เดือนสุดท้ายของปีแบบนี้ นอกจากจะเดือดในเรื่องของการสรุปยอดขายหรือรายได้ปลายปี การวางแผนการตลาดสำหรับต้นปีหน้าก็เป็นเรื่องสำคัญที่เดือดไม่แพ้กัน โดยเฉพาะเรื่องของพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา ทำให้ต้องหาแนวทางใหม่ๆ มาปรับใช้งานกันตลอดทั้งปี
นอกจากนี้ มีหลายแบรนด์ที่เริ่มหาคีย์เวิร์ดเพื่อนำไปใช้ในการวิเคราะห์เทรนด์การตลาดที่เหมาะกับแต่ละธุรกิจ วันนี้ SpringNews จะมาแนะนำเครื่องมือที่เหมาะต่อการนำไปใช้ในการสร้างกลยุทธ์ใหม่ๆ กัน
ด้วยพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคทำให้ในปี 2023 จะต้องเพิ่มความน่าสนใจกับด้านการตลาด ไม่ว่าจะเป็น
สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับอินฟลูเอนเซอร์ :
การบอกต่อ หรือบอกแบบปากต่อปาก ยังคงเป็นโอกาสในการขายที่ดีอย่างต่อเนื่อง ยิ่งเป็นธุรกิจที่มีมูลค่ามาก ยิ่งต้องใช้ความเชื่อใจในการบอกต่อ อย่างเช่น ยานยนต์ อสังหาริมทรัพย์ หรือสินค้าแฟชั่นราคาแพง เพราะอินฟลูเอนเซอร์เปรียบเสมือนตัวแทนของแบรนด์ที่ไม่ใช่การพูดแบบแบรนด์แอมบาสเดอร์ที่เป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์
วิดีโอคอนเทนต์แกนหลักในการสื่อสารบนโซเชียล :
แม้ทุกแบรนด์จะมีเว็บไซต์ หรือเพจอยู่แล้ว แต่การทำคอนเทนต์วิดีโอที่ไม่ใช่ไลฟ์สดขายของเพียงอย่างเดียว ก็ช่วยสร้างความน่าเชื่อถือได้เช่นกัน
ให้ลูกค้าบอกต่อดีกว่าขายเองฝ่ายเดียว :
การมีบทความเชิญชวนจากแบรนด์อาจไม่ได้ผลในเรื่องความน่าเชื่อถือเท่ากับการให้ลูกค้าเป็นคนบอก แค่การคอมเมนต์บนโซเชียลหรือรีวิวบนเฟสบุคส่วนตัว ก็ทำให้แบรนด์ดูมีคุณค่ามากขึ้นกว่าเดิม
อ่านข่าวอื่นๆ เพิ่มเติม ได้ที่
ทั้งนี้ ภาคธุรกิจที่มีการลงทุนเรื่องเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่น ต้องใส่ใจในเรื่องของเทรนด์ใหม่ๆ ที่จะมีการเปลี่ยนแปลงบ้าง แม้จะมีหน้าบ้านสำหรับการทำกลยุทธ์ SEO แล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า กลยุทธ์อื่นๆ จะไม่สำคัญ โดยเฉพาะในส่วนของทีมงานและพฤติกรรมของลูกค้า
มองหาลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ บ้าง :
แม้จะมีกลุ่มแฟนของแบรนด์อยู่แล้ว แต่การเพิ่มโอกาสทางการขายย่อมดีกว่า ลองออกไปค้นหากลุ่มเป้าหมายใหม่ๆ โดยไม่ใช้การเก็บ Cookie ที่ได้แต่ภาพรวมพฤติกรรมการค้นหาซึ่งไม่อาจตรงกับสิ่งที่คุณต้องการ
ทำงานแบบ Agile Marketing :
ตอนนี้หันไปทางไหนก็มีแต่คำว่า Agile แล้วทำไมถึงไม่ลองใช้แนวทางนี้มาสร้างกลยุทธ์ทางการตลาดกันบ้าง ซึ่งประโยชน์ของการทำงานแบบ Agile ก็คือ วางแผนงานแบบยืดหยุ่นปรับตามสถานการณ์ได้, จัดทีมทำโปรเจ็กต์เสริมได้แบบไม่เสียงานหลัก, สร้างโอกาสทางรายได้ใหม่ๆ ได้ดีกว่า เพราะมีข้อมูลในมือให้พร้อมปรับเปลี่ยนต่อสถานการณ์, เห็นปัญหาร่วมกันและช่วยแก้ไขได้เร็วกว่า
ประสบการณ์ลูกค้าต้องพอเหมาะ :
สิ่งที่ต้องระวังคือเรื่องของ ความเงียบ ยิ่งลูกค้ายุคใหม่ต้องสามารถเข้าถึงแบรนด์ได้ทุกช่องทาง การสร้าง Journey จึงเป็นแกนหลักที่จะช่วยให้เจ้าของธุรกิจวิเคราะห์กระบวนการซื้อของลูกค้าได้ชัดขึ้น
นอกจากเรื่องของพฤติกรรมลูกค้าที่น่าสนใจและควรใช้งานให้เกิดผลดีแล้ว การปรับใช้เทคโนโลยีก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพราะมีเทคโนโลยีใหม่ๆ มากมายที่จะเข้ามาช่วยลดและย่นระยะการทำงาน หรือเครื่องมือที่ช่วยให้เข้าใจลูกค้าได้ดีขึ้น เพียงแต่ธุรกิจจะต้องเรียนรู้จากประสบการณ์และปรับใช้เครื่องมือให้พอดีกับการใช้งานในแต่ละแคมเปญ
Voice Search ก็ควรทำ SEO ด้วย :
เชื่อว่าทุกแบรนด์ต้องทำ SEO กันอย่างหนักหน่วง แล้วทำไมการค้นหาด้วยเสียงพูดไม่ลองเอามาทำ SEO บ้างล่ะ ลองนึกคำพูดง่ายๆ อย่าง “ลาเต้ร้านไหนอร่อย” “ร้านข้าวมันไก่ใกล้ฉัน” “ปั๊มน้ำมันแถวนี้” การทำ SEO แนวคำถาม-คำตอบอย่างง่ายๆ ก็ช่วยเพิ่มโอกาสให้ธุรกิจได้เช่นกัน
หมดยุคถามแล้วไม่ตอบ :
แชทเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้คุณสามารถขายของได้ดีขึ้น แต่ต้องไม่ยัดเยียดการคุยให้ดูน่ารำคาญ หากคุณสามารถทำให้ลูกค้าอยากคุยและตอบคุณมากขึ้น นั่นยอมเป็นโอกาสจดจำแบรนด์ของคุณมากกว่าแค่ทำเป็นเงียบไป
PDPA สิ่งสำคัญที่ต้องระวังในการทำกลยุทธ์การตลาด
การไม่ก้าวก่ายสิทธิส่วนบุคคล ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่เจ้าของธุรกิจทุกประเภทต้องให้ความสนใจ เพราะกฏหมาย PDPA ยังคงเป็นเรื่องที่ทุกธุรกิจต้องตระหนักกันอยู่ การใช้งานเรื่องของเทคโนโลยีใหม่หรืออุปกรณ์อย่าง VR และ IoT ทำให้สุ่มเสี่ยงในการเข้าถึงสิทธิส่วนบุคคล เพราะต้องให้ลูกค้าอนุญาตการเข้าถึงก่อนเชื่อมต่ออุปกรณ์เหล่านี้ แม้ลูกค้าจะอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลส่วนตัวเพราะต้องการใช้อุปกรณ์อยู่แล้ว แต่ก็ต้องชี้แจงให้ชัดเจนก่อนทุกครั้ง ไม่ใช่เหมารวมการอนุญาตทั้งหมด