ผู้ถือหุ้น กล่าวหาแรง ผู้บริหาร ปตท.-GGC ฟอกเงินน้ำมันปาล์มดิบ ร้องตำรวจสอบ

นายสยามราช ผ่องสกุล ผู้ถือหุ้นของบมจ.ปตท.(PTT) , บมจ.โกลบอลกรีนเคมิคอล (GGC) และ บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคัล (PTTGC) ได้มีหนังสือถึง ผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (ปอศ.) กล่าวหา "เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ PTT และ เจ้าหน้าที่ GGC ร่วมกันกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องตามอำนาจหน้าที่"

โดยหนังสืออ้างถึงเรื่องที่ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของบริษัท ปตท. ร่วมกับ เจ้าหน้าที่ GGC จ่ายเงินโดยที่ไม่มีการส่งสินค้า เหตุการณ์เกิดขึ้น ระหว่างเดือนมีนาคม 2561 ถึงเดือนพฤษภาคม 2561

อ่านเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง

• GC จับมือ SCB สนับสนุนสินเชื่อ Sustainability-linked Loan
• สานต่อ JOIN: THE POWER OF CLOTHING ขยะในทะเลสร้างมูลค่า Upcycling เป็นเสื้อผ้า
• “ดีขึ้นเพื่อคุณ ดีขึ้นเพื่อโลก” ทิศทางดำเนินงานปี 66 สู่ความยั่งยืน ของ GC

ลำดับเหตุการณ์และสัญญาตามที่หนังสืออ้าง

1. บมจ.โกลบอลกรีนเคมิคอล (GGC) ซื้อน้ำมันปาล์มดิบ (CPO) จาก PTT TRADING
2. โดยที่ ปตท.ได้ซื้อ CPO จากบริษัท โอพีจีเทค จำกัด (OPG) แล้วให้ OPG กลั่นแล้วส่งมอบให้กับ GGC
3. มีเงื่อนไขการจ่ายเงินคือ GGC จะจ่ายเงินให้กับ ปตท.ก็ต่อเมื่อ OPG ได้กลั่นน้ำมัน และได้ส่งมอบน้ำมันดังกล่าวให้กับ GGC เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
4. โดย GGC จะออกหนังสือยืนยันการรับน้ำมันจาก OPG แล้วจ่ายเงินให้กับ ปตท.ต่อไป
5. หลังจากที่ ปตท.ได้รับเงินจาก GGC แล้ว ปตท.ก็จะจ่ายเงินให้กับ OPG หรือสถาบันการเงินที่ OPG ได้ทำสัญญาแฟคตอริ่ง (Factoring) หรือสัญญาซื้อขายลูกหนี้ทางการค้า
6. ปรากฏว่าในช่วงระยะเวลาดังกล่าว OPG ไม่มีน้ำมันมาส่งให้กับ GGC ไม่มีการส่งมอบน้ำมันให้แก่ GGC แต่อย่างใด

เจ้าหน้าที่ของ GGC กับ เจ้าหน้าที่ของ PTT ได้จ่ายเงินให้กับ OPG หรือสถาบันการเงินที่ OPG ได้ทำสัญญาแฟคตอริ่ง (Factoring) หรือสัญญาซื้อขายลูกหนี้ทางการค้า เป็นเงินจำนวนกว่า 200 ล้านบาท ทั้งที่ไม่มีการส่งมอบน้ำมันปาล์มดิบ ที่สำคัญ GGC ยังไม่ได้รับสินค้าจาก OPG และ GGC ยังไม่ได้จ่ายค่าสินค้าให้กับ PTT แต่ เจ้าหน้าที่ PTT TRADING กลับจ่ายเงินให้กับ OPG หรือสถาบันการเงินที่ OPG ได้ทำสัญญาแฟคตอริ่ง (Factoring) เป็นเงินมากถึง 200 ล้านบาท

เป็นเหตุทำให้ นายสยามราช เชื่อว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการสมรู้ร่วมคิดกันระหว่างเจ้าหน้าที่ GGC กับ เจ้าหน้าที่ PTT ในการฉ้อโกง PTT ทำให้ PTT ได้รับความเสียหาย และอาจเข้าข่ายเข้าข่ายเป็นการฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญาอันมีลักษณะเป็นปกติธุระ อันเป็นความผิดมูลฐาน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3(18) โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องคือเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ GGC และเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ PTT

นายสยามราช กล่าวว่า มีการกระทำในลักษณะเช่นนี้ ที่เอื้อประโยชน์ให้กับ GGC อีกหลายครั้งหลายหน อยู่ในระหว่างที่กลุ่มผู้ถือหุ้นที่รักในความยุติธรรมรวบรวมพยานหลักฐานและจะเข้าร้องทุกข์กล่าวโทษกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป