"ชัยธวัช" กังวลคำวินิจฉัยไร้ขอบเขตจะกระทบอำนาจนิติบัญญัติ-ไทยสูญเสียโอกาส ย้อนถามพรรคที่เอารูปกษัตริย์มาใช้ช่วงหาเสียงแล้วอ้างว่าจงรักภักดี ผิดรัฐธรรมนูญหรือไม่?
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล และนายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล แถลงข่าวเป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ร่วมกับ สส. พรรค หลังศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยว่า เราไม่มีเจตนาในการเซาะกร่อน บ่อนทำลายหรือแยกสถาบันพระมหากษัตริย์ออกจากชาติ และกังวลว่าคำวินิจฉัยวันนี้จะกระทบกับการเมืองไทยระยะยาว
อำนาจของนิติบัญญัติกับศาล หรือความหมายของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข สิ่งที่เคยทำได้ในอดีต อาจกลายเป็นการล้มล้างการปกครองได้ในปัจจุบันและอนาคต และความเข้าใจในหลักเกณฑ์ที่ไม่ตรงกัน และดุลยภาพหว่างประชาธิปไตยกับพระมหากษัตริย์ในระบอบการเมือง อาจทำให้ประเทศสูญเสียโอกาสในการหาข้อยุติความขัดแย้งในรัฐสภา
สุดท้ายอาจส่งผลกระทบให้ประเด็นเรื่องพระมหากษัตริย์ กลายเป็นปมความขัดแย้งมากยิ่งขึ้นซึ่งส่งผลกระทบแก่สถาบันเสียเอง นายชัยธวัช ย้ำว่า คำวินิจฉัยวันนี้ไม่ได้ส่งผลต่อพรรคก้าวไกลเท่านั้น แต่ส่งผลต่อประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขและสิทธิเสรีภาพของทุกคน
ส่วนเรื่องการยุบพรรค นายชัยธวัชย้ำว่า ต้องรอ และประมาทไม่ได้ในทางกฎหมาย แต่ส่วนตัวยังกังวลกับคำวินิจฉัยที่ไม่มีหลักเกณฑ์ชี้ชัดแน่นอน เช่น การประกันตัวผู้ที่ถูกกล่าวหาในการกระทำผิด ม.112 กลายเป็นผู้ที่มีความผิดไปด้วยหรือไม่ จะส่งผลถึงขอบเขตหลักเกณฑ์ว่าอะไรทำได้หรือไม่ได้ อะไรล้มล้างหรือไม่ล้มล้าง
หลังจากนี้พรรคก้าวไกลจะต้องเลิกพูดเรื่องม.112 โดยสิ้นเชิงหรือไม่ และบุคคลอื่นจะแสดงความคิดเห็นต่อมาตรานี้ไม่ได้หรือไม่ และหลังจากนี้ถ้ามีการพิจารณากฎหมายของรัฐสภา ศาลรัฐธรรมนูญจะเข้ามาวินิจฉัยเมื่อไรก็ได้หรือไม่
เมื่อถามถึง สส. 44 คนที่เคยร่วมรณรงค์เรื่องการยกเลิก ม.112 จะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง นายชัยธวัช กล่าวว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้น และจะยิ่งทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นความขัดแย้งมากยิ่งขึ้น แต่ในทางกลับกันพรรคก้าวไกลพยายามทำให้ ม.112 ไม่เป็นเครื่องมือทางการเมืองและเอามาสร้างความขัดแย้ง ในทางตรงกันข้าม พรรคการเมืองอื่นๆ ที่หาเสียงด้วยการเอารูปของสถาบันพระมหากษัตริย์มาใช้ในเวทีหาเสียง และอ้างว่าจงรักภักดีจะถือว่าผิดด้วยหรือไม่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง