อาการเตือน “มะเร็งปอด” ไม่สูบบุหรี่-เจอฝุ่น PM2.5 ก็ป่วยได้ หลังหมอหนุ่ม เพจสู้ดิวะ แชร์ประสบการณ์ เจ้าตัวมีสุขภาพแข็งแรง ไม่สูบบุหรี่ กินอาหารคลีน ออกกำลังกายเป็นประจำ แต่ก็ยังตรวจพบมะเร็งปอดระยะสุดท้าย
จากกรณี หมอกฤตไท ธนสมบัติกุล อายุ 28 ปี เจ้าของเพจ สู้ดิวะ ได้ออกมาเล่าประสบการณ์ชีวิตที่เจ้าตัวนั้นตรวจพบว่าเป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้าย ทั้งที่ชีวิตกำลังไปได้ดีมีงานการมั่นคง โดยที่เจ้าตัวเป็นคนที่มีสุขภาพแข็งแรง ไม่สูบบุหรี่ กินอาหารคลีน และออกกำลังกายเป็นประจำ แต่ก็ยังตรวจพบมะเร็งปอดระยะสุดท้าย ทำให้ชาวเน็ตต่างเข้ามาให้กำลังใจ
อย่างไรก็ตาม กรมการแพทย์ได้ออกเชิญชวนประชาชน ให้ตระหนักถึงภัยร้ายของมะเร็งปอด ที่พบบ่อยในคนไทย พร้อมแะนำให้ควรหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงเพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดโรค
โดย นายแพทย์วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองอธิบดีกรมการแพทย์ ได้กล่าวไว้ว่า มะเร็งปอดเป็นมะเร็งที่พบมากที่สุด ทั่วโลก สำหรับประเทศไทยโรคมะเร็งปอดถือเป็น 1 ใน 5 ของมะเร็งที่พบบ่อย ซึ่งพบมากเป็นอันดับ 2 ในเพศชาย และอันดับ 5 ในเพศหญิง แต่ละปีจะมีผู้ป่วยรายใหม่ประมาณ 17,222 ราย เป็นเพศชาย 10,766 ราย และเพศหญิง 6,456 ราย ซึ่งในจำนวนนี้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 14,586 ราย หรือคิดเป็น 40 รายต่อวัน ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของโรคมะเร็งปอดคือการสูบบุหรี่หรือการได้รับควันบุหรี่มือสองและการสัมผัสสารก่อมะเร็ง อาทิ ก๊าซเรดอน แร่ใยหิน รังสี ควันธูป ควันจากท่อไอเสีย และมลภาวะทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่น PM 2.5 เป็นต้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :
หมอหนุ่ม ตั้งเพจ สู้ดิวะ เล่าชีวิตกำลังไปได้ดี แต่ตรวจเจอมะเร็งระยะสุดท้าย
สภากาชาดไทย เปิดรับ "อาสาสมัครบริจาคสเต็มเซลล์" รักษาผู้ป่วยโรคมะเร็ง
นายแพทย์สกานต์ บุนนาค ผู้อำนวยการ สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งปอดระยะแรกมักจะไม่มีอาการแต่เมื่อโรคดำเนินไปมากขึ้นก็จะมีอาการแต่ก็มักไม่จำเพาะจึงอาจทำให้เกิดการวินิจฉัยที่ล่าช้ามีผลต่อระยะของโรคที่ลุกลามหรือแพร่กระจายไปมากส่งผลให้การรักษาได้ผลไม่ดีเท่าที่ควรและมีโอกาสการรักษาหายจากโรคน้อยโดยทั่วไปมะเร็งปอดมีสัญญาณเตือน เช่น อาการไอเรื้อรังมากกว่า 1 เดือน ไอมีเสมหะปนเลือด หายใจลำบาก เหนื่อยหอบง่ายมากกว่าปกติ เจ็บแน่นหน้าอก อ่อนเพลีย เป็นต้น หากมีอาการผิดปกติเหล่านี้ผู้ป่วยควรรีบปรึกษาแพทย์ ด้านการรักษามีวิธีหลัก ๆ ได้แก่ การผ่าตัด การให้ยาเคมีบำบัด และการฉายรังสี ซึ่งแพทย์จะพิจารณาจากระยะของโรค ตำแหน่งของก้อนมะเร็ง และการกระจายของโรค รวมถึงสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย
ปัจจุบัน การคัดกรองมะเร็งปอดในกลุ่มที่มีปัจจัยเสี่ยงที่ดีที่สุดคือการทำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ปอด แต่เนื่องด้วยมีค่าใช้จ่ายที่สูงจึงทำให้ประชาชนส่วนใหญ่เข้าได้ไม่ถึง จึงมีคำแนะนำให้ผู้มีความเสี่ยงสูงในการเกิดมะเร็งปอดเข้ารับการตรวจคัดกรองโดยการเอกซเรย์ปอดเป็นประจำทุกปีเพื่อเป็นข้อมูลเปรียบเทียบในแต่ละปีว่ามีการเปลี่ยนแปลงที่น่าสงสัยจะเป็นมะเร็งปอดหรือไม่ อย่างไรก็ตาม การป้องกันมะเร็งปอดด้วยการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงสามารถช่วยลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคลงได้
ข้อมูลจาก : กรมการแพทย์