทั้ง 2 ครั้ง เป็นการประท้วงในขณะที่ผู้อภิปรายกล่าวถึงผู้มากบารมีทางการเมืองโดยไม่มีการกล่าวชื่อบุคคลใด แต่เป็นการยกพฤติการณ์ที่อาจทำให้คิดได้ว่าหมายถึงกรณีของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จึงทำให้ต้องจับตาว่า องครักษ์พิทักษ์รัฐบาลเศรษฐา หรือ องครักษ์พิทักษ์บุคคคลนอกรัฐบาลเศรษฐา จะมีมากกว่ากัน
นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงการบริหารประเทศ 6 เดือนของรัฐบาล มีผลงานน้อย โดยเฉพาะการกระตุ้น และฟื้นฟูเศรษฐกิจ จึงตั้งข้อสงสัยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีฯ เป็นนายกรัฐมนตรีเพียงพาร์ทไทม์หรือไม่ และอีกส่วนหนึ่งของนายกรัฐมนตรี ไปทำหน้าที่เป็นเซลแมน พร้อมอภิปรายถึงนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต ที่รัฐบาลมีการเปลี่ยนแปลงแก้ไขรายละเอียด และมีปัญหาความสับสนมาโดยตลอด โดยเฉพาะแหล่งที่มาของเงิน ที่มีการเปลี่ยนแปลง 5-6 ครั้ง ทั้งการใช้งบประมาณแผ่นดิน, การกู้ธนาคารออมสิน, การสร้างงบผูกพัน, การใช้งบประมาณแผ่นดิน และเงินกู้, และการใช้เงินกู้ 100% รวมถึงการใช้งบกลางปี 67 ควบคู่กับการเบ่งงบปี 68 และกู้จากธนาคาร ธกส. ซึ่งเป็นวิธีที่พิสดาร
.
นางสาวศิริกัญญา ยังระบุว่า จากความเละเทะจากการเปลี่ยนเงินทุน คุณสมบัติ และช่องทางการแจกเงินนั้น รัฐบาลมีประสบการณ์การบริหารประเทศจริงหรือไม่ เพราะการเปลี่ยนแปลงไปมา ไม่มีการเตรียมความพร้อมใด ๆ จนเกิดความเสียหาย เพราะโมเมนตัม หรือ พายุหมุนทางเศรษฐกิจไม่เกิด และไม่ได้รับความเชื่อมั่นจากประชาชน จึงอยากเรียกร้องรัฐบาลเรียกความเชื่อมั่น กลับคืนมาในระบบเศรษฐกิจได้แล้ว เพราะหลายนโยบายนิ่งสนิทไปแล้ว และยังไม่มั่นใจว่า นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต จะสามารถออกมาได้ทันในไตรมาส 4 หรือไม่
“ความสับสนอลหม่านแบบนี้ แม้แต่กองเชียร์ก็ยังเหนื่อยที่จะแบกเลย ดิฉันตกใจว่าทำไมถึงกล้าออกนโยบายแบบนี้มาได้ และการที่ต้องเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเยอะขนาดนี้ ยิ่งแสดงว่าไม่ได้มีการเตรียมความพร้อมใดๆ มาตั้งแต่เริ่มต้น ถึงต้องขายผ้าเอาหน้ารอดไปวันๆ แบบนี้ แล้วท่านก็ขยันแถลงมาก เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้าอาทิตย์เดียว แถลงไปถึง 2 ครั้งโดยที่ไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจน” นางสาวศิริกัญญา กล่าว
ขณะที่ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ชี้แจงย้ำถึงความคืบหน้าการดำเนินนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทว่า แม้มีการเปลี่ยนแปลงตลอด แต่ไม่ได้ถึง 5 หรือ 6 ครั้งอย่างที่กล่าวหา พร้อมยอมรับว่า แม้มีการเปลี่ยนแปลง แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงตามกรอบของกฎหมาย เพื่อให้นโยบายเดินหน้าต่อไปได้
นายจุลพันธ์ ยังขอร้องให้ลดการคาดเดาต่าง ๆ เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน เพราะวันที่ 10 เมษายนนี้ จะมีการประชุม และแถลงความชัดเจนอีกครั้ง แต่ขณะนี้ ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เพราะต้องรอมติจากคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet มีมติก่อน และที่ผ่านมารัฐบาลได้รับฟังข้อเสนอแนะจากทุกฝ่ายเพื่อให้ได้ผลสรุปที่ดีที่สุด และเชื่อมั่นว่าภายในปีนี้กลไกทั้งหมด ทั้งตัวเงิน รายละเอียดโครงการรวมถึง application จะสามารถมีความพร้อมที่จะเติมเงิน 10,000 บาทให้กับประชาชน ภายในไตรมาสสุดท้ายของปี จึงขอให้รอฟังอย่าไปคาดเดาเพราะอาจจะเกิดความสับสน
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นชี้แจงตอนที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเป็นครั้งที่ 2 ยืนยันว่าเรื่องของการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ ทุกครั้งที่บินออกไปต่างประเทศ เป็นการเปิดโอกาสสร้างการลงทุนกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งตนมั่นใจว่าจะมีผลจะตามมา “ไม่มีหรอกครับที่นายกฯ จะบินไปเหมือนแมลงวัน ขณะเดียวกันก็ไม่อยากเห็นฝ่ายค้านเป็นแมลงหวี่ คอยจ้องแต่จะเล่นการเมือง” ทั้งที่รัฐบาลกำลังเดินหน้าอย่างเต็มที่ ขับเคลื่อนนโยบายต่างๆเพื่อเป็นประโยชน์ต่อประชาชน
“ที่ท่านบอกมาว่า รมว.คลัง ซึ่งผมก็เป็นรัฐมนตรี เป็นรัฐมนตรีคลังที่โลกเซ็ง ผมคิดว่าไม่จริงหรอกครับ เพราะว่าการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆของผม ผมมั่นใจครับ ผมเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังที่แก้จนให้กับพี่น้องประชาชน แต่ผมขอฝากไว้นิดนึงก็แล้วกัน ว่าท่านอย่าเป็นฝ่ายค้านที่ทำให้โลกงงแล้วกัน วันหนึ่งก็จะเป็นฝ่ายค้าน อีกวันหนึ่งก็มีข่าวจะขอเข้าร่วมรัฐบาล ผมกลัวว่าพี่น้องประชาชนจะงงมากกว่า”
ทั้งนี้นายกฯ ยังได้ชี้แจงตอบข้อซักถามของสภาฯ ทั้งประเด็นการลงทุน การกระตุ้นเศรษฐกิจ นโยบายศูนย์กลางการท่องเที่ยว ปัญหาการว่างงาน ปัญหายางพาราเถื่อน ก่อนปิดท้ายว่า ตนยืนยันว่าจะทำต่อไป ขอขอบคุณสำหรับคำแนะนำ “ยืนยันครับ ตัวจริงเสียงจริง รัฐบาลเพื่อประชาชน”