นอกจากกระแสของรถยนต์ไฟฟ้าที่มีข้อดีในเรื่องของไม่ต้องเสียเงินเติมน้ำมันและยังรักษ์โลกแล้ว สิ่งหนึ่งที่ผู้ซื้อรถต้องคิดคือในเรื่องของค่าประกันภัยรถยนต์ ค่ายางรถยนต์ และอะไหล่ประกอบรถยนต์ เมื่อเสียและต้องซ่อมขึ้นมาจะสามารถเปลี่ยนที่ไหนได้บ้าง
Priceza Money ทำงานร่วมกับบริษัทประกันรถยนต์และโบรคเกอร์ประกันรถยนต์ เพื่อที่จะเปรียบเทียบราคาประกันรถ และ โปรโมชั่น รวมถึง การผ่อน ให้กับคนไทยที่กำลังมองหาประกันรถยนต์ และได้สรุปข้อมูลที่น่าสนใจออกมาหลายแง่มุมน่าสนใจ
โดยข้อมูลจาก Priceza มีการเปรียบเทียบระหว่างรถยนต์ไฟฟ้ารุ่น BYD Atto 3 และ CR-V ว่ามีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา ค่าชาร์จ ค่าเปลี่ยนยาง เป็นต้น
รู้หรือไม่ - รถยนต์ไฟฟ้า ในเวลา 5 ปี ประหยัดได้ถึง 160,786 บาท เฉลี่ยปีละ 32,157 บาท
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม
หากเปรียบเทียบกระแสการเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าในไทย ตั้งแต่ปี 2020-2023 พบว่า
สาเหตุที่ความต้องการซื้อรถยนต์ไฟฟ้า เติบโตแบบก้าวกระโดดส่วนหนึ่งมาจากนโยบายของรัฐบาลที่ให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีกับรถยนต์ไฟฟ้า ทำให้มีความสนใจจากค่ายรถยนต์ไฟฟ้าต่างชาติในการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น
แต่ในเวลาเดียวกัน ก็ทำให้เกิดช่องโหว่บางอย่างที่ไปส่งผลโดยตรงกับบริการหลังการขาย รวมถึงราคาประกันรถยนต์ไฟฟ้า
นอกจากนี้ ด้วยจำนวนของรถยนต์ไฟฟ้าอีวีที่มีอยู่น้อย ทำให้อู่ซ่อมที่มีประสบการณ์ในการซ่อมน้อยมากเช่นกัน ต้องมีการสั่งซื้ออะไหล่และซ่อมจากศูนย์บริการในเครือเท่านั้น
ทั้งนี้ กรุงเทพประกันภัยได้ให้ข้อมูลแก่ผู้ถือหุ้นเกี่ยวกับกรณีค่าประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้าทำไมถึงมีราคาแพงกว่าประกันภัยรถยนต์ทั่วไป เหตุผลคือ
“ปริมาณการใช้รถ EV ในปัจจุบันมีจำนวนไม่มาก และสถิติความเสียหายของการใช้รถ EV มีจำนวนน้อย ส่งผลให้เบี้ยประกันภัยอาจไม่สามารถสะท้อนความเสี่ยงที่แท้จริงได้ อย่างไรก็ตามบริษัท ได้มีการกำหนดเบี้ยประกันภัยรถ EV ในอัตราที่สูงกว่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ทั่วไปประมาณ 20%”
ดังนั้น เมื่อเทียบกันระหว่างประกันแบบซ่อมศูนย์และประกันแบบซ่อมอู่ จึงมีราคาต่างกันเกือบหนึ่งหมื่นบาท นอกจากความเสี่ยงสูงแล้ว ความสามารถในการซ่อมรถยนต์ไฟฟ้าของพนักงานก็มีผลต่อราคาเช่นกัน