ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินคดี ก้าวไกล หาเสียงแก้ ม.112 เข้าข่ายล้มล้างการปกครอง ถือเป็นเรื่องร้อนของสังคม , และเรื่องนี้ ทำให้มีมุมมองหลากหลายจากคนในแวดวงการเมือง , SPRiNG ได้มีโอกาสสอบถามความคิดเห็นของ ปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า ต่อทัศนะที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคต
ปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า ยืนยันในความคิดเห็นว่า ไม่อยากให้มีพรรคการเมืองใดต้องถูกยุบ แม้อนาคตของพรรคก้าวไกลจะยังไม่ถึงจุดนั้นก็ตาม , แต่ก็มี หลายฝ่ายคาดการณ์กันว่า ก้าวไกล อาจจะโดนร้อง ให้เจอสิ่งเหล่านี้ได้ในอนาคตอันใกล้ เพราะไม่ว่าอย่างไร นี่ไม่ใช่ทางออกที่ดี ในมุมมองของ ปิยบุตร
"ผมไม่เห็นด้วยกับการยุบพรรคมาโดยตลอด ถ้าจำได้ ผมวิจารณ์ศาลรัฐธรรมนูญมาเกือบ 2 ทศวรรษ ที่ผมโดนคดี ตอนไทยรักษาชาติโดนยุบ แล้วผมเป็นเลขาอนาคตใหม่ ซึ่งไม่เกี่ยวอะไรกับเขาเลย สุดท้าย มีทหารคนหนึ่งไปแจ้งว่า ดูหมิ่นศาล ดังนั้นผมยืนอย่างนี้มาโดยตลอด ผมไม่เห็นด้วยกับการยุบพรรค ไหนเลย ผมไม่เชื่อว่า การยุบพรรคจะทำให้การเมืองไทยดีขึ้น ไม่เชื่อถ้าการยุบพรรคจะทำให้ การจัดการฝ่ายตรงข้ามให้อยู่หมัด ยุบแล้วก็ไปตั้งใหม่ แล้วก็โตขึ้นอีก มันเป็นแบบนี้ มาตั้งแต่ปี 2549
สำหรับประชาชนที่สนับสนุนพรรคก้าวไกล แล้วเห็นว่าก้าวไกลทำถูก เห็นว่าสิ่งที่เขาถูกกระทำมันทำไม่ถูก การชุมนุนก็เสี่ยงคุกเสี่ยงตาราง สิ่งที่ดีที่สุดก็คือการเข้าคูหา มันเซฟที่สุด ปลอดภัยที่สุด ปี 2568 ก้าวไกลส่งเลือก อบจ. ก็เลือกกันให้หมดเลย ปี 2570 ก็มีเลือกตั้ง ก็แสดงพลังออกมาเลย ดังนั้น เขาก็จะไปตั้งพรรคใหม่อยู่ดี ประชาชนก็จะเห็นว่า เขาถูกกระทำ พูดง่ายๆ ฝ่ายมีอำนาจอยากจะกำจัดการปีศาจตัวนี้ แต่มันจัดการไม่ได้ ยิ่งจัดการ มันยิ่งขยายผล ดังนั้นควรคิดทบกวนได้แล้วว่ามันไม่ถูก
นอกจากนี้ ปิยบุตร แสงกนกกุล ยังเชื่อว่า สังคมไทย จะมีความประนีประนอมกันได้ บนความขัดแย้งทางการเมือง
"ผมยังเชื่อว่า สังคมไทย มีเอกลักษณ์พิเศษ มันมีความเป็นเพื่อนพ้องน้องพี่กันอยู่มาก เราไม่เคยมี Civil War (สงครามการเมือง) ตายกันเป็นเบืออะไรขนาดนั้น สุดท้ายเรากลับมาพูดกันได้ตลอด
ผมยังเชื่อว่าการประนีประนอม เพื่อหาจุดร่วมกัน มันยังหากันได้ ฝ่ายที่มีอำนาจต้องเปลี่ยนแว่นก่อน ถ้าผู้มีอำนาจใช้แว่นสมัยสงครามเย็น ก็จะเชื่อไปหมด เขาคิดกันจริงๆ ว่ามันเป็นกระบวนการเดียวกันหมด... มันต้องเชื่อมั่นว่า เราจะหาทางออกด้วยกัน ผมว่า เราทำให้ประเทศนี้ ได้อีกเยอะ"
หลังจากศาลรัฐธรรมนูญ ตัดสินคดี พรรคก้าวไกล หาเสียงแก้ ม.112 เข้าข่ายล้มล้างการปกครองแล้ว ณ เวลานี้ ผ่านไป 24 ชั่วโมง แต่ ปิยบุตร แสงกนกกุล ยังไม่มีโอกาสได้ พูดคุย กับ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แต่ถ้าเจอก็จะให้กำลังใจ
"ยังไม่ได้คุยกับพิธา ... ผมให้กำลังใจคุณพิธาอยู่แล้ว พิธา เป็นบุคคลที่เหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรีในสมัยนี้ เหมาะสมกว่าธนาธร เหมาะสมกับผม เพราะผมรู้ดีว่ากลุ่มผู้มีอำนาจเขาคงไม่สบายใจ กับธนาธร กับผม แต่กับพิธา , เขา มีท่าทีอะไรบางอย่าง ซึ่งผมคิดว่า พิธา เหมาะเป็นนายกฯในสมัยนี้ เขาเข้าใจคนรุ่นใหม่ ขณะเดียวกันเขาก็พร้อมทำงานกับคนรุ่นเดิมด้วย ถ้าผมเป็นผู้มีอำนาจ กำกับระบบประเทศนี้นะ ผมให้พิธาเป็นนายกฯ ประเทศนี้เลย ผมให้กำลังใจเขาเต็มที่ ผมเชื่อว่าเขาก็แรงเสียดทาน เขาคงเห็นว่าอะไรเป็นอะไร เขาคงเห็นที่ผมโดนมาแล้ว เขาคงตั้งรับสถานการณ์ไว้ล่วงหน้า และมีกำลังใจต่อไป ผมยังอยากเห็นก้าวไกลมาทำงานอยู่
จากนี้ ในมุมมองของ ปิยบุตร แสงกนกกุล ยังเชื่อว่า การทำงานของพรรคก้าวไกล อาจจะมี "ความขัดแย้ง" กันทางความคิด และ การจะเดินหน้าต่อไปในมุมของการเดินหน้าแก้ ม.112 ยังคงเป็นสิ่งที่ต้องติดตามต่อไป
"จะมีนักร้องไปร้อง วันนี้มีแล้ว 2 ราย พรุ่งนี้ก็คงมีอีก การร้องจะเป็นชนักปักหลัง ทำให้ก้าวไกลต้องไปคิดต่อว่าต้องทำยังไง ผมคาดการณ์ว่าเป็นไปได้ที่ ภายในพรรคก้าวไกลมันจะมีความขัดแย้งกันทางความคิด ไม่ใช่ขัดแย้งกันเรื่องผลประโยชน์ จะเดินต่อไปอย่างไรต่อไป มันจะเกิดในครึ่งปีนี้
จะเป็นปัญหาการเมืองของรัฐบาล ว่าในท้ายที่สุด สิ่งที่คุณแถลงเอาไว้ต่างๆ นานา เมื่อหมดเวลา 1 ปีของช่วง honey moon แล้วคุณต้องมาจัดงบประมาณแผ่นดินด้วยตัวเองแล้วเนี่ย สุดท้ายคุณทำอะไรสำเร็จแล้ว และในท้ายที่สุดคือ ผมเชื่อว่าประเด็นเรื่องอ่อนไหวอย่าง 112 หรือประเด็นปะติรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ มันค่อยๆ หายไปนะ เพราะ เราถูกดำเนินคดี เพราะมีการเลือกตั้งแต่การตัดสินแบบเมื่อวานทำให้ประเด็นนี้กลับมาใหม่ ซึ่งถ้าผมเป็นฝ่ายอนุรักษที่มีอำนาจเนี่ย ผมจะไม่เอาเรื่องนี้กลับมาใหม่ เพราะมันจะหายไปอยู่แล้ว แต่อยู่ดีๆ มันกลับมาใหม่ ผมเลยคิดว่าช่วงปี สองปีเนี่ย มันจะมีประเด็นเรื่องพวกนี้ขึ้นมาอีก"
ข่าวที่เกี่ยวข้อง