svasdssvasds

ผัวเดียวหลายเมีย ค่านิยมไทยในอดีต สะท้อนผ่านค่านิยมและวรรณคดี

ผัวเดียวหลายเมีย ค่านิยมไทยในอดีต สะท้อนผ่านค่านิยมและวรรณคดี

หรือวรรณคดีไทยและค่านิยมจะสะท้อนความคิดสังคมไทยในอดีตไม่ได้ห้ามให้มีเมียหลายคน อาจกลายเป็นการปลูกฝังมาจนถึงปัจจุบัน

SHORT CUT

  • วรรณคดีไทยมักนำเสนอภาพพระเอกที่มีภรรยาหลายคน ซึ่งสะท้อนให้เห็นค่านิยมเรื่อง "ความเจ้าชู้" และ "เมียมาก" ในตัวละครเอก. ตัวอย่างพระเอกที่มีภรรยาหลายคน ได้แก่ พระลอ, ขุนแผน, พระอภัยมณี, อิเหนา และหนุมาน
  • ในสังคมไทยสมัยก่อน ระบบ "ผัวเดียวหลายเมีย" เป็นเรื่องที่ได้รับการยอมรับทางกฎหมายและเป็นค่านิยมที่แสดงถึงฐานะทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมืองของผู้ชาย โดยเฉพาะในหมู่ชนชั้นเจ้านายและขุนนาง กฎหมายลักษณะผัวเมียในสมัยอยุธยาได้แบ่งประเภทของภรรยาออกเป็นหลายประเภท
  • พระเอกในวรรณคดีไทยโบราณมักไม่เคย "อกหัก" หรือถูกผู้หญิงทอดทิ้ง การอกหักมักปรากฏในตัวละครรองที่เป็นคู่แข่งของพระเอก. ในทางตรงกันข้าม พระเอกมักเป็นฝ่ายทอดทิ้งภรรยาเพื่อไปหานางเอก โดยมักมีเหตุผล เช่น ความจำเป็นหรืออำนาจมืดเข้ามาเกี่ยวข้อง การที่นางเอกหรือหญิงอื่นทิ้งพระเอกไม่ได้สะท้อนถึงค่านิยมในสังคมอดีตที่ผู้ชายมีภรรยาหลายคนได้ แต่ผู้หญิงไม่สามารถมีสามีหลายคนได้

หรือวรรณคดีไทยและค่านิยมจะสะท้อนความคิดสังคมไทยในอดีตไม่ได้ห้ามให้มีเมียหลายคน อาจกลายเป็นการปลูกฝังมาจนถึงปัจจุบัน

ค่านิยมเรื่อง “ผัวเดียวหลายเมีย” หรือการที่ผู้ชายมีภรรยาได้หลายคน เคยเป็นสิ่งที่ปรากฏอย่างเด่นชัดในสังคมไทยมาเป็นเวลานาน โดยมีรากฐานมาจากความเชื่อ ประเพณี ทำเนียมปฏิบัติ รวมถึงสะท้อนอยู่ในวรรณกรรมและวรรณคดีต่างๆ ของไทย บทความนี้จะนำเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับค่านิยมดังกล่าว โดยพิจารณาจากบริบททางสังคม ประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมที่หล่อหลอมให้เกิดเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ได้รับการยอมรับในอดีต

ความเชื่อและประเพณีที่สนับสนุนการมีภรรยาหลายคน

ในอดีต สังคมไทยมีโครงสร้างที่ให้ อำนาจแก่ผู้ชายเหนือผู้หญิง ในหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถาบันครอบครัว ความเชื่อที่ว่าผู้ชายเป็น “ช้างเท้าหน้า” ของครอบครัวนั้นฝังรากลึก ในสมัยสุโขทัย กฎหมายตำหนิผู้ชายที่ ทำชู้กับภรรยาคนอื่น แต่มิได้ห้ามการมีภรรยาหลายคน ในขณะที่ผู้หญิงที่มีสามีแล้วจะมีความสัมพันธ์กับชายอื่นไม่ได้ หากฝ่าฝืนจะถูกมองว่าผิดศีลธรรมอย่างร้ายแรงตามความเชื่อในไตรภูมิพระร่วง

กระทั่งสมัยอยุธยาและรัตนโกสินทร์ตอนต้น กฎหมายยังคงเปิดโอกาสให้ผู้ชายสามารถมีภรรยาได้หลายคนอย่างถูกกฎหมาย ดังปรากฏใน “พระไอยการลักษณะผัวเมีย” ที่ตราขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 1904 และใช้มาจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ กฎหมายนี้ได้แบ่งประเภทของภรรยาออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ เมียกลางเมือง (ภรรยาหลวง), เมียกลางนอก (อนุภรรยาหรือเมียน้อย) และ เมียกลางทาษี (ทาสภรรยา) ภรรยาทั้งสามประเภทนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย และผู้ชายสามารถมีภรรยาได้หลายคนในทุกประเภท

นอกจากกฎหมายที่เอื้ออำนวยแล้ว ค่านิยมในสังคม ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการมีภรรยาหลายคน ผู้ชาย โดยเฉพาะใน ชนชั้นเจ้านายและขุนนาง มองว่าการมีภรรยาหลายคนเป็นการแสดงถึง ฐานะทางเศรษฐกิจ สังคมชั้นสูง และอำนาจทางการเมือง ในสมัยอยุธยาและรัตนโกสินทร์ตอนต้น การมีพระมเหสีหลายพระองค์ถือเป็นประเพณีที่สืบเนื่องมาจากการต้องการ เสริมสร้างอำนาจทางการเมือง โดยการแต่งงานกับบุตรสาวของข้าราชการชั้นผู้ใหญ่เพื่อเข้ามาเป็นเจ้าจอม

ระบบ ผัวเดียวหลายเมีย ยังมีความสำคัญต่อการค้ำยัน ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เนื่องจากเป็นการผนวกรวมกลุ่มอำนาจต่างๆ เข้าสู่สถาบันกษัตริย์ผ่านการแต่งงานกับผู้หญิงของตัวแทนกลุ่มอำนาจต่างๆ เช่น เจ้าท้องถิ่น ขุนนางระดับสูง อีกทั้งยังเป็นการสร้างลูกหลานเพื่อทำหน้าที่ในการบริหารราชการ

ผัวเดียวหลายเมียสะท้อนในวรรณกรรมและวรรณคดีไทย

ค่านิยมการมีภรรยาหลายคนได้ถูกนำเสนออย่างชัดเจนในวรรณกรรมและวรรณคดีไทยหลายเรื่อง โดยมักปรากฏในบทบาทของ พระเอก ที่มักจะมี “เมียเยอะ” หรือ “มากเมีย” ตัวเอกชายเหล่านี้มักมีภาพลักษณ์ของความ หล่อเหลา เสน่ห์ และความสามารถ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ดึงดูดให้หญิงสาวเข้ามาในชีวิตของพวกเขา

ตัวอย่างพระเอกวรรณคดีไทยที่มีภรรยาหลายคน ได้แก่

  1. พระลอ จากเรื่อง ลิลิตพระลอ มีภรรยา 3 คน คือ พระลักษณวดี (มเหสีเอก) และพระเพื่อนพระแพง (สองฝาแฝด)
  2. ขุนแผน จากเรื่อง ขุนช้างขุนแผน มีภรรยาหลายคน ได้แก่ นางวันทอง, นางสายทอง, นางลาวทอง, นางบัวคลี่ และนางแก้วกิริยา
  3. พระอภัยมณี จากเรื่อง พระอภัยมณี มีภรรยาถึง 5 คน ได้แก่ นางยักษ์, นางเงือก, นางสุวรรณมาลี, นางวาลี และนางละเวงวัณฬา พระอภัยมณีได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ที่มี เสน่ห์ดึงดูดเพศตรงข้ามสูงมาก
  4. อิเหนา จากเรื่อง อิเหนา ในฐานะกษัตริย์ผู้ปกครอง มีตำแหน่งภรรยาถึง 5 ตำแหน่ง แบ่งเป็นซ้ายขวา ทำให้สามารถมีภรรยาได้ถึง 10 นาง เช่น นางจินตะหราวาตี, สะการะวาตี, มาหยารัศมี และนางบุษบา
  5. หนุมาน จากเรื่อง รามเกียรติ์ ในฐานะทหารเอกของพระราม ก็มีภรรยาหลายนาง เช่น นางบุษมาลี, นางเบญกาย, นางวารินทร์, นางสุพรรณมัจฉา, นางมณโฑ และนางสุวรรณกันยุมา รวมถึงสนมอีก 5,000 คนที่พระรามพระราชทานให้

วรรณคดีเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าการมีภรรยาหลายคนสำหรับผู้ชายในอดีตมิใช่เรื่องแปลก หากแต่เป็นสิ่งที่ปรากฏอยู่ทั่วไปในสังคม และตัวละครเอกที่เป็นชายมักจะประสบความสำเร็จในความรักและมีหญิงสาวเข้ามาในชีวิตมากมาย ในทางตรงกันข้าม วรรณคดีมักไม่ปรากฏภาพพระเอกที่ถูกหญิงทิ้ง หรืออกหักจากนางเอก การอกหักมักตกอยู่กับตัวรองที่เป็นคู่แข่งของพระเอก เพื่อเป็นการเน้นย้ำถึงความสมหวังของตัวเอก

จะเห็นได้ว่าค่านิยมการมีผัวเดียวหลายเมียเคยเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทยในอดีต โดยมีรากฐานมาจากความเชื่อเรื่องอำนาจชายเหนือหญิง ประเพณีที่ได้รับการรับรองทางกฎหมาย และค่านิยมที่เชื่อมโยงการมีภรรยาหลายคนกับสถานะทางสังคมและการเมือง วรรณกรรมและวรรณคดีไทยในอดีตได้สะท้อนภาพของพระเอกที่มีภรรยาหลายคน ซึ่งสอดคล้องกับค่านิยมที่แพร่หลายในยุคนั้น อย่างไรก็ตาม อิทธิพลของวัฒนธรรมตะวันตกและการเปลี่ยนแปลงทางสังคมได้นำไปสู่การปรับเปลี่ยนกฎหมายและค่านิยม จนทำให้ระบบผัวเดียวเมียเดียวได้รับการยอมรับและปฏิบัติอย่างกว้างขวางในสังคมไทยปัจจุบัน

อ้างอิง

SilpaMag1 / SilpaMag2 / 101 / รุ่งโรจน์ ภิรมย์อนุกูล / DekD /

related