SHORT CUT
หรือวรรณคดีไทยและค่านิยมจะสะท้อนความคิดสังคมไทยในอดีตไม่ได้ห้ามให้มีเมียหลายคน อาจกลายเป็นการปลูกฝังมาจนถึงปัจจุบัน
ค่านิยมเรื่อง “ผัวเดียวหลายเมีย” หรือการที่ผู้ชายมีภรรยาได้หลายคน เคยเป็นสิ่งที่ปรากฏอย่างเด่นชัดในสังคมไทยมาเป็นเวลานาน โดยมีรากฐานมาจากความเชื่อ ประเพณี ทำเนียมปฏิบัติ รวมถึงสะท้อนอยู่ในวรรณกรรมและวรรณคดีต่างๆ ของไทย บทความนี้จะนำเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับค่านิยมดังกล่าว โดยพิจารณาจากบริบททางสังคม ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมที่หล่อหลอมให้เกิดเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ได้รับการยอมรับในอดีต
ในอดีต สังคมไทยมีโครงสร้างที่ให้ อำนาจแก่ผู้ชายเหนือผู้หญิง ในหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถาบันครอบครัว ความเชื่อที่ว่าผู้ชายเป็น “ช้างเท้าหน้า” ของครอบครัวนั้นฝังรากลึก ในสมัยสุโขทัย กฎหมายตำหนิผู้ชายที่ ทำชู้กับภรรยาคนอื่น แต่มิได้ห้ามการมีภรรยาหลายคน ในขณะที่ผู้หญิงที่มีสามีแล้วจะมีความสัมพันธ์กับชายอื่นไม่ได้ หากฝ่าฝืนจะถูกมองว่าผิดศีลธรรมอย่างร้ายแรงตามความเชื่อในไตรภูมิพระร่วง
กระทั่งสมัยอยุธยาและรัตนโกสินทร์ตอนต้น กฎหมายยังคงเปิดโอกาสให้ผู้ชายสามารถมีภรรยาได้หลายคนอย่างถูกกฎหมาย ดังปรากฏใน “พระไอยการลักษณะผัวเมีย” ที่ตราขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 1904 และใช้มาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ กฎหมายนี้ได้แบ่งประเภทของภรรยาออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ เมียกลางเมือง (ภรรยาหลวง), เมียกลางนอก (อนุภรรยาหรือเมียน้อย) และ เมียกลางทาษี (ทาสภรรยา) ภรรยาทั้งสามประเภทนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย และผู้ชายสามารถมีภรรยาได้หลายคนในทุกประเภท
นอกจากกฎหมายที่เอื้ออำนวยแล้ว ค่านิยมในสังคม ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการมีภรรยาหลายคน ผู้ชาย โดยเฉพาะใน ชนชั้นเจ้านายและขุนนาง มองว่าการมีภรรยาหลายคนเป็นการแสดงถึง ฐานะทางเศรษฐกิจ สังคมชั้นสูง และอำนาจทางการเมือง ในสมัยอยุธยาและรัตนโกสินทร์ตอนต้น การมีพระมเหสีหลายพระองค์ถือเป็นประเพณีที่สืบเนื่องมาจากการต้องการ เสริมสร้างอำนาจทางการเมือง โดยการแต่งงานกับบุตรสาวของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เพื่อเข้ามาเป็นเจ้าจอม
ระบบ ผัวเดียวหลายเมีย ยังมีความสำคัญต่อการค้ำยัน ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เนื่องจากเป็นการผนวกรวมกลุ่มอำนาจต่างๆ เข้าสู่สถาบันกษัตริย์ผ่านการแต่งงานกับผู้หญิงของตัวแทนกลุ่มอำนาจต่างๆ เช่น เจ้าท้องถิ่น ขุนนางระดับสูง อีกทั้งยังเป็นการสร้างลูกหลานเพื่อทำหน้าที่ในการบริหารราชการ
ค่านิยมการมีภรรยาหลายคนได้ถูกนำเสนออย่างชัดเจนในวรรณกรรมและวรรณคดีไทยหลายเรื่อง โดยมักปรากฏในบทบาทของ พระเอก ที่มักจะมี “เมียเยอะ” หรือ “มากเมีย” ตัวเอกชายเหล่านี้มักมีภาพลักษณ์ของความ หล่อเหลา เสน่ห์ และความสามารถ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ดึงดูดให้หญิงสาวเข้ามาในชีวิตของพวกเขา
ตัวอย่างพระเอกวรรณคดีไทยที่มีภรรยาหลายคน ได้แก่
วรรณคดีเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าการมีภรรยาหลายคนสำหรับผู้ชายในอดีตมิใช่เรื่องแปลก หากแต่เป็นสิ่งที่ปรากฏอยู่ทั่วไปในสังคม และตัวละครเอกที่เป็นชายมักจะประสบความสำเร็จในความรักและมีหญิงสาวเข้ามาในชีวิตมากมาย ในทางตรงกันข้าม วรรณคดีมักไม่ปรากฏภาพพระเอกที่ถูกหญิงทิ้ง หรืออกหักจากนางเอก การอกหักมักตกอยู่กับตัวรองที่เป็นคู่แข่งของพระเอก เพื่อเป็นการเน้นย้ำถึงความสมหวังของตัวเอก
จะเห็นได้ว่าค่านิยมการมีผัวเดียวหลายเมียเคยเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทยในอดีต โดยมีรากฐานมาจากความเชื่อเรื่องอำนาจชายเหนือหญิง ประเพณีที่ได้รับการรับรองทางกฎหมาย และค่านิยมที่เชื่อมโยงการมีภรรยาหลายคนกับสถานะทางสังคมและการเมือง วรรณกรรมและวรรณคดีไทยในอดีตได้สะท้อนภาพของพระเอกที่มีภรรยาหลายคน ซึ่งสอดคล้องกับค่านิยมที่แพร่หลายในยุคนั้น อย่างไรก็ตาม อิทธิพลของวัฒนธรรมตะวันตกและการเปลี่ยนแปลงทางสังคมได้นำไปสู่การปรับเปลี่ยนกฎหมายและค่านิยม จนทำให้ระบบผัวเดียวเมียเดียวได้รับการยอมรับและปฏิบัติอย่างกว้างขวางในสังคมไทยปัจจุบัน
อ้างอิง
SilpaMag1 / SilpaMag2 / 101 / รุ่งโรจน์ ภิรมย์อนุกูล / DekD /