svasdssvasds

ส่อง "งบน้ำท่วม" ประเทศไทย ใช้ทำอะไรบ้าง "น้ำท่วมเชียงราย" ทะลักท่วมเมือง

ส่อง "งบน้ำท่วม" ประเทศไทย ใช้ทำอะไรบ้าง "น้ำท่วมเชียงราย" ทะลักท่วมเมือง

น้ำท่วมเป็นภัยพิบัติที่ประเทศไทยเผชิญซ้ำซากมาเป็นระยะเวลาหลายทศวรรษ มีการจัดสรรงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาน้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง

SHORT CUT

 

  • ในงบปีประมาณ 2566 มีงบก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งมากที่สุด 19,821,418,900 บาท คิดเป็น 37.13%
  • กระทรวงมหาดไทยมีงบเกี่ยวกับน้ำท่วมมากที่สุด 23,171,261,300 บาท คิดเป็น 43.41% เป็นงบก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งมากที่สุดรวม 17,713,177,600 บาท
  • ในรอบ 8 ปีที่ผ่านมา งบกลางเกี่ยวกับน้ำท่วมของปีงบประมาณ 2566 สูงเป็นอันดับที่ 3

น้ำท่วมเป็นภัยพิบัติที่ประเทศไทยเผชิญซ้ำซากมาเป็นระยะเวลาหลายทศวรรษ มีการจัดสรรงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาน้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง

น้ำท่วมเป็นภัยพิบัติที่ประเทศไทยเผชิญซ้ำซากมาเป็นระยะเวลาหลายทศวรรษ มีการจัดสรรงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาน้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะนับตั้งแต่มหาอุทกภัย ปี 2554 ซึ่งมีมูลค่าความเสียหายกว่า 23,839.21 ล้านบาท พื้นที่การเกษตรเสียหายกว่า 11,798,241 ไร่ และการออกพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 ที่มีเป้าหมายเพื่อรวมศูนย์การบริหารจัดการน้ำทั่วประเทศ ภายใต้แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ (ปี พ.ศ. 2561-2580)

โดยระหว่างปี 2557-2559 มีงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับการจัดการน้ำโดยตรงกว่าแสนล้านบาทต่อปี ขณะเดียวกัน ยังมีการใช้งบกลางเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย ฟื้นฟูความเสียหาย ก่อสร้างและซ่อมแซมสิ่งก่อสร้างที่ใช้ควบคุมป้องกันและระบายน้ำนับแสนล้านบาท เฉพาะปี 2555 ใช้งบกลางรวม 1.2 แสนล้านบาท ส่วนปี 2560-2566 ใช้งบกลางรวมกันถึง 97,832.80 ล้านบาท

 

อุทกภัย 2567 สร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง

ในปี 2567 เกิดอุทกภัยใหญ่อีกครั้ง และสร้างความเสียหายแก่ประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือและภาคกลาง ข้อมูล​ ณ วันที่ 4 ส.ค.-2 ก.ย. 2567 ในระบบสนับสนุนการตัดสินใจเพื่อการบริหารจัดการพื้นที่น้ำท่วมของ GISTDA พบว่ามีพื้นที่น้ำท่วมทั้งหมด 1,231,323 ไร่ ผู้ได้รับผลกระทบ 241,875 ครัวเรือน ใน 11 จังหวัด

โดยจากรายงานข่าวน้ำท่วมในช่วง ส.ค. 2567 น่าสังเกตว่าทั้งสถานการณ์ที่เกิดขึ้นและแนวทางที่ใช้รับมือกับน้ำท่วมอาจไม่แตกต่างจากเมื่อสิบปีก่อนหน้ามากนัก ไม่ว่าจะเป็นคันริมตลิ่งกั้นน้ำพังทลาย น้ำป่าไหลหลากโดยระบบการเตือนภัยล่วงหน้าไม่ทันการณ์ การระบายน้ำออกจากเขื่อนเป็นระยะ การติดตั้งกระสอบทรายริมแม่น้ำให้สูงขึ้นเรื่อยๆ ไปจนถึงแนวคิดเรื่องการสร้างเขื่อนใหม่ในลุ่มน้ำภาคกลาง

 

 

Rocket Media Lab ชวนย้อนไปทำความเข้าใจงบประมาณที่เกี่ยวกับน้ำท่วม จาก "งบประมาณลงพื้นที่จังหวัด (Area) ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566" จากเว็บไซต์ของสำนักงบประมาณ ซึ่งแจกแจงรายงานแสดงแผนการจัดสรรงบประมาณในมิติจังหวัด เพื่อวิเคราะห์ว่ามีการจัดสรรงบประมาณสำหรับแก้ปัญหาน้ำท่วมอย่างไร

โดยการเลือกที่จะพิจารณาการใช้งบน้ำท่วมจากปีงบประมาณ 2566 เนื่องด้วยเป็นงบประมาณและโครงการที่จะส่งผลต่อการป้องกันน้ำท่วมของประเทศไทยตั้งแต่ปี 2566 ไปจนในถึงอนาคต โดยเฉพาะในปี 2567 ที่ประเทศไทยเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่อีกครั้ง

งบฯ สร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งสูงสุด 1.9 หมื่นล้านบาท

จากงบประมาณปี 2566 ทั้งหมด 3,185,000,000,000 บาท (3.185 ล้านล้านบาท) ซึ่งประกาศใช้เมื่อ 1 ต.ค. 2565 ในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา Rocket Media Lab ใช้การจำแนกงบในมิติจังหวัดของสำนักงบประมาณ ซึ่งจำแนกงบประมาณเป็นรายโครงการของ 77 จังหวัด

จากนั้นคัดกรองเฉพาะโครงการที่มีคำสำคัญที่เกี่ยวข้องกับน้ำท่วม เช่น น้ำท่วม ประตูระบายน้ำ ผักตบชวา ซ่อมแซม ทรบ. (ทางระบายน้ำ) ซ่อมแซมบานระบาย รับน้ำป่า อาคารระบายน้ำ แก้มลิง ซึ่งพบว่ามี 6,511 โครงการ เป็นงบประมาณ รวม 53,377,557,500 บาท (53,377.55 ล้านบาท)

จากนั้นนำมาจัดหมวดหมู่และวิเคราะห์ได้ดังนี้

  1. ก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง 19,821,418,900 บาท คิดเป็น 37.13%
  2. ก่อสร้างระบบระบายน้ำและประตูระบายน้ำ 6,899,685,800 บาท คิดเป็น 12.93%
  3. ก่อสร้างฝาย 5,848,353,100 บาท คิดเป็น 10.19%
  4. ระบบป้องกันน้ำท่วมพื้นที่ชุมชน 4,751,943,500 บาท คิดเป็น 8.90%
  5. ขุดลอกและกำจัดวัชพืช 4,349,199,000 บาท คิดเป็น 8.15%
  6. ปรับปรุงซ่อมแซมเขื่อน ฝาย อ่างเก็บน้ำ 3,938,058,900 บาท คิดเป็น 7.38%
  7. ขุดคลองระบายน้ำ 2,953,650,200 บาท คิดเป็น 5.53%
  8. ซ่อมแซมประตูระบายน้ำ ทางระบายน้ำ คลองส่งน้ำ ระบบระบายน้ำ 2,372,886,800 บาท คิดเป็น 4.45%

   9. อื่นๆ (ติดตั้งและบำรุงรักษาระบบเตือนภัย, สร้างและปรับปรุงเครื่องสูบน้ำ,บริหารจัดการ,ค่าป้องกันและซ่อมแซมโครงการเนื่องจากอุทกภัย,จัดการและวิเคราะห์ข้อมูล, จัดทำข้อมูลผังน้ำ, ขุดเจาะบ่อบาดาล,ก่อสร้างระบบเก็บกักและระบายน้ำ อื่นๆ, ศึกษา สำรวจ ออกแบบ แผนที่ ระบบกักเก็บและระบายน้ำ,บำรุงรักษาเครื่องมือและจัดทำระบบติดตามสถานการณ์น้ำ, ปรับปรุงและวิเคราะห์ข้อมูลและฐานข้อมูล, ศึกษาแผนการบริหารจัดการน้ำ, บำรุงรักษาเขื่อนป้องกันตลิ่ง, ก่อสร้างพนังกั้นน้ำ,ขุุดเจาะบ่อบาดาล อื่นๆ) 2,442,361,300 บาท คิดเป็น 4.58%

หากพิจารณาโครงการที่เกี่ยวกับน้ำท่วม ตามลักษณะงานออกเป็น 5 ประเภท ได้แก่

  1. การก่อสร้าง
  2. การบำรุงรักษา
  3. การวางแผน
  4. การเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูล
  5. การบริหารจัดการ

งบประมาณที่เกี่ยวกับน้ำท่วม ประจำปีงบประมาณ 2566

  • งบประมาณ "ก่อสร้าง" มากที่สุดคิดเป็น 76.99% หรือเกือบ 3 ใน 4 ของงบประมาณทั้งหมด จำนวน 41,093,465,100 บาท
  • รองลงมาเป็นงบที่เกี่ยวกับ 'การบำรุงรักษา' 21.77% จำนวน 11,621,051,300 บาท
  • งบประมาณส่วนที่เหลือสามารถจำแนกได้เป็น งบด้านการ 'วางแผน' 0.46% จำนวน 247,422,200 บาท งบที่เกี่ยวกับ 'การเก็บข้อมูลและวิเคราะห์ข้อมูล' 0.40% จำนวน 211,766,700 บาท และงบด้าน 'บริหารจัดการ' 0.38% จำนวน 203,852,200 บาท

เมื่อจำแนกตามกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับน้ำท่วมเป็นประเภทต่างๆ พบว่าในงบปีประมาณ 2566 มีงบก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งมากที่สุด 19,821,418,900 บาท คิดเป็น 37.13% ซึ่งเป็นงบฯ ที่ดำเนินการโดยกรมโยธาธิการ กระทรวงมหาดไทย ภายใต้แผนงานยุทธศาสตร์พัฒนาระบบการเตรียมพร้อมแห่งชาติและระบบบริหารจัดการภัยพิบัติ มากที่สุด 17,713,177,600 บาท คิดเป็น 89.36% รองลงมา คือ จังหวัดและกลุ่มจังหวัด 1,547,197,000 บาท คิดเป็น 7.81% ตามมาด้วยกระทรวงคมนาคม 468,389,000 บาท คิดเป็น 2.36% และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 78,405,300 บาท คิดเป็น 0.40%

เมื่อพิจารณาว่าจังหวัดใดได้งบก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งมากที่สุดพบว่า อุบลราชธานีเป็นจังหวัดที่ได้รับงบประมาณนี้มากที่สุด 1,309,936,300 บาท ซึ่งเป็นการสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง แม่น้ำชี มูล และโขง รองลงมาคือ บึงกาฬ 58,609,700 บาท สร้างเขื่อนริมตลิ่งแม่น้ำโขง ตามมาด้วย เชียงราย 942,947,400 บาท ซึ่งครึ่งหนึ่งอยู่ที่แม่น้ำโขง จังหวัดหนองคาย 934,003,300 บาท ที่ทั้งหมดเป็นเขื่อนริมแม่น้ำโขง และสุดท้าย กรุงเทพมหานคร 789,566,400 บาท ซึ่งนอกจากการก่อสร้างเขื่อนริมคลองเปรมประชากรแล้ว งบส่วนใหญ่เป็นค่าจ้างที่ปรึกษาศึกษาการก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำทั่วประเทศ

จะเห็นได้ว่างบก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง ซึ่งเป็นงบก้อนใหญ่ที่สุดในงบน้ำท่วมปีงบประมาณ 2566 เฉพาะที่เป็นโครงการการสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งแม่น้ำโขงมีสูงถึง 4,137,040,200 บาท หรือคิดเป็น 20.87% ของงบการสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งทั้งหมด ในขณะที่หากพิจารณาเฉพาะ 4 อันดับแรก คือ จังหวัดอุบลราชธานี บึงกาฬ เชียงราย และหนองคาย ก็จะพบว่างบฯ โครงการสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งที่ริมแม่น้ำโขงนั้นสูงถึง 2,673,634,000 บาท จากงบทั้งหมด 3,244,956,700 บาท

 

"มหาดไทย" ครองงบประมาณจัดการน้ำท่วมมากที่สุด

  • กระทรวงมหาดไทย 23,171,261,300 บาท คิดเป็น 43.41%
  • กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 22,786,861,500 บาท คิดเป็น 42.69%
  • จังหวัดและกลุ่มจังหวัด 2,789,366,300 บาท คิดเป็น 5.23%
  • องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 1,164,120,700 บาท คิดเป็น 2.18%
  • กระทรวงกลาโหม 1,155,266,400 บาท คิดเป็น 2.16%
  • กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม 1,123,699,400 บาท คิดเป็น 2.11%
  • กระทรวงคมนาคม 710,620,300 บาท คิดเป็น 1.33%
  • สำนักนายกรัฐมนตรี 309,103,300 บาท คิดเป็น 0.58%
  • กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม 154,758,300 บาท คิดเป็น 0.29%
  • กระทรวงอุตสาหกรรม 10,000,000 บาท คิดเป็น 0.02%
  • กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา 2,500,000 บาท คิดเป็น 0.005%

 

งบกลางช่วยน้ำท่วมสูงลิ่วทุกปี

นอกจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่จัดสรรให้กับหน่วยงานต่างๆ แล้ว งบที่เกี่ยวกับน้ำท่วมยังมีงบประมาณรายจ่ายงบกลาง ซึ่งจัดสรรเพิ่มเติมจากงบประมาณของหน่วยงานรับงบประมาณ ภายใต้รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น ที่มีเป้าหมายในการสร้างความคล่องตัวในกรณีที่ต้องรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่อาจคาดหมายได้ ผ่านการอนุมัติให้ใช้จ่ายโดยคณะรัฐมนตรีปีงบประมาณ 2560 - 2566 โดยงบกลางแต่ละปีจะผ่านการพิจารณาของรัฐสภาเฉพาะกรอบวงเงินเท่านั้น จากการรวบรวมข้อมูลจาก งบประมาณรายจ่ายงบกลางของไทย: การจัดสรรและการบริหารงบประมาณ 3/2565 และ รายงานผลการใช้จ่ายงบประมาณรายจ่ายงบกลางประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ของสำนักงบประมาณของรัฐสภา สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ระหว่างปีงบประมาณ 2560-2566 มีวงเงินอนุมัติรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับน้ำท่วมรวม 97,832.80 ล้านบาท ดังนี้

  • ปีงบประมาณ 2560 12,500.00 ล้านบาท
  • ปีงบประมาณ 2561 18,407.71 ล้านบาท
  • ปีงบประมาณ 2562 16,061.53 ล้านบาท
  • ปีงบประมาณ 2563 23,271.87 ล้านบาท
  • ปีงบประมาณ 2564 2,070.99 ล้านบาท
  • ปีงบประมาณ 2565 2,567.32 ล้านบาท
  • ปีงบประมาณ 2566 22,953.39 ล้านบาท
  • ปีงบประมาณ 2567 22,967.75 ล้านบาท

 

ภาคและจังหวัดที่ได้รับงบฯ น้ำท่วมมาก-น้อยที่สุด

  • กลาง 14,849,846,000 บาท 27.82%
  • กรุงเทพ ฯ 3,925,993,000 บาท 7.36%
  • ตะวันตก 2,668,006,600 บาท 5.00%
  • ตะวันออก 2,606,632,900 บาท 4.88%
  • ตะวันออกเฉียงเหนือ 16,468,301,200 บาท 30.85%
  • ใต้ 7,385,179,500 บาท 13.84%

 

10 จังหวัดที่ได้รับงบประมาณมากที่สุด ได้แก่

  1. พระนครศรีอยุธยา 3,995,064,900 บาท
  2. อุบลราชธานี 1,937,382,800 บาท บาท
  3. สงขลา 1,484,633,300 บาท
  4. นครพนม 1,477,460,600 บาท
  5. บึงกาฬ 1,385,701,200 บาท
  6. เชียงราย 1,328,967,500 บาท
  7. หนองคาย 1,313,610,300 บาท
  8. เลย 1,266,597,500 บาท
  9. เชียงใหม่ 1,134,179,700 บาท
  10. นครศรีธรรมราช 1,052,184,400 บาท

 

10 จังหวัดที่ได้รับงบประมาณน้อยที่สุด ได้แก่

  1. สมุทรปราการ 89,661,400 บาท
  2. หนองบัวลำภู 107,144,800 บาท
  3. สมุทรสงคราม 117,479,700 บาท
  4. ภูเก็ต 142,755,900 บาท
  5. สระแก้ว 145,205,400 บาท
  6. ตราด 172,180,400 บาท
  7. กาฬสินธุ์ 179,259,000 บาท
  8. ระนอง 236,343,500 บาท
  9. กระบี่ 242,600,000 บาท
  10. แม่ฮ่องสอน 244,435,200 บาท

 

เมื่อเปรียบเทียบข้อมูลพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก ซึ่งกรมพัฒนาที่ดินสำรวจ และวิเคราะห์ข้อมูลปริมาณน้ำฝนรายเดือนเฉลี่ย 30 ปี พื้นที่น้ำท่วมในอดีตย้อนหลัง 10 ปี ระยะห่างจากลำน้ำ ความลาดชันของพื้นที่ สภาพการใช้ที่ดิน การระบายน้ำของดิน และพื้นที่ชลประทาน ระหว่างปี 2558 ถึง 2565 พบว่า ภาคกลางมีพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากมากที่สุด 54.55% อันดับสอง ตะวันออกเฉียงเหนือ 19.17% อันดับ 3 ภาคเหนือ 9.81% อันดับ 4 ภาคใต้ 8.94% อันดับ 5 ภาคตะวันออก 4.82% อันดับ 6 ภาคตะวันตก 2.01% และกรุงเทพฯ 0.70% 

จังหวัดที่มีพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากมากที่สุด 5 อันดับแรกได้แก่ นครสวรรค์ พิจิตร พิษณุโลก พระนครศรีอยุธยา และกำแพงเพชร ขณะที่ 5 จังหวัดที่ได้งบประมาณเกี่ยวกับน้ำท่วมปี 2566 มากที่สุด ได้แก่ พระนครศรีอยุธยา อุบลราชธานี สงขลา นครพนม และบึงกาฬ นอกจากนี้ ยังพบว่าพระนครศรีอยุธยาไม่เพียงแค่ติดอยู่ใน 5 อันดับแรกของทั้งงบประมาณและพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซากเท่านั้น แต่ในปี 2566 ยังเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่น้ำท่วมมากที่สุดด้วย 415,582.96 ไร่

อีกจังหวัดหนึ่งที่น่าสนใจ ได้แก่ เลย ซึ่งเป็นจังหวัดที่ได้รับงบประมาณน้ำท่วมปี 2566 มากเป็นอันดับ 9 แต่เมื่อดูข้อมูลพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก ไม่พบว่ามีการบันทึกไว้ พื้นที่น้ำท่วมในปี 2565-2566 มีสัดส่วนน้อยมากเมื่อเทียบกับจังหวัดอื่นๆ อย่างไรก็ตาม ในรายละเอียดของงบประมาณปี 2566 จังหวัดเลยมีงบประมาณเกือบครึ่งหนึ่งเป็นงบสร้างเขื่อนป้องกันริมตลิ่งแม่น้ำโขง 

ที่มา : rocketmedialab

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

 

 

 

related