“มนพร” ฟาด “ศิริกัญญา” อ่านรายงาน “แลนด์บริดจ์” ผิดฉบับแล้วเอามาพูด ลั่นรัฐบาลกล้าสบตาประชาชน เล็งนำตัวแทนคนเห็นต่าง พบนายกฯ หลังจบ ครม.สัญจรวันพรุ่งนี้ "สุริยะ" ซัดฝ่ายค้านอย่าจินตนาการว่าจะเกิดขึ้นไม่ได้ หลังนายกฯ พบตปท.นักลุงทุนต่างชาติสนใจเพียบ
ท่ามกลางเสียงคัดค้านของประชาชนในพื้นที่ จ.ระนอง และ ชุมพรบางส่วน ผู้ซึ่งอาจได้รับผลกระทบ จากโครงการสะพานเศรษฐกิจภาคใต้เชื่อมฝั่งทะเลอ่าวไทย-อันดามัน หรือ “แลนด์บริดจ์” และยังมีประเด็นที่จากกรณีที่ สส.บัญชี พรรคก้าวไกล นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล เรียกร้องให้ทบทวนรายงานการศึกษา และหันมาสบตาประชาชนให้มากขึ้น เพื่อจะได้รับฟังปัญหาและเสียงสะท้อนที่แท้จริง
ล่าสุดนางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาโครงการแลนด์บริดจ์ ได้ให้ความเห็นว่า ผลการศึกษาดังกล่าว จะนำเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งสมาชิกแต่ละคน สามารถแสดงความเห็นได้อย่างกว้างขวาง หาสภาฯ ให้ความเห็นชอบ ก็ส่งต่อไปยังคณะรัฐมนตรีตามลำดับ
ส่วนความเห็นของนางสาวศิริกัญญา ที่ระบุว่า รายงานการศึกษาดังกล่าว ไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่รัฐบาลจะดำเนินการ เช่น เรื่องการวางท่อน้ำมันนั้น นางมนพร ยืนยันว่าอยู่ในการพิจารณาของคณะกรรมาธิการฯ ซึ่งนางสาวศิริกัญญาอาจไม่ได้ดูข้อมูลปัจจุบัน ไปดูผลการศึกษาในรัฐบาลชุดที่ผ่านมา
ดังนั้น การที่ตั้งคณะกรรมาธิการขึ้นมาศึกษาใหม่ ก็เพื่อต้องการความเห็นปัจจุบัน วันนี้โลกเปลี่ยนไปความต้องการของประชาชนก็เปลี่ยนไป
นางมนพร ยืนยัน รัฐบาลยินดีรับฟังทั้งความเห็นร่วมและความเห็นต่าง และไม่ใช่เพียงแค่ไปสบตาประชาชน แต่รัฐบาลยังเปิดหูเปิดตารับฟังอีกด้วย
รมช.คมนาคมย้ำว่าในการประชุมคณะรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการนอกสถานที่ (ครม.สัญจร) ที่จังหวัดระนอง มาเปิดใจรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ โดยเตรียม นำตัวแทนผู้เห็นต่าง เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อเสนอความเห็น หลังเสร็จสิ้นการประชุม ครม.สัญจร ในวันพรุ่งนี้
“เรากล้าสบตาประชาชน และ จะเปิดหูเปิดตา ในการรับฟังความเห็นทุกความเห็น” นางมนพร กล่าว
สำหรับทางออกของกลุ่มประมงพื้นบ้านที่กังวลผลกระทบต่ออาชีพ จากโครงการ “แลนด์บริดจ์” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ยอมรับว่าการเปลี่ยนแปลงย่อมส่งผลกระทบบ้าง แต่ส่วนตัวเชื่อว่าจะมีทางออก
นางมนพร กล่าวว่า แม้โครงการ “แลนด์บริดจ์” จะถูกลากมาเป็นประเด็นทางการเมือง แต่รัฐบาลก็ถือเป็นโอกาสที่ดี ที่จะได้ตอบข้อมูลทางวิชาการ และความต้องการของประชาชน เปิดกันให้เห็นว่า เมื่อโครงการนี้มาถึง ประชาชนสูญเสียอะไร ประชาชนจะได้อะไร และประเทศชาติได้อะไร
ด้านนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวภายหลังการรับฟังบรรยายสรุปโครงการแลนด์บริดจ์ MR8 จังหวัดระนอง , โครงการแนวเส้นทางเลียบชายฝั่งทะเลอันดามัน ระนอง - สตูล ว่า ในปี 2545 นาย ทักษิณ ชิณวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องการให้กระทรวงคมนาคมก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อก่อสร้างเสร็จ ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางภูมิภาคซึ่งตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้
20 ปีผ่านไปเราไม่มีโครงการใหญ่แบบนี้เลยเมื่อพิจารณาแล้ว นายกรัฐมนตรีนายเศรษฐา ทวีสิน เห็นว่า การที่ประเทศไทยจะสามารถยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของเราได้ เราจึงควรมีในกับโปรเจกต์เรื่องแลนด์บริดจ์ขึ้นมา ซึ่งโครงการแลนด์บริดจ์นี้เป็นการศึกษาจากสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) ที่มีการศึกษาออกมาอย่างชัดเจน แต่ในหลักการของโครงการทางรัฐบาล จะลงทุนในส่วนของการเวนคืน ส่วนการลงทุนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการสร้างถนนการ สร้างรางรถไฟและการก่อสร้างอื่นๆ เป็นการลงทุนของภาคเอกชนทั้งสิ้น
ดังนั้น ที่มีการตั้งคำถามในสิ่งที่ สนข.ศึกษาไว้นักลงทุนต่างประเทศจะเชื่อหรือไม่ ก็บอกได้เลยว่าหากเขาไม่เชื่อเขาก็ไม่มาลงทุน นอกจากนี้ เมื่อครั้งนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ต่างประเทศก็ได้ไปประชาสัมพันธ์ในเรื่องนี้และพบว่ามีนักลงทุนจำนวนมากที่ให้ความสนใจ
"ส่วนที่มีคำถามจาก สส.ฝ่ายค้านว่าเราจะไปหลอกนักลงทุนหรือไม่ ก็ตอบได้เลยว่านักลงทุนเราจะไปหลอกเขาได้หรือ โครงการนี้จะทำให้ GDP ของเราเพิ่มขึ้น 5-6% อีกทั้งจะมีการสร้างงานในพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 200,000 ราย ฉะนั้นตนเข้าใจว่าฝ่ายค้านไม่ได้เห็นบรรยากาศที่เราไปเจอ จึงจินตนาการไปว่ามันเกิดไม่ได้" นายสุริยะกล่าว
นายสุริยะยัง กล่าวด้วยว่า สำหรับการสร้างความเชื่อมั่น ต่อนักลงทุนที่มีการถมทะเลกว่า 12,000 ไร่นั้น ตนให้นโยบายกับสนข.ไปว่า ต้องให้ความสำคัญต่อประชาชนในพื้นที่สิ่งใดที่รับฟังมาแล้วแก้ไขได้ต้องหาวิธีแก้ไข อะไรที่คิดว่าเป็นสิ่งที่ประชาชนไม่เข้าใจก็ต้องอธิบาย ทั้งนี้หากภาคประชาชนและนักลงทุนทั้งหลายมีความเข้าใจก็จะเดินหน้าโครงการนี้ต่อไปได้
ส่วนทำไมถึงไม่การพัฒนาต่อจากท่าเรือเดิมที่มีอยู่ เพราะการเดินเรือ ผ่านช่องแคบมะละกา ใช้เวลานานและเกิดอุบัติเหตุบ่อย ส่วนท่าเรือระนองที่คนไม่มาใช้เพราะเล็กเกินไป ดังนั้นเมื่อต้องการที่จะสร้างในสิ่งที่นักลงทุนจากทั่วโลกให้ความสนใจเราต้องสร้างพื้นที่ให้ใหญ่ ส่วนเรื่องผลกระทบ ต่อท่าเรือเล็กๆต่างๆก็จะต้องไปหารือกันต่อในเรื่องของการเยียวยา
ตอนนี้ฝ่ายค้านเขาไม่เชื่อว่าคนจะมาลงทุนนั่นคือประเด็นหลัก ซึ่งทางกระทรวงคมนาคมกับสภาพัฒน์ได้มีการพูดคุยกันอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เราต้องการที่จะสร้าง Mega Project เพื่อจะยกขีดความสามารถในภาคใต้ซึ่งเป็นพื้นที่ที่สำคัญ และไม่กลับโปรเจคนี้เราเห็นแล้วว่ามีการเติบโตทางด้านการสร้างงานทางด้านเศรษฐกิจที่จะเติบโตขึ้น แต่ฝ่ายค้านพยายามบอกว่าเรื่องนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้เพราะการลงทุนมันไม่คุ้ม ซึ่งนักลงทุนทั้งหมดจะต้องมีการแข่งขันการลงทุนและจะได้ผลตอบแทนที่ดีต่อภาครัฐ ซึ่งเราบอกแล้วว่าหากใครให้ผลตอบแทนต่อเราดีที่สุดเราก็จะให้คนๆนั้น
นายสุริยะ ยังกล่าวว่า สำหรับค่าชดเชยให้กับประชาชนในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ถ้าโครงการนี้เริ่มต้นขึ้นก็จะเริมการเยียวยาได้ ส่วนประชาชนที่ไม่มีเอกสารสิทธิ ก็ต้องแยกการเยียวยาออกอีกแบบ ซึ่งได้มีการหารือกันกันต่อ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง