ผู้จัดการธนาคารโลกประจำประเทศไทย มองเศรษฐกิจไทยยังไปรอด แม้เจอผลกระทบจากเงินเฟ้อและโควิด แนะปีหน้าเร่งลงทุนนวัตกรรม ทักษะความรู้และโครงสร้างดิจิทัล
"ประเทศไทยจะไม่อยู่ในสภาวะเศรษฐกิจถดถอย เราจะต้องฟื้นให้ได้หลังหมดสถานการณ์โควิด"
ฟาบริซิโอ ซาโคเน : ผู้จัดการธนาคารโลกประจำประเทศไทย ภูมิภาคเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก บนเวทีงานสัมมนา Go Thailand : Recession or Resurrection ถดถอย VS พลิกฟื้น มองไทยยังมีโอกาสรอดได้ทั้งจากปัญหาโควิดและเงินเฟ้อ แม้จะเจอผลกระทบจากสถานการณ์รุนแรงมากมายตลอดทั้งปี
นอกจากนี้ ยังมีข้อมูลที่น่าสนใจมากมายกับหัวข้อ GO THAILAND : RECESSION OR RESURRECTION ระบุว่า ประเทศไทยจะไม่อยู่ในสภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งจากข้อมูลพบว่าประเทศไทยยังอยู่ในทิศทางที่ดี
ธนาคารโลกคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจทั่วโลกจะมีการเติบโต ลดลง 2% ในปี 2023 แต่ที่น่าสนใจคือ เมื่อเศรษฐกิจฝั่งตะวันตกถดถอยเศรษฐกิจฝั่งตะวันออกจะเติบโตชดเชยกลับมา จึงทำให้ความเสียหายทางเศรษฐกิจไม่รุนแรงกว่าที่คาดไว้ ซึ่งส่วนหนึ่งก็คาดว่าการเติบโตทางเศรฐกิจที่เกิดขึ้นเป็นเพราะแรงหนุนจากประเทศจีน
ทางด้านของประเทศไทย เรื่องของอัตราเงินเฟ้อจำเป็นที่จะต้องจับตาอย่างยิ่งยวด โดยมีการคาดการณ์ว่า จะเกิดปัญหาเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นราว 2% ซึ่งธนาคารกลางเอง ก็จำเป็นที่จะต้องออกนโยบายเรื่องการปรับอัตราดอกเบี้ย เพื่อชดเชยผลกระทบที่เกิดขึ้นจากสภาวะเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม การเปิดประเทศและนโยบายการเปิดรับนักท่องเที่ยว จะเป็นตัวช่วยสำคัญในการเพิ่มเม็ดเงินเข้าประเทศ ถือว่าเป็นผลบวกให้แก่เศรษฐกิจไทย
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม
หนุนการลงทุนระหว่างรัฐ - เอกชน เพิ่มโอกาสอยู่รอด
นอกจากนี้ ธนาคารโลก ยังระบุด้วยว่า ในอีก 2 ปีข้างหน้า จะเป็นบททดสอบสำคัญสำหรับประเทศไทย ในการปรับตัวเข้ากับสภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ซึ่งแนวโน้มการลงทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน หรือ PPP จะเพิ่มมากขึ้นในปี 2023 เนื่องจากนักลงทุนและองค์กรต่างๆ กำลังปรับตัวจากยุคโควิด สู่ยุคแห่งการฟื้นฟู
ขณะเดียวกัน สภาพเศรษฐกิจของทั่วโลก จะเจอผลกระทบจากสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนต่อไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งจะส่งผลให้ราคาขนส่งสินค้าเพิ่มสูงขึ้น ราคาวัตถุดิบและอาหารก็เพิ่มสูงขึ้นไปอีกระยะหนึ่ง
ธนาคารโลกจึงแนะนำให้ภาครัฐต้องมีความชัดเจนในเรื่องของนโยบายระยะยาว เพื่อเร่งการเติบโตของเศรษฐกิจอย่างมีศักยภาพ รวมทั้งต้องกระตุ้นเรื่องการลงทุน เน้นผลักดันเรื่องของนวัตกรรม พัฒนาทักษะความสามารถของประชาชน และสนับสนุนด้านการลงทุนโครงสร้างดิจิทัลให้แข็งแรง
แบงก์กรุงศรี คาดเศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัว ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามคาด ?
ทางด้านของ วิน พรหมแพทย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานลูกค้าไฮเน็ตเวิร์ธ บมจ.ธนาคารกรุงศรีอยุธยา มองเศรษฐกิจไทย ปี 2566 จะฟื้นตัวได้ดีหากทุกอย่างเป็นไปตามคาด ทั้งนักท่องเที่ยว การเปิดประเทศของจีน และอัตราเงินเฟ้อ
ปีที่ผ่านมาเราเจอตลาดติดลบ ทั้งตลาดตราสารหนี้และตลาดหุ้นโลก ซึ่งในสภาวะปกติแล้วทั้ง 2 ตลาดนี้จ ะไม่ลดลงพร้อมกัน นั่นหมายถึงว่าเราจะมีทางออกทางเศรษฐกิจอยู่ ซึ่งปี 2022 ถือว่าเป็นปีที่แย่ที่สุดเพราะตลาดตราสารหนี้ลดลงมากที่สุดในรอบ 30 ปีที่เคยเก็บข้อมูลมา
ในอุปสรรคยังมีโอกาสซ่อนอยู่
วิน พรหมแพทย์ มองว่า ในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แต่ก็ยังมีโอกาสซ่อนอยู่ หากย้อนดูประวัติศาสตร์โลกพบว่า หลังจากปีที่สภาวะเศรษฐกิจย่ำแย่ ก็จะมีโอกาสฟื้นตัวกลับมา
ดังนั้นปี 2023 จึงเป็นปีที่เราจะต้องร่วมลุ้นกันว่า จะเป็นไปตามที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์หรือไม่ ซึ่งจากการรวบรวมข้อมูลสภาวะเศรษฐกิจโลกปี 2023 มีการคาดการณ์ว่า ประเทศไทยและประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชีย จะเติบโตมากกว่าประเทศทางฝั่งตะวันตก
แม้ว่าเศรษฐกิจจะมีความเสี่ยงอยู่บ้างในแต่ละไตรมาส แต่จากการคาดการณ์ในปี 2023 พบว่า ภาพรวมเศรฐกิจในสหรัฐและยุโรปไตรมาสแรกจะติดลบและถดถอยมากกว่า 50% ขณะที่ประเทศจีนกลับประเมินว่าจะมีการถดถอยเพียงแค่ 7% เท่านั้น
เศรษฐกิจไทยโตช้าแต่มานะ
ทางด้านของสภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทย แม้จะเติบโตช้ากว่าประเทศอื่นๆ แต่ส่วนตัวมองว่า จะเป็นเหมือนกับนิทานเรื่องกระต่ายกับเต่า ที่แม้จะมาช้าแต่ก็ยังมาได้ ส่วนใหญ่มาจากการเติบโตของภาคเอกชน การลงทุนด้านโครงสร้างและพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อตอบโจทย์การใช้งานของภาคประชาชน
รวมทั้งภาคการท่องเที่ยว ที่คาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2023 ช่วงไตรมาสที่ 2 หรือช่วงเดือนมีนาคม จะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศไทยราว 22 ล้านคน ทั้งจากประเทศจีนและฝั่งยุโรป ซึ่งนักท่องเที่ยวทั้งสองกลุ่มนี้มีแนวโน้มใช้จ่ายเงินจำนวนมาก
ส่วนปัญหาเรื่องอัตราเงินเฟ้อ หากประเทศไทยสามารถดึงลงมาให้อยู่ภายในกรอบที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนด ก็จะสามารถชดเชยสภาวะทางเศรษฐกิจได้ คาดการณ์ว่า กนง. จะมีแผนปรับภาษีเพิ่มขึ้นในปีหน้า
ปีหน้ากระจายพอร์ตลงทุนแบบไหนดี ?
ทางด้านของการลงทุนในปี 2023 ควรลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ เพราะมีโอกาสที่จะได้รับกำไรถึง 2 ต่อ จากคูปองของตราสารหนี้และกำไรที่เกิดขึ้น แต่ก็มีความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนอยู่บ้าง
ขณะเดียวกัน ในปีหน้าตลาดหุ้น ยังคงไม่ได้ดีหรืออยู่ในทิศทางสดใสมากนัก เพราะธนาคารกลางสหรัฐจะขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งไม่ถูกกับตลาดหุ้น
ในแง่ของการลงทุนนั้น ธนาคารกรุงศรีมองว่าควรแบ่งเป็น 80% และ 20% โดย 80% ซึ่งเป็นแกนหลักของกลุ่มตราสารหนี้และกองทุนรวมต่างๆ ส่วนอีก 20% เป็นกองทุนที่มีความผันผวนสูง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเทคโนโลยี สกุลเงินดิจิตอล และสินทรัพย์อื่นๆ
อย่างไรก็ตาม หากเราสามารถปรับตัวทุกด้านได้ตามที่คาดการณ์ ก็จะสามารถทำให้เราฟื้นตัวได้อย่างราบรื่น แต่หากเจอผลกระทบจากปัจจัยอื่น ๆ ทั้งการเปิดประเทศของจีน การเลือกตั้งและการทำงบประมาณ อาจส่งผลกระทบให้ไทยฟื้นตัวช้าลงไปอีกก็เป็นได้
หน้าที่ของสื่อคือการตีแผ่ให้สังคมรับรู้
ทางด้านของ นายบากบั่น บุญเลิศ ประธานกรรมการ บริษัท ฐานเศรษฐกิจ มัลติมีเดีย จำกัด ได้ขึ้นกล่าวในงานสัมมนา Go Thailand : Recession or Resurrection ถดถอย VS พลิกฟื้น เพื่ออัปเดตเศรษฐกิจไทย เศรษฐกิจโลก โอกาสการค้า การลงทุน รวมทิศทาง ผลกระทบต่างๆที่จะเกิดขึ้นกับธุรกิจและผู้ประกอบการไทยว่า
เหตุผลที่ ฐานเศรษฐกิจ จัดงานสัมมนานี้ขึ้นมา ก็เพื่อที่จะมาร่วมหาคำตอบเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของโลกที่อยู่ในบริบทถดถอย จะมีโอกาสพลิกฟื้นและสร้างโอกาสให้กับทุกคนได้อย่างไรบ้าง
ซึ่ง Go Thailand เป็นวาระที่ฐานเศรษฐกิจทำมาเป็นระยะเวลา 6 ปี ในสิ้นปีนี้ ถือว่ามีความท้าทายมาก เพราะโลกทั้งโลกกำลังมีการแบ่งขั้วและปฏิกิริยาของทรัพยากรกลับสู่ตนเอง โลกทั้งโลกก็ต้องสู้กับภาวะซึมเศร้า และการเชื่อมต่อที่เคยมีการส่งต่อซึ่งกันและกัน
ประกอบกับโควิดทำให้การเดินทางและการค้าขายระหว่างกันขาดตอน ซึ่งทั้งหมดถือว่าเป็นโจทย์ใหญ่ที่สุดที่กองบรรณาธิการต้องการหาคำตอบ และส่งต่อคำตอบเหล่านี้ไปยังคนไทย
หลายคนสงสัยว่าทำไมสื่อถึงจัดงานสัมมนาในรูปแบบต่างๆ มากมายนัก ในฐานะที่เป็นคนทำหน้าที่สื่อ คือการตีแผ่เรื่องราวและหาคำตอบ จากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นให้กับประชาชน เพื่อนำข้อมูลความรู้เหล่านี้ไปปรับตัวและเตรียมตัวให้พร้อมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไป
ซึ่งนี่ถือเป็นพันธกิจหนึ่งในฐานะของคนทำงานสื่อ ที่ไม่ได้เป็นแค่เพียงกระจกที่สะท้อนสังคม แต่ยังคงเป็นแสงเทียนเล็ก ๆ ในการเติมปัญญาให้กับคนที่อยู่ท่ามกลางความมืดมิดนี้ เกิดเป็นแสงเทียนแห่งปัญญา